‘เศรษฐา’โชว์ที่ปักกิ่ง
การเดินทางไปร่วมประชุมเวทีหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ (Belt and Road Forum for International Coperration: BRF) ครั้งที่ 3 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 17-19 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น นอกจากจะเป็นโอกาสที่ดียิ่งสำหรับการเปิดตัวต่อชาวโลกในฐานะผู้นำคนใหม่ของไทยแล้ว ยังได้ไปโชว์สีสันอันสดใสของถุงเท้าที่สวมใส่อันเป็นการแย่งซีนผู้นำนานาชาติ
ทางฝ่ายรัฐบาลทั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งโฆษกรัฐบาล พยายามบอกกล่าวกับสื่อมวลชนว่านายกฯและคณะที่ไปจีนเที่ยวนี้ถือว่า “คุ้มค่าต่อการลงทุน” แม้แต่นายกฯเศรษฐาเองยังบอกผ่าน “ติ๊กต็อก” ว่าประสบความสำเร็จสร้างมูลค่านับล้านล้านบาท
สวนทางกับหลายคนที่ตั้งคำถามและตั้งข้อสังเกตุว่า คุณเศรษฐาไปปักกิ่งครั้งนี้น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ เรื่องที่ควรคุยกลับไม่คุย เรื่องไม่ควรคุยกลับพยายามจะคุย
จีนเร่งเรื่องรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย
ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง บอกกับนายกฯมือใหม่ป้ายแดงของไทยว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ซึ่งเป็นประโยคที่จีนใช้กับไทยได้ทุกวาระและโอกาส ผู้นำสียังกล่าวด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายควรเร่งรัดการก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย ขยับขยายความร่วมมือด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาสีเขียว และพลังงานใหม่ ตลอดจนเสริมความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการพนันออนไลน์ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมอันปลอดภัยสำหรับการพัฒนาของ 2 ประเทศ
โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน คือยุทธศาสตร์แนวตั้งของจีนที่ต้องการสร้างเส้นทางจากจีนลงใต้ออกสู่นอกประเทศ เชื่อมลาว-ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ เพื่อประโยชน์ทั้งด้านโลจิสติกส์ การค้า การเดินทางของประชาชนในแต่ละประเทศ โดยเส้นทางรถไฟจีน-ลาวเปิดให้บริการแล้ว ส่วนของประเทศไทยมีความคืบหน้าแค่ 3.5 กิโลเมตรในพื้นที่กลางดง จังหวัดนครราชสีมา
เปลี่ยนเรือดำน้ำเป็นเรือฟรีเกต
เรือดำน้ำ 3 ลำรวมมูลค่า 36,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามจัดซื้อจากจีนในเวลา 11 ปี ลำแรกจีนกำหนดจะส่งมอบให้ไทยปี 2566 แต่สุดท้ายมีปัญหาเครื่องยนต์ที่เยอรมนีเป็นผู้ผลิตไม่ยอมขายให้จีนทำให้จีนส่งมอบเรือดำน้ำแก่ไทยไม่ได้ กลายเป็นเรื่องคาราคาซังมาถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน
สุดท้ายนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจากพรรคเพื่อไทย พิจารณาชะลอโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำและจะยอมเปลี่ยนมาให้จีนส่งมอบเป็น “เรือฟรีเกต”แทน
กรณีนี้ก่อให้เกิดคำถามต่อสังคมที่รัฐบาลต้องตอบ เพราะเสียงทางสังคมคัดค้านกองทัพเรือไทยในความพยายามซื้อเรือดำน้ำมานานแล้ว พรรคเพื่อไทยเองก็เคยชูธงต่อต้านการจัดซื้อเรือดำน้ำ เท่าที่ทราบนั้นไทยจ่ายเงินไปแล้ว 7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชน จีนผิดสัญญาแม้จะไม่ตั้งใจ แต่ไทยกลับแสดงอาการเกรงใจ ทำตัวเป็นน้องเล็กเอาใจพี่ใหญ่ ยังไงก็ได้
“กองทัพเรือไม่เสียหายแต่ประเทศชาติเสียหาย เสียประโยชน์ เสียดอกเบี้ย ทำไมไม่เรียกเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ย ทำไมไม่เจรจาเป็นอย่างอื่น และเมื่อนายกฯเศรษฐามีโอกาสเจอระดับประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของจีน ทำไมจึงไม่หยิบยกเรื่องสำคัญเช่นนี้ขึ้นมาคุย กลับปล่อยให้นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเจรจาอย่างไม่มีอำนาจต่อรองและไม่คิดเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ ” นักวิชาการด้านความมั่นคงท่านหนึ่งตั้งข้อสังเกตุ
ขายโครงการแลนด์บริดจ์
สะพานเศรษฐกิจภาคใต้เป็นโครงการที่พูดกันมายาวนานว่าจะสร้างแทนโครงการขุดคอคอดกระเพื่อป้องกันการแบ่งแยกดินแดนและสร้างความเจริญแก่ภาตใต้ แต่จนแล้วจนรอดก็ได้แต่ศึกษาโครงการโดยไม่มีรัฐบาลใดตัดสินใจ
วันแรกที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เขากล่าวว่าโครงการนี้ทำยากจนนักข่าวเอาไปพาดหัวข่าวว่าคมนาคมจะ “ยกเลิกโครงการแลนด์บริดจ์” จนถูกกระหน่ำเละและถูกเอาไปเทียบกับโคตรงการแจกเงินดิจิทัลที่จะต้องใช้งบสูงกว่า5.6แสนล้านบาท
แต่ในวันที่ 16 ตุลาคม 2566 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบหลักการ “โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน” (โครงการแลนด์บริดจ์) และให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากนักลงทุนต่างประเทศ (Road Show) ในการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์เพื่อนำมาประกอบในการจัดทำร่างเอกสารเชิญชวนผู้ลงทุนในการร่วมลงทุนโครงการ (RFP)
รุ่งขึ้นนายกฯเศรษฐาบินไปจีนแล้วเอาเรื่องนี้ไปคุยโม้ให้ฝ่ายจีนฟังโดยนายกฯเศรษฐาใช้วิธีร่างโครงการบนกระดาษอย่างง่ายๆให้ฝ่ายจีนจินตนาการตามด้วยความภาคภูมิใจ โดยหลังจากนั้นได้โพสต์ลงทวิตเตอร์ว่า “ผมลองวาดเส้นทางของ Landbridge ให้กับทางผู้ประกอบการรถไฟในประเทศจีนให้เข้าใจง่ายขึ้น ทำให้เห็นภาพของโครงการสองท่าเรือแต่นับรวมเป็นหนึ่ง โครงการจะลดปัญหาการจัดการซ้ำซ้อน (Double Handling) ได้ครับ รีบวาดรีบคุยให้เข้าใจ แม้ภาพออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไรแต่สื่อสารได้ผลดีเลยครับ”
นายกฯเศรษฐาบอกว่านายกฯจีนให้ความสนใจแลนด์บริดจ์อย่างมาก แต่นายกฯจีนก็คงอยากรู้ว่าระหว่างโครงการรถไฟไทย-จีนที่เจรจากันมาเป็น 10 ปี รัฐบาลไทยบอกว่าจะลงทุนก่อสร้างเองอย่างเชื่องช้า 4 ปีคืบหน้า 3.5 กิโลเมตร กับแลนด์บริดจ์ที่เพิ่งเริ่มอนุมัติให้ศึกษาและอยู่นอกโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของเขา จีนจะเอาจริงหรือ
สรุปแล้วมูลค่าความสำเร็จนับล้านล้านบาทที่นายกฯเศรษฐากลับมาคุยโม้ก็เป็นเพียงวิมานในอากาศไม่ต่างกับการสร้างภาพตอนหาเสียงเลือกตั้งนั่นเอง