อีบุ๊กบางกอกทูเดย์ ฉบับที่ 393 วันที่ 18-24 สิงหาคม 2566

หน้า 33 คอลัมน์วินทุกเว(ที) Ways to Win EP:26 

คิดเหมือน คิดต่าง คิดอย่าง “วินทุกเว(ที)”

ตอน 2 : เวทีประกวดจากยุคนั้นสู่ยุคนี้

คอลัมน์รวมการเฉพาะกิจแห่ง “โค้ชวินทุกเว(ที)” ใน “อีบุ๊กบางกอกทูเดย์” ในฉบับนี้เป็นตอนที่ 2 หลังจากที่  “อ.ปุ๋ย-อนุรี อนิลบล” อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้าและแต่งกาย รวมถึงกรรมการมากว่าร้อยเวที กับ “กูรูหนุ่ม-นันท์นภัทร เจิมจุติธรรม” ผู้เชี่ยวชาญด้านการประกวดและความงามระดับแถวหน้าของเมืองไทย ได้เปิดมุมมองเกี่ยวเรื่องตามหัวข้อเลยคือ เวทีประกวดจากยุคนั้นถึงยุคนี้ โดยเน้นที่ “การประกวดนางงาม” เป็นหลัก

คราวนี้มาถึงมุมมองของ “ครูปิ่น-ปิ่นศิริ ศิริปิ่น” ผู้อำนวยการโรงเรียนดนตรีและลีลา ศิริปิ่น และ สถาบันพัฒนาศิลปิน SMD 1987 ผู้สันทัดกรณีการแสดงออกบนเวที (PERFORMANCE) พร้อมทั้งการร้องเพลงและดนตรี

ครูปิ่น-ปิ่นศิริ ศิริปิ่น ได้สะท้อนมุมมองด้านการแสดงออกของนางงามว่า นางงามสมัยก่อนที่เน้นหน้าตาและรูปร่างเป็นหลัก ส่วนบุคลิกภาพเป็นรอง เพราะสามารถฝึกฝนกันได้ แต่หน้าตาและรูปร่าง นั้นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญหรือปราการด่านหน้าของนางงาม สมัยก่อน การทำศัลยกรรมด้านความสวยความงามยังไม่มี หรือถ้ามีก็ยังไม่เป็นนิยมกันอย่างแพร่หลายเหมือนอย่างเช่นในปัจจุบัน คือนางงามถ้าสวยสมมง ก็ต้องสวยแบบธรรมชาติจริง ๆ ที่พ่อแม่ให้มาตั้งแต่กำเนิด

 

ยกตัวอย่างที่ครูปิ่นเห็นได้ชัดเจนแบบคงไม่ค้านสายตาใคร ๆ นั่นคือ “คุณปุ๊ก-อาภัสรา หงสกุล” นางสาวไทย พ.ศ.2507 และนางงามจักรวาล ค.ศ.1965 คนแรกของประเทศไทย ขอยกตัวอย่างอีกคนหนึ่งคือ “คุณเล็ก-จีรนันทน์ เศวตนันทน์” นางสาวไทย พ.ศ. 2508 และรองอันดับ 2 นางงามจักรวาล ค.ศ. 1966 ซึ่งก็เป็นรองนางจักรวาลคนแรกของประเทศไทยและเพียงคนเดียวเท่านั้น

จะว่าไปแล้วน่าจะเข้าตำรับ “เบญจกัลยาณี” ที่หมายถึงสตรีผู้มีศุภลักษณ์หรือลักษณะที่งาม 5 ประการ คือ 1. ผมงาม : มีผมเหมือนหางนกยูง เมื่อสยายออกทิ้งตัวลงมาถึงชายผ้า 2. เนื้องาม : มีริมฝีปากแดงเหมือนลูกตำลึงสุก เรียบสนิทมิดชิดดี 3. ฟันงาม : ขาวเหมือนสังข์และเรียบเสมอเหมือนเพชรเรียง 4.  ผิวงาม ถ้าหากมีผิวดำก็ดำสม่ำเสมอเหมือนดอกอุบล ถ้าขาวก็ขาวเหมือนกลีบดอกกรรณิการ์ และ 5. วัยงาม : งามทุกวัย แม้คลอดบุตรมาแล้ว 10 ครั้งก็ยังดูสาวพริ้งอยู่

มาถึงยุคปัจจุบันนอกจากความสะสวยของหน้าตา รูปร่างสัดส่วนที่ลงตัวแล้ว และมีบุคลิกภาพดีแล้ว ยังต้องมีคุณสมบัติที่โดดเด่น ชนิดที่ว่า “สื่อมวลชน” แขนงต่าง ๆ  ทนไม่ไหวต้องขอสัมภาษณ์ทำข่าวทันทีทันใดอาทิ

1.พูดได้หลายภาษา : แค่ภาษาสากลอย่าง “อังกฤษ” ว่าเจ๋งแล้ว แต่แม่คุณคนนั้นพูดได้ถึง 4-5 ภาษา ที่นอกเหนือจากไทยกับอังกฤษแล้วยัง เช่น เยอรมัน,ฝรั่งเศส,จีน,เกาหลี,ญี่ปุ่น,สเปน,ยาวี ฯลฯ ซึ่งสกิลการพูดไม่ใช่เพียงแค่ YES-NO-OK.-THANK YOU เรียกว่า “ขั้นเทพ” พูดน้ำไหลไฟดับทีเดียวเชียวแหละ

               2.พัฒนาทักษะการพูด : เพราะการประกวดในสมัยนี้ให้ความสำคัญในเรื่องของการพูดมาก กระทั่งเกิดลักษณะนางงามขึ้นมาใหม่คือ “นางงามสายสปีช” เพื่อตอบโจทย์เวทีใหญ่ ๆ ในยามนี้ ที่ให้ความสำคัญกับการพูด ซึ่งบรรจุไว้ในกิจกรรมหรือรอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสัมภาษณ์รอบแรก , รอบ Keyword, รอบพรีเซนเตอร์สินค้าสปอนเซอร์,รอบพรีเซต์ชาเลนจ์ในระหว่างเก็บตัว และ รอบคำถาม 10 คน,5 คน หรือ 3 คนสุดท้าย ซึ่งดู ๆ แล้วน่าจะเป็นบรรทัดฐานวัดว่าใคร “ได้มง” หรือ “เขวี้ยงมง” ก็จากรอบไฟนอลนี้แหละ คำถามไม่ว่าจะรอบไหน โดยเฉพาะรอบสุดท้าย พวกเราเคยคุยกันว่า “เหมือนนางงามสอบจอหงวนเลย!”

ทำให้บรรดา นางงามต้องไปเรียนฝีกวิทยายุทธศิลปะการพูด ซึ่งทีมวินทุกเว(ที) มีโอกาสได้ไปเป็นวิทยากรเวทีประกวดนางงาม หรือสอนตัวต่อตัว เพื่อแนะนำเรื่องศิลปะการพูดให้กับนางงามอยู่บ่อยครั้งนางงามสายสปีช จะพูดเก่งมาก เรียกว่า “ไม่ตายไมค์” ถามอะไรมาตอบได้หมด รวมทั้งเขียนข้อความลงในโซเชี่ยลมีเดีย ที่โพสต์ก็เป็นที่ฮือฮา  ยกตัวอย่างนางงามที่โดดเด่นในเรื่องนี้คือ “น้องเฌอเอม-ชญาธนุส ศรทัตต์” ไปเวทีไหนปังเวทีนั้น สังเกตดูว่า มีสำนักข่าวหลายแห่งพาดหัวไปในทำนองเรื่องพูด อาทิ

            “เฌอเอม…โชว์สปีชสุดปั๊วะ!” (Kapook.com)                                                                                                                                                                                     “เปิดคำตอบ เฌอเอม ชญาธนุส ทัศนคติสุดปัง…” (Teenee.com)
            “เฌอเอม…ตอบได้ปังทัชใจ” (amarintv.com)
           “เฌอเอม ตอบฟาด คำถาม…” (brighttv.co.th)
           “เฌอเอม ฟาดทุกคำถาม ปังทุกคำตอบ” (สำนักข่าวไทย)
           “ไม่มีค่ำคืนใดที่ไม่บรรจบกับยามเช้า แม้แต่คืนที่มืดมิดที่สุดยังต้องยอมรับวันใหม่ ถ้าชีวิตของเราเป็นเหมือนกับท้องฟ้า มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะยอมให้ดวงอาทิตย์ขึ้นมาหรือจมอยู่ในความมืดต่อไป..เอมต้องผ่านสิ่งเหล่านั้นเพื่อที่จะเห็นแสงแรก ถ้าคุณยังจมดิ่งอยู่ที่นั่น อย่ารอเลยค่ะ เริ่มออกวิ่งกันเถอะ…” (IG Chareaims)

    3. ดึงดูดด้านความสามารถพิเศษ : ครูปิ่นของนิยามคำว่า “ความสามารถพิเศษ” คือสิ่งที่ชาวบ้านธรรมดาทำไม่ได้ อย่างครูปิ่นถนัดด้านดนตรี หากใคร “ร้องเพลง” ได้แบบธรรมดาซึ่งใคร ๆ ก็ร้องได้ ครูปิ่นไม่ถือว่าเป็น “ความสามารถพิเศษ” ถ้าจะทำให้การร้องเพลงของเราเป็น “ความสามารถพิเศษ” เช่น ร้อง
“โอเปร่า” (opera) หรือ “อุปรากร” ได้อย่างดียอดเยี่ยมกระเทียมดอง หรือร้องเพลงได้ “หลายภาษา” แต่ต้อง 4-5 ภาษาขึ้นไปนะ ซึ่งต้องออกเสียงให้เหมือนกับเจ้าภาษาเป๊ะ ๆ เลยนะครับ พูดถึงการร้องเพลงนี่ก็สำคัญต่อการประกวดนางงามในยุคนี้ จะเห็นว่า นางงามบางคนแจ้งเกิดบนเวทีคอนเสิร์ตได้อย่างสวยงาม

  4. เบิกเนตรในโลกโซเชี่ยลมีเดีย : เรื่องนี้นางงามห้ามพลาดเด็ดขาด จะต้องมีการสร้างคอนเทนต์ (Content) ที่ดีสุดสร้างสรรค์ให้กับตัวเองบนแพลตฟอร์ม ( Platform ) ต่าง ๆ โลกโซเชี่ยลมีเดีย เช่น TikTok และ ช่อง Youtube บางคนกลายเป็น Tiktoker หรือ Youtuber ที่มีคนรู้จักมากกว่าจากสื่อมวลชนลงข่าวเสียอีก มียอดคนติดตาม follow) เพียบ และตรงนี้อาจถือได้ว่าเป็นช่องทางทำมาหากิน นางงามบางคนผันตัวมาเป็น “อินฟลูเอนเซอร์”  (Influencer)  และ “แม่ค้าออนไลน์” ขายของได้เหยียบล้านบาทก็มีให้เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง
            เพียงแค่คุณทำ 4 ข้อนี้ได้ก็ใกล้ “มง” แล้วแหละ!

โปรดติดตามอ่านได้ในตอนหน้า…
(ภาพ : อินเทอร์เน็ต,Vintage Galllery)
ดร.จุมพล โพธิสุวรรณ..เรียนเรียง

 

หน้า 33 คอลัมน์วินทุกเว(ที) Ways to Win EP:26 

คิดเหมือน คิดต่าง คิดอย่าง “วินทุกเว(ที)”

ตอน 2 : เวทีประกวดจากยุคนั้นสู่ยุคนี้

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์ ฉบับที่ 393 วันที่ 18-24 ส.ค.66)

https://book.bangkok-today.com/books/ufim/
สามารถพลิกอ่านได้เหมือนหนังสือปกติ