Digiqole ad

โอกาสธุรกิจ ! “พาณิชย์” สำรวจตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงล่าสุด อเมริกาโตต่อเนื่อง ไต้หวันเตรียมผ่อนคลายกฎระเบียบ ผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไทยรุกทำเงิน

 โอกาสธุรกิจ ! “พาณิชย์” สำรวจตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงล่าสุด อเมริกาโตต่อเนื่อง ไต้หวันเตรียมผ่อนคลายกฎระเบียบ ผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไทยรุกทำเงิน
Social sharing

Digiqole ad
นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าจากการติดตามสถานการณ์การค้าในต่างประเทศ ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นั้น ล่าสุดได้รับรายงานถึงสถานการณ์ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในต่างประเทศจากนางสุปรารถนา กมลเวชช ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา ทูตพาณิชย์ รายงานว่า ปัจจุบันชาวอเมริกันมีจำนวน 86.9 ล้านครัวเรือน ซึ่งได้มีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างน้อยหนึ่งชนิด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 66 ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมดในสหรัฐฯ โดยปี 2565 ชาวอเมริกันมีค่าใช้จ่ายสำหรับสัตว์เลี้ยงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.7 ล้านล้านบาท) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.68 และชาวอเมริกันยังมีความต้องการซื้อสินค้าอาหารและของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงเป็นมูลค่าสูงเนื่องจากกระแสการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงแบบมนุษย์ (Pet Humanization) โดยปัจจุบันตลาดสินค้าอาหารและของใช้สัตว์เลี้ยงสหรัฐฯ มีมูลค่า 7.74 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.66 ล้านล้านบาท) มีแนวโน้มขยายตัวเป็น 9.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.25 ล้านล้านบาท) ในปี 2571 หรือขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 4 ต่อปี โดยไทยมีมูลค่าการส่งออกอาหารสุนัขและแมวมากที่สุดในสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 40.43 ยังเป็นโอกาสในการสนับสนุนการส่งออกสินค้าอาหารและขนมสัตว์เลี้ยง ของใช้สัตว์เลี้ยง รวมถึงการส่งออกสัตว์เลี้ยงไทยไปยังตลาดสหรัฐฯ ในอนาคต
นอกจากนี้ล่าสุดนางสาวกัลยา ลีวงศ์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) ซึ่งประจำการอยู่ ณ เมืองไทเป ไต้หวัน ได้รายงานว่าคณะกรรมการการเกษตรของไต้หวัน (Council of Agriculture) เตรียมผ่อนคลายกฎระเบียบการนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยง (Quarantine Requirements for the Importation of Dog and Cat food) ซึ่งจะลดขอบเขตสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง จำพวกอาหารสุนัขและแมวจากประเทศสมาชิกของ WTO ที่ต้องควบคุมหรือจัดระเบียบนำเข้า โดยจะผ่อนปรนให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากเนื้อสัตว์ที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อนสูง เช่น อาหารกระป๋อง หรืออาหารแห้งอัดเป็นเม็ด ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปเม็ดหรือแคปซูล ที่บรรจุในบรรจุภัณฑ์ดั้งเดิมจากโรงงาน ไม่เป็นสินค้าที่ต้องควบคุมอีกต่อไป ส่งผลให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีส่วนผสมจากเนื้อสัตว์ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงและบรรจุในบรรจุภัณฑ์มิดชิดไปไต้หวันโดยไม่มีข้อจำกัด แต่การส่งออกสินค้าอาหารสัตว์ที่ผลิตจากเนื้อสัตว์ที่ผ่านกรรมวิธีผลิตด้วยอุณหภูมิต่ำยังคงต้องดำเนินขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง เช่น การขึ้นทะเบียนเป็นโรงงานที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไปไต้หวัน และจะต้องแนบใบรับรองสุขอนามัยผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเปิดให้แสดงความเห็นต่อการแก้ไขระเบียบได้ภายใน 60 วันนับจากวันประกาศ (สิ้นสุดวันที่ 11 สิงหาคม 2566)
ทั้งนี้ไทยเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่สำคัญอันดับ 1 ของไต้หวัน โดยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 37 ของการนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของไต้หวัน การผ่อนคลายกฎระเบียบการนำเข้าโดยลดขอบเขตสินค้าที่ต้องควบคุมหรือจัดระเบียบการนำเข้า นับว่าเป็นผลดีกับการส่งออกของไทยมายังไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันชาวไต้หวันหันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น โดยจากข้อมูลของคณะกรรมการการเกษตรไต้หวันชี้ว่า ปี 2565 มีการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงสุนัขและแมวในไต้หวันรวมทั้งสิ้นเกือบ 3 ล้านตัว และหากรวมถึงสุนัขและแมวที่ไม่ได้รับการฝังชิพ น่าจะมีจำนวนรวมมากกว่า 5 ล้านตัว จึงถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพของไทย
แม้แต่ในตลาดแอฟริกา นายอภิรักษ์ แพพ่วง ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพริทอเรีย แอฟริกาใต้ รายงานเพิ่มเติมว่า ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในแอฟริกาใต้เป็นตลาดใหญ่เนื่องจากประชากรนิยมเลี้ยงสุนัขและแมว แม้อุตสาหกรรมในแอฟริกาใต้จะมีการผลิตเองในประเทศ แต่ความต้องการยังไม่เพียงพอเนื่องจากมีการส่งออกไปประเทศใกล้เคียงด้วย ดังนั้น ตลาดแอฟริกาใต้จึงเป็นตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจของผู้ส่งออกไทยที่ต้องการขยายตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมายังภูมิภาคนี้ ซึ่งไทยก็ส่งมาแอฟริกาใต้ แต่มูลค่ายังไม่สูงนัก ปีละประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 68 ล้านบาท)
ที่มา : เพจพรรคประชาธิปัตย์
Facebook Comments


Social sharing

Related post