Digiqole ad

‘เอกวิทย์’ สร้าง SOFT POWER ไทยก้าวไกลสู่สากล

 ‘เอกวิทย์’ สร้าง SOFT POWER ไทยก้าวไกลสู่สากล
Social sharing

Digiqole ad

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศไทย ของเรา มี Soft Power ต่าง ๆ อยู่มากมาย ทั้งเรื่องของอาหาร ศิลปะ และวัฒนธรรม และอื่น ๆ  ซึ่งไม่เพียงช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมความเป็นประเทศไทย ที่ทำให้คนต่างชาติ ได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้นเท่านั้น ทว่า ยังช่วยดึงเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยว เข้ามาสู่ภายในประเทศไทย ได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว และปัจจุบัน บริษัท หรือองค์กรชั้นนำของเอกชน ก็ได้มีส่วนเข้ามาช่วยสร้าง Soft Power เพื่อดึงดูดความสนใจให้กับชาวต่างชาติ ได้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น 

โปรเจ็กต์ ล่าสุด

อย่างล่าสุด สยาม เซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ภายใต้การดำเนินงานโดย บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ได้สร้างปรากฎการณ์ครั้งสำคัญ อีเวนท์แห่งปี 2023 “Siam Center presents XEVA x 789 Cosmic Playground หนึ่งในแคมเปญ Colorful Bangkok Winter Festival 2023 คุณเอกวิทย์ ชัยวรานุรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารหน่วยธุรกิจ สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ได้กล่าวถึงความตั้งใจ ในการสร้างสยามเซ็นเตอร์ “เรามีความตั้งใจ ที่จะให้ศูนย์การค้าแห่งนี้ เป็น เมืองไอเดียที่ล้ำเทรนด์  และตั้งใจให้เป็นพื้นที่เปิดกว้างสำหรับความคิดสร้างสรรค์ ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ แฟชั่น ดนตรี หรือ ศิลปะ และที่ผ่านมา ก็ได้ร่วมมือกับศิลปินหลากหลายแขนงในการสร้างสรรค์ผลงานในโปรเจคสำคัญๆต่างๆ มากมายในโอกาสพิเศษต่างๆ โดยไม่จำกัดรูปแบบหรือสไตล์ อาทิ POOR BOY, HAPPY SUNDAY, TIKKY WOW หรือ CusCus the Cuckoos ซึ่งล้วนเป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่มีความน่าสนใจและมีชื่อเสียงในระดับประเทศ” 

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารหน่วยธุรกิจ สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ยังบอกด้วยว่า โปรเจ็กต์ใหญ่ล่าสุด ที่จัดขึ้นนี้ ถือเป็นการฉลองส่งท้ายปลายปี “เรามองหาศิลปินที่มีความอินเตอร์ เป็นที่รู้จักในระดับสากล และ XEVA ศิลปินชาวเกาหลีใต้คนนี้ จึงมีความเหมาะสมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นศิลปินอิลัสเตรเตอร์สายสตรีทที่กำลังมาดแรกเตอร์ของผลงานยังโดดเด่น มีความเป็นสตรีทและร่วมสมัย ดังนั้น XEVA จึงมีความเหมาะสมเป็นอย่างมาก” 

สร้าง SOFT POWER

สำหรับความพิเศษของโปรเจคนี้ “เราให้ศิลปินได้ทำงานร่วมกับกลุ่มไอดอลหน้าใหม่ของไทยอย่าง 789 ซึ่งเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ผลงานที่สร้างสรรค์ออกมาจึงมีทั้งสไตล์ที่ชัดเจนของตัวศิลปินเอง ผสมผสานกับคาแรกเตอร์ที่สดใสของ 789 ทั้ง 24 คน จึงเป็นการเฉลิมฉลองส่งท้ายปลายปีของสยามเซ็นเตอร์ที่มีสีสัน ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นการสนับสนุนโครงการ COLORFUL BANGKOK ของกรุงเทพมหานครที่มุ่งเน้นด้าน ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว อีกทั้งยังมุ่งเน้นต่อยอดงานเทศกาลจากระดับประเทศสู่ระดับสากล เป็นการนำ SOFT POWER ของไทยก้าวไกลสู่สากล พร้อมทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ นับว่าตอบโจทย์ในทุก ๆ ด้านอีกด้วย” 

ในส่วนของงานศิลปะ ในโปรเจ็กต์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารหน่วยธุรกิจฯ กล่าวถึงผลดีที่ทางห้างจะได้รับด้วยว่า “จากการที่ได้ร่วมมือกับศิลปินหลากหลายสาขา เราจะเห็นได้ว่า กลุ่มความสนใจของคนที่ชื่นชอบงานศิลปะแต่ละแขนง จะมีคาแรกเตอร์แตกต่างกัน เราต้องการสร้างคอมมูนิตี้ของกลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องต่าง ๆ by interest ไม่ใช่เพียงศิลปะ แต่หมายถึง แฟชั่น ดนตรี เทคโนโลยี หรือแม้กระทั่ง ARTTOY ฟิกเกอร์ หรือของสะสม  ให้ได้มีพื้นที่ในการรวมตัวเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ใช้เวลาภายในศูนย์เพื่อสัมผัสประสบการณ์ต่างๆที่เราตั้งใจมอบให้ ผ่าน On Ground Element ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การตกแต่งภายในศูนย์ตามธีมเทศกาล อย่างวาเลนไทน์ ซัมเมอร์ คริสต์มาส ปีใหม่ หรือ กิจกรรมที่ครีเอตขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม  รวมถึงได้จับจ่ายใช้สอยแบรนด์หรือร้านค้าต่างๆ ภายในศูนย์ นอกเหนือจากซื้อสินค้า Merchandise จากศิลปินเอง ทำให้สยามเซ็นเตอร์มีความเคลื่อนไหว มีdynamic ตลอดเวลา และในส่วน On line activity เราก็ทำควบคู่กันมาโดยตลอด เพราะเราเน้นคำว่า เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ หรือ The Ideaopolis เรียกได้ว่าใครที่มาสยามเซ็นเตอร์ จะกลับไปพร้อมกับการได้อัปเดตเทรนด์ที่ใหม่ที่สุด เป็นกระแสที่สุด สิ่งนี้ทำให้เราอยู่มาได้ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี” 

การเตรียมพร้อมรองรับลูกค้า

ทั้งนี้ จำนวนของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ภายในห้างฯ ของกลุ่มสยามวัน ที่ประกอบด้วย สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ Foot Traffic เฉลี่ยอยู่ที่วันละประมาณ 250,000 –  300,000 คนต่อวัน ซึ่งก็รวมทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยสัดส่วนของชาวต่างชาติ จะยู่ที่ 40% ส่วนในช่วงปลายปี ที่คาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างหนาแน่นนั้น “เรามีการประสานงานทุกฝ่าย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับช่วงเทศกาลปลายปี ซึ่งจะมีทั้งงานอีเวนต์และสินค้าจากแบรนด์แฟชั่นรวมถึงร้านอาหารที่จัดคอลเลคชั่นและเมนูพิเศษ รวมถึงโปรโมชั่นมากมาย คาดว่าจะต้องมีลูกค้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก” 

“เรามีการเตรียมความพร้อมกับฝ่ายที่ดูแลด้านนี้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายอาคารสถานที่ ที่ควรดูแลความเรียบร้อยและฝ่ายรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะเวลาจัดงานที่มีคนเยอะๆ ต้องมีการจัดการด้านความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้กับทั้งคนที่มีร่วมงานและลูกค้าทั่วไปภายในศูนย์ พื้นที่ส่วนกลาง facility ต่างๆ รวมถึงการระบาย traffic ของลานจอดรถ Siam Carpark รวมถึงเรายังมีการประสานกับร้านค้า และ เอาต์เล็ตต่างๆ ให้เตรียมความพร้อม ทั้งในแง่การจัดการภายในร้านและสินค้า และแน่นอนในแง่ของการสื่อสารการตลาดและการประชาสัมพันธ์ที่จะต้องสื่อสารให้กับลูกค้าและคนทั่วไปรับรู้ด้วย” 

แผนงาน และ กลยุทธ์ ปี 2567

สำหรับแผน หรือกลยุทธ์ ในปีหน้านั้น “เราได้ขานรับนโยบาย SOFT POWER ของภาครัฐในการสนับสนุนงานเทศกาลและการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งศูนย์การค้าในกลุ่มวันสยาม ล้วนเตรียมความพร้อมและครีเอตโปรเจคที่น่าสนใจตลอดทั้งปี จุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงสื่อสารศิลปวัฒนธรรมของไทยในรูปแบบร่วมสมัยและสร้างสรรค์ เพื่อต่อยอดสู่ระดับสากล จึงเป็นที่มาในการจัดกิจกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนทุกกลุ่ม” 

คุณเอกวิทย์ อธิบายด้วยว่า อย่าง สยามเซ็นเตอร์จะเน้นกลุ่มความสนใจที่หลากหลายมีความเป็น DIVERSCITY BUILDING รวมถึงกลุ่ม LGBTQ+ อย่างที่เราได้ร่วมมือกับ Bangkok Pride และ กทม จัดงานพาเรดสีรุ้งเพื่อเปิดโอกาสให้คนที่มีความหลากหลายทางเพศได้มาร่วมแสดงออก ภายใต้ชื่อโปรเจ็กต์ The world of freedom and pride ซึ่งเป็นอีเวนต์ใหญ่ช่วงเดือนมิถุนายนซึ่งเป็น Pride Month จัดเป็นขบวนพาเรด LGBTQ+ ยาวตลอดแนวถนนพระรามที่ 1 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา และในปีนี้ก็จะสานต่อโปรเจ็กต์นี้ และมีกิมมิคเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น รวมถึงการนำสินค้าแบรนด์ระดับโลกมาเปิดเป็นที่แรก ในรูปแบบ Concept store เป็นคอนเซ็ปต์พิเศษเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ๆให้กับลูกค้า หรือ Flagship store ร้านสัญลักษณ์ของแบรนด์นั้นๆที่รวบรวมสินค้าไว้ครบครัน เพื่อตอกย้ำวลี “Be the first” การเป็นที่แรก จากเร็วๆ นี้มีร้านค้าเปิดใหม่ อาทิ FOOT LOCKER, NIKE, Acme de la vie เป็นต้น” 

กิจกรรมสนุกพร้อมรอทุกคน

ขณะที่ในส่วนของ สยามดิสคัฟเวอรี่ จะเน้นเรื่องของความยั่งยืน เทรนด์ Sustainability การทดลองสิ่งใหม่และนวัตกรรม ก็จะมีงานที่เป็นคอนเซปต์เหล่านี้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีแบรนด์ที่เป็นกระแสมาเปิด POP UP อาทิ Carlyn, EMIS และเร็วๆนี้จะเน้นร้านอาหารและขนมเพื่อเป็น Flavour Lab หรือแหล่งรวมของร้านดังที่น่าสนใจ ส่วนกิจกรรมในปี 2567 จะมีอะไรบ้างนั้น คุณเอกวิทย์ เล่าว่า “เริ่มจากต้นปี เราจะต้อนรับปีใหม่ด้วยตรุษจีนและวาเลนไทน์ ที่ก็จะเน้นการ collaboration กับศิลปินที่โดดเด่น ต่อมาในช่วงต้อนรับซัมเมอร์ ก็จะมีงานยิ่งใหญ่ของปี สำหรับสยามเซ็นเตอร์ คือ The world of freedom and pride ในปี 2567 เราก็ยังคงร่วมกับ นฤมิตไพรด์ หรือ บางกอกไพร์ด และ กทม. รวมถึงพันธมิตรที่แสดงจุดยืนในการสนับสนุนด้านความหลากหลาย และอีกงานที่เป็นไฮไลต์ คือ BIFW หรือ Bangkok International Fashion Week เวทีสำหรับดีไซเนอร์รุ่นใหม่ กับ VISIONARY STGE ซึ่งเราได้สร้างดีไซเนอร์ไทยให้เจิดจรัสในวงการแฟชั่นมาหลายต่อหลายรุ่น บางท่านจากนักศึกษาสายแฟชั่นดีไซน์ ก็เติบโตขึ้นมาเป็นดีไซเนอร์ ระดับแนวหน้าในแวดวงแฟชั่นในปัจจุบัน  และแน่นอนว่า จะมีงาน Collaboration ระดับโลก กับแบรนด์ชั้นนำและองค์กรมากมาย ที่ร่วมสร้างสรรค์งานกับ กลุ่มวันสยาม ทั้งสยามพารากอน สยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามเซ็นเตอร์ อีกด้วย” เรียกว่า เป็นกิจกรรมที่จะมาสร้างสีสัน ให้กับทุกคนได้รับความสดใส ในปี 2567 กันแน่นอน 

Facebook Comments


Social sharing

Related post