Digiqole ad

“หอแว่น”ผนึกกำลังบริษัทในเครือปรับโครงสร้างบริหารใหม่ พร้อมรุกตลาดตอกย้ำแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา

 “หอแว่น”ผนึกกำลังบริษัทในเครือปรับโครงสร้างบริหารใหม่ พร้อมรุกตลาดตอกย้ำแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา
Social sharing

Digiqole ad

กรุงเทพ-บริษัท หอแว่น กรุ๊ป เล็งเห็นโอกาสทองในธุรกิจอื่นที่ถูก Disrupt หันมาปรับโครงสร้างบริหารบริษัทในเครือใหม่ให้กลายเป็นทีมบริหารเดียวกัน เพราะการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ยอมรับว่าไม่สามารถเดินเกมตลาดแบบเดิมที่ใช้ดีแล้วบอกต่อแบบปากต่อปากได้อีกแล้ว จำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการสื่อสารใหม่ให้ดังขึ้นกว่าเดิมผ่านโลกออนไลน์ ด้วยแคมเปญโฆษณาที่มีชื่อว่า “ให้หอแว่น ดูแลทุกค่าสายตาคุณ” เพื่อจะสื่อสารถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดสายตา การเลือกกรอบและเลนส์ การตัด ประกอบแว่นตา การบริการหลังการขายที่เป็นเลิศให้ผู้บริโภครับรู้ในวงกว้างมากขึ้นถึงความเป็นแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญเบอร์ 1 ในธุรกิจแว่นตาที่อยู่มานานกว่า 70 ปี ที่มีระบบ BVAX ( Better Vision Accuracy Expertise) หรือ มาตรฐานความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาสายตาอย่างตรงจุดของหอแว่น มีบริษัทในเครือที่เป็นโรงงานผลิตเลนส์ระดับโลก มีเครื่องมือเทคโนโลยี ที่ก้าวล้ำ      และมีพนักงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา ล่าสุดนำเข้าเครื่องมือจากประเทศสเปนที่จะช่วยวัดพฤติกรรมในการมอง ผ่านการมองสิ่งของจากกล้อง ที่ใช้เทคโนโลยี VR (Virtual reality-based eye measurement) ซึ่งพัฒนาจาก pain point ของกลุ่มลูกค้าที่เริ่มมีสายตาสั้นและยาวผสมกัน และต้องใช้เลนส์แบบพิเศษที่สามารถมองได้ทั้งระยะใกล้ และไกล หรือที่เรียกว่า “เลนส์ progressive” และนำเข้าเครื่องออกแบบกรอบแว่นตาเฉพาะบุคคล Invision 3D Printing Frame Customization  ซึ่งจะใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) มาถ่ายภาพใบหน้าแบบ 3 มิติ และออกแบบเป็นขนาดของกรอบแว่นตาเฉพาะบุคคลที่ใส่สบาย  พร้อมเผยแผนปี 2566 นี้ เตรียมรุกเข้าสู่ตลาดผู้เล่นเกม และเล็งขยายสาขาลงพื้นที่ชุมชน จำนวน 40 แห่ง คาดสิ้นปียอดขายโตขึ้นกว่าเดิม 20%

หอแว่น แบรนด์ร้านแว่นตาที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 70 ปี ด้วยความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยตามเทคโนโลยีที่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างเต็มตัว ทำให้บางธุรกิจถูก Disrupt เพราะก้าวตามไม่ทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ขณะที่ธุรกิจแว่นตาในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา เรียกว่าเป็นธุรกิจที่ถูก Disrupt ค่อนข้างน้อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะนิ่งนอนใจต่อการคิดเดินเกมทำธุรกิจด้วยกลยุทธ์ และ การตลาดแบบเดิม ๆ เหมือนที่ผ่านมาได้เช่นกัน

ดร.ปิยะพงษ์ ธัญญศรีสังข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิชั่น เวนเจอร์ส จำกัด ปัจจุบันจึงเป็นแม่ทัพคนสำคัญที่ได้เข้ามารับหน้าที่สร้างให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจหอแว่นสามารถมีอัตราการเติบโตมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีสื่อสารถึงความเป็น Professional ของความเป็นผู้เชี่ยวชาญเบอร์ 1 ในธุรกิจแว่นตาที่อยู่มานานกว่า 70 ปี ภายใต้ระบบ BVAX ( Better Vision Accuracy Expertise) หรือ มาตรฐานความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาสายตาอย่างตรงจุดของหอแว่น ผ่านสื่อออนไลน์มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การทำกลยุทธ์ตลาดแบบใช้ดีแล้วแค่บอกปากต่อปากที่หอแว่นทำมาตลอดหลาย สิบ ปี ที่ผ่านมา อย่างเดียวอีกต่อไป

ดังนั้น ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมาความเปลี่ยนแปลงแรกที่เกิดขึ้นกับธุรกิจหอแว่น คือ การนำธุรกิจในเครือที่อดีตต่างฝ่ายต่างบริหารงานกันเองในแต่ละบริษัท ไม่ว่าจะเป็น  1. บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด หรือ แบรนด์หอแว่น (Better Vision) ดำเนินธุรกิจร้านแว่นตาที่ให้บริการปรึกษาปัญหาสายตา และ ตรวจวัดสายตาที่มีมาตรฐานสากล รวมถึงตัดและประกอบแว่นตา 2. บริษัท นำศิลป์ไทย จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเลนส์สายตาและกรอบแว่นตาแบรนด์ชั้นนำ รวมถึงอุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับธุรกิจแว่นตาครบวงจรที่ได้มาตรฐานนำเข้าจากผู้ผลิตชั้นนำรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ  3.  GLAZZIQ –  Lifestyle Eyewear ที่เน้นความเป็น Omni-channel เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ต่อเนื่องระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล มาปรับโครงสร้างใหม่ให้เข้ามาอยู่ภายใต้การทำงานของทีมบริหารเดียวกันทั้งหมดในชื่อ บริษัท วิชั่น เวนเจอร์ส จำกัด เพื่อให้เกิดการ Synergy รวมพลังในการทำธุรกิจทั้งในด้านการผสานความสามารถ บุคลากร เทคโนโลยี และ การบริการต่าง ๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่ดีให้ลูกค้าในอนาคตให้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ จากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคสมัยนี้มีทั้งความแตกต่างและความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น มีการเลือกซื้อสินค้าที่เปลี่ยนไปซึ่งเป็นผลมาจากสื่อ Social Media ที่ปัจจุบันลูกค้าสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ของแว่นตา ทั้งในด้านดีไซน์ แบบและขนาดของแว่นตาที่เหมาะกับใบหน้าตนเอง จากนั้นจึงเริ่มมองหาว่าแว่นตาที่ต้องการสามารถไปหาซื้อที่ร้านใดได้บ้าง เนื่องจากแว่นตาเป็นสินค้าที่ไม่สามารถกดซื้อผ่าน Online ได้ 100 % เพราะต้องมาตรวจวัดค่าสายตาในร้านก่อน ประกอบกับยังมีลูกค้าอีกกลุ่มนึงที่ทุกครั้งที่จะเปลี่ยนแว่นตาใหม่ก็ต้องมาตรวจวัดเพื่อเช็คค่าสายตาว่าเปลี่ยนไปหรือไม่ ดังนั้นเมื่อมีปรับการโครงสร้างให้มาอยู่ภายใต้การบริหารทีมเดียวเพื่อให้เกิดการ Synergy ดังกล่าว ก็จะช่วยให้บริษัทสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ว่า แว่นตาที่ลูกค้าชื่นชอบและเลือกซื้อใน Social Media วางจำหน่ายขายอยู่ในหอแว่น สาขาใดบ้าง

อย่างไรก็ดี หลังจากมีการปรับโครงสร้างให้เข้ามาอยู่ภายใต้การทำงานของทีมบริหารเดียวกันในชื่อ บริษัทวิชั่น เวนเจอร์ส จำกัด เพื่อให้เกิดการ Synergy รวมกันทั้ง  3 บริษัทในปีที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทิศทางต่อไปของการดำเนินธุรกิจในปี 2566  ดร.ปิยะพงษ์ กล่าวว่า บริษัทจะมุ่งเน้นการทำกลยุทธ์ตลาด และสื่อประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทาง Online ภายใต้แคมเปญโฆษณาใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า “ให้หอแว่น ดูแลทุกค่าสายตาคุณ” เพื่อจะสื่อสารถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา ทั้งการตรวจวัดสายตา การเลือกกรอบและเลนส์ การตัดประกอบแว่น การปรับดัดแว่นตา และบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ

ทั้งนี้  เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ว่าหอแว่นไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านแว่นตาเท่านั้น แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญเบอร์ 1 ในธุรกิจแว่นตาที่อยู่มานานกว่า 70 ปี มีบริษัทในเครือที่เป็นโรงงานผลิตเลนส์ระดับโลกคือ บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีพนักงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตา (Optician) และนักทัศนมาตร (Optometrist) หรือ หมอสายตา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจวัดสายตาและสุขภาพตา โดยใช้แว่นตาเป็นอุปกรณ์หลักในการรักษา ประกอบกับยังมีเรื่องมาตรฐาน BVAX ( Better Vision Accuracy Expertise) หรือ มาตรฐานความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาสายตาอย่างตรงจุดที่ทางหอแว่นสร้างขึ้นจนเป็นบรรทัดฐานให้กับร้านแว่นตาทั่วประเทศ

สำหรับ BVAX ( Better Vision Accuracy Expertise) ที่เป็นมาตรฐานที่สร้างความเชี่ยวชาญของพนักงานหอแว่น (BVAX  Master) จะประกอบด้วยหลักสูตรอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาที่ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอน วัดสายตา การเลือกกรอบและเลนส์ที่เหมาะสม ไปจนถึงการประกอบและปรับดัดแว่น เป็นหลักสูตรที่ผู้อบรมต้องผ่านการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ มีการสอบวัดผลอย่างเข้มข้น และเก็บสะสมประสบการณ์ทำงานจริงตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่ผ่านหลักสูตร BVAX มีทักษะและความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาสายตาให้กับลูกค้าได้อย่างตรงจุด และสามารถประกอบแว่นที่ใส่สบาย เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนได้มากที่สุด

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเรื่องการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียด การแนะนำกรอบให้เหมาะสมกับรูปหน้า การแนะนำเลนส์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน การวัดและกำหนดจุดโฟกัสของตา การตัดประกอบแว่นตา การล้าง ปรับ ดัด แว่นตา ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ทุ่มงบสำหรับการซื้อเครื่องมือตรวจวัดสายตาที่ทันสมัยเข้ามาเพื่อยกระดับประสบการณ์ให้ผู้บริโภค หรือลูกค้า ได้รู้ถึงความเป็นแบรนด์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาสายตาอย่างตรงจุดอย่างแท้จริง
ล่าสุดบริษัทได้นำเข้าเครื่องมือที่จะช่วยวัดพฤติกรรมในการมอง ผ่านการมองสิ่งของจากกล้องที่ใช้เทคโนโลยี VR (Virtual reality-based eye measurement) ซึ่งพัฒนาจาก pain point ของกลุ่มลูกค้าที่เริ่มมีสายตาสั้นและยาวผสมกัน และต้องใช้เลนส์แบบพิเศษที่สามารถมองได้ทั้งระยะใกล้ และไกล หรือที่เรียกว่า “เลนส์ progressive จากประเทศสเปน

เพราะความท้าทายของการทำแว่นเลนส์ progressive คือ การที่ลูกค้าแต่ละคนมีวิธีการมองที่แตกต่างกัน เช่น บางคนคุ้นเคยกับการหันคอมองสิ่งต่างๆ ขณะที่บางคนใช้การชำเลืองตามอง พฤติกรรมในการมองที่แตกต่างกันนี้มีผลอย่างมากต่อการดีไซน์โครงสร้างของเลนส์ที่เหมาะสม จึงเกิดการพัฒนาเครื่อง VR ขึ้นเพื่อตอบโจทย์การออกแบบโครงสร้างเลนส์ที่ใส่แล้วสบายตาสำหรับแต่ละบุคคล โดยจะนำข้อมูลที่ได้จากการทดสอบพฤติกรรมการมองผ่านแว่นVR มาผลิตเลนส์ custom ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละบุคคล เพื่อเพิ่มความสบายในการสวมแว่น progressive สำหรับคนสายตายาว หรือแว่นที่มีค่าสายตาเอียงมากๆ หรือมีค่าสายตาซับซ้อน

และบริษัทก็ได้นำเข้าเครื่องออกแบบกรอบแว่นตาเฉพาะบุคคล Invision 3D Printing Frame Customization  ซึ่งจะใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) มาถ่ายภาพใบหน้าแบบ 3 มิติ วัดขนาดหน้าในมุมต่างๆ เพื่อนำค่าตัวเลขที่ได้มาออกแบบเป็นขนาดของกรอบแว่นตาเฉพาะตัวที่ใส่สบาย พอดีกับทรงหน้าของลูกค้าแต่ละคน หรือนำข้อมูลจากเครื่องมาเลือกสไตล์ของกรอบแว่นที่ใกล้เคียงกับสัดส่วนของใบหน้าเพื่อให้ใส่แว่นตาได้สบายเช่นกัน
ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ เลนส์ที่ใช้สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมนี้ที่ปัจจุบันเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ทั้งตลาดของ E-Sport , ผู้สอนเล่นเกม เนื่องจากข้อได้เปรียบของบริษัท ที่มีบริษัทในเครือเป็นโรงงานผลิตเลนส์ระดับโลกคือ บริษัท ไทยออพติคอล ฯ


ทั้งหมดที่กล่าวมา จึงทำให้ปี 2566 นี้ บริษัทจำเป็นต้องออกมาสื่อสารให้กับผู้บริโภคได้รู้จักถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย ก้าวล้ำ ของบริษัทมากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับ Positioning ของบริษัทว่าทำไมถึงถูกเรียกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเบอร์ 1 ในธุรกิจแว่นตาและสายตาทั้งหมดที่อยู่มานานกว่า 70 ปี

ปัจจุบัน ร้านหอแว่นมีอยู่มากกว่า 100 สาขา โดยกลุ่มเป้าหมายที่ผ่านมา จะเป็นผู้บริโภคที่มีกำลังการซื้อในระดับกลางถึงบน แต่ในปี 2566 Business Model ของหอแว่นได้วางแผนที่จะขยายเพิ่มเข้าไปยังผู้บริโภคระดับกลางลงล่างอีกกลุ่มนึง เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างโดยมีแผนที่จะเข้าไปเปิดสาขาตามพื้นที่ชุมชน และตลาด ประมาณ 40 สาขา ในปีนี้ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ หอแว่นมีแผนจะเปิดตลาดเพิ่มที่ประเทศเวียดนาม โดยก่อนหน้านี้ หอแว่น ได้เข้าไปเปิดตลาดต่างประเทศอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ และ มาเลเซีย อยู่ก่อนแล้ว

สุดท้าย ดร.ปิยะพงษ์ กล่าวเสริมว่า ก่อนสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 หอแว่นมียอดขายอยู่ 1,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปี 5-10% ส่วนปี 2566 ภายหลังจากการปรับโครงสร้างเพื่อจะดำเนินธุรกิจตามที่วางทั้งหมดตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น คาดว่าจะทำให้ หอแว่น มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 20%

 

Facebook Comments


Social sharing

Related post