Digiqole ad

กรุงเทพฯแซนด์บ็อกซ์ ปราสาททรายปลายฤดูฝน

 กรุงเทพฯแซนด์บ็อกซ์  ปราสาททรายปลายฤดูฝน
Social sharing

Digiqole ad

เมื่อโลกต้องผจญกับโรคโควิด-19 มาเป็นเวลาต่อเนื่องเกือบ 2 ปี โดยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกกว่า 230 ล้านคน  เสียชีวิตมากกว่า 4.7 ล้านคน  แม้ว่านานาประเทศจะเค้นสมองผลิตวัคซีนออกมาสู้  มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนกันอย่างเร่งรีบ  แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีรายงานการติดเชื้อวันละกว่า 5 แสนคน  เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 1 หมื่นคน  จนต้องเริ่มทำใจและปรับความคิดกันใหม่ว่ามนุษย์ไม่อาจเอาชนะหรือกำจัดเชื้อโรคร้ายจากธรรมชาตินี้ได้ในเวลาอันสั้น

นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ต่างยอมรับแล้วว่า  ด้วยวิทยาการในปัจจุบันคงทำได้แค่การบรรเทาความเจ็บป่วยไม่ให้รุนแรงและลดการเสียชีวิตให้น้อยที่สุด   มนุษย์ต้องหาทางใช้ชีวิตอยู่คู่กับโควิดอย่างปลอดภัย  เหมือนอยู่คู่กับโรคหวัดที่อาจจะเจอะเจอได้ทุกเมื่อเชื่อวัน

ความคิดดังกล่าวย่อมเข้าทางรัฐบาลทุกประเทศที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการต่อสู้กับโรคภัยที่ไม่เห็นตัวแต่เห็นผลรุนแรงทั้งคนป่วยล้นโรงพยาบาล  หรือคนตายคาบ้าน ตายข้างถนน  จนหลายรัฐบาลถูกประชาชนก่นด่าว่าบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพ  หรือใช้หัวแม่เท้าแทนหัวสมองในการประเมินสถานการณ์

ขณะที่บางรัฐบาลเลือกป้องกันสุขภาพและชีวิตประชากรโดยการล็อคดาวน์ธุรกิจ  ปิดเมือง ปิดประเทศก็ไม่วายถูกด่า  เพราะนอกจากจะใช้ชีวิตปกติประจำวันตามประสา “สัตว์สังคม”ไม่ได้แล้ว  ยังส่งผลให้ธุรกิจเสียหาย  ระบบเศรษฐกิจแทบพังทะลายจากการปิดบ้านปิดเมืองนานนับเดือน

สุดท้ายหลายประเทศเลือกที่จะอยู่กับโควิดดังเช่นที่สำนักข่าว CNN รายงานว่าประเทศเดนมาร์ก  เลิกมาตรการต่างๆตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน  ปล่อยให้ประชาชนใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ  ถือว่าโควิด-19 ไม่ใช่ภัยคุกคามสังคมอีกต่อไป  เพราะฉีดวัคซีนแล้วกว่า 74% ของประชากร  เช่นเดียวกับประเทศชิลี ที่ประชากร 87% ได้ฉีดวัคซีนครบโดส  และจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ 1 ตุลาคม

ส่วนมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ที่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยดูแคลนโควิด-19 ว่ากระจอก  พอเปลี่ยนเป็นประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องประกาศเร่งฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ  เพราะสหรัฐฯผลิตวัคซีนได้เอง  ตอนนี้ระดมฉีดให้ประชาชนแล้วกว่าครึ่งค่อนประเทศ  ยังมีเหลือบริจาคแก่ต่างประเทศ   แต่เชื้อโควิดกลับมาระบาดมีผู้ติดเชื้อใหม่วันละมากกว่า 1 แสนคน  เสียชีวิตอีกวันละกว่า 2,000 คน ส่งผลให้ยอดเสียชีวิตสะสมทะลุ 7 แสนคน  แต่สหรัฐฯก็เลือกเปิดประตูรับชาวต่างชาติจาก 33 ประเทศที่เดินทางเข้าสหรัฐฯทางอากาศอีกครั้งตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน

ย้อยมาดูประเทศไทยเรากล้าเริ่มก่อนฝรั่งตั้งแต่ 1 กรกฎาคม ด้วยโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ช่วง 3 เดือนถือว่าไปได้ดีในช่วงไตรมาส 4  คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าภูเก็ตประมาณ 3 แสนคน นักท่องเที่ยวไทยประมาณ 4-5 แสนคน คงทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง

ความสำเร็จของภูเก็ตทำให้นักการเมืองอยากเร่งสร้างผลงานโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง  นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  จากพรรคภูมิใจไทยที่เคยผลักดันให้คนไทยเที่ยวสงกรานต์จนโควิดระบาดระลอก 3 ยังไม่เข็ด  ได้ลุกขึ้นมาประกาศว่า จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวใน 5 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ซึ่งค้านกับความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ว่า  จะเร่งเปิดประเทศอะไรกันนักหนาในขณะโควิด-19 ยังระบาดกันวันละกว่า 1 หมื่นคน และตายเกิน 100 ศพในแต่ละวัน

เมื่อมีเสียงทักท้วงนายพิพัฒน์ก็ยังยืนยันว่าวันที่ 1 ตุลาคมนี้ พร้อมเปิดประเทศได้ 4 จังหวัด คือชลบุรี, ประจวบคีรีขันธ์  เพชรบุรี และเชียงใหม่ ส่วนกรุงเทพฯนั้นนายพิพัฒน์อ้างว่าได้คุยกับผู้ว่าฯกทม.แล้ว จะเลื่อนเปิดในวันที่ 15 ตุลาคม

แต่เสียงนายพิพัฒน์ยังไม่ทันจางหาย    เสียงของพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้สวนกลับว่าไม่เคยพูดว่าจะเปิดเมืองในวันที่ 15 ตุลาคม  พร้อมอธิบายว่าการจะเปิดเมืองหลวงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวได้นั้นอย่างน้อยต้องมีเงื่อนไข 3 ข้อคือ

1.ประชากรของกรุงเทพมหานครต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 อย่างน้อย 70% ขึ้นไป โดยคาดว่าจะครบตามเป้าหมายที่กำหนด ประมาณวันที่ 22 ตุลาคมซึ่งหลังจากนั้นต้องรออีกอย่างน้อย 7-14 วัน เพื่อให้ภูมิคุ้มกันสูงขึ้นแล้วจึงค่อยมาคุยกันเรื่องเปิดเมือง

  1. จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลง (วันที่ 23 กันยายน 2564 มีผู้ติดเชื้อใหม่ 2,456 คน)
  2.   จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลง

เรื่องนี้ พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวในการแถลงข่าวว่า     ที่ประชุม ศปก.ศบค. เน้นย้ำว่า กรุงเทพแซนด์บ็อกซ์ยังไม่กำหนดวัน และเกณฑ์ที่สำคัญ คือ ประชาชนต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มสองเกิน 70%  ขณะนี้ฉีดได้ 42.57%     อาจจะต้องรอให้เห็นสัญญาณชัดเจนว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและอยู่ในช่วงขาลง

กรุงเทพฯแซนด์บอกซ์” นั้นเป็นข้อเสนอของภาคเอกชน  โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นหัวใจของเศรษฐกิจไทย  เพราะเป็นทั้งศูนย์กลางธุรกิจการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว  แต่ก็เป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วย  ดังนั้นหากจะคลายล็อคดาวน์โดยเฉพาะการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำเป็นจะต้องมีการวางแนวทางและมาตรการอย่างรัดกุม

รายงานข่าวล่าสุดเปิดเผยว่าคงเพราะไม่อยากเสี่ยงซ้ำรอยความผิดพลาดจากข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ   รัฐบาลจึงให้เลื่อนการเปิด 5 เมืองท่องเที่ยวไปเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เพื่อให้ทุกพื้นที่ระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้ครบโดสไม่น้อยกว่า 70%

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข   ให้ความเห็นว่าในกรณีของกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะฉีดวัคซีนเข็มที่สอง ครอบคลุมถึง 70% ได้ภายในเดือนตุลาคม   อย่างไรก็ตามต้องมีความพร้อมทั้งประชาชนในพื้นที่  นักท่องเที่ยวต่างชาติ และมีระบบติดตามข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพด้วย

สำหรับมาตรการการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ายังโครงการ “กรุงเทพฯแซนด์บ็อกซ์”  จะใช้วิธีการเดียวกับภูเก็ตแซนบ็อกซ์  ได้แก่ เป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส  ตรวจหาเชื้อโควิด–19 จากประเทศต้นทาง และตรวจหาเชื้ออีก 3 ครั้ง หลังเข้าสู่ประเทศไทย  เข้าพักยังโรงแรมที่ได้มาตราฐาน SHA+ เท่านั้น  ช่วงเวลากลางวันสามารถไปไหนก็ได้ในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ช่วงค่ำต้องกลับเข้าพักที่โรงแรมเดิม (น่าห่วงการแอบเที่ยวราตรี)  เมื่อครบ 14 วันนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังจังหวัดอื่นๆได้

การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย (ททท.) คาดหมายว่าในปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยประมาณ 1.2 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ  85,000 ล้านบาท  การเดินทางเที่ยวในประเทศจะเกินขึ้นประมาณ 100 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 540,700 ล้านบาท

เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 4  ททท.ได้เปิดลงทะเบียน 2 โครงการ ได้แก่ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” ให้ 2 ล้านสิทธิ์ รัฐบาลช่วยจ่ายค่าโรงแรม 40% ให้คูปองค่าอาหาร 600 บาทต่อวัน ช่วยค่าเครื่องบิน 40 %  และโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” ให้ 1 ล้านสิทธิ์ รัฐบาลช่วยจ่ายสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาทต่อหัว ผ่านบริษัททัวร์  ทั้งสองโครงการจะเริ่มในเดือนตุลาคมนี้

ช่วยกันภาวนาว่าวัคซีนที่ฉีด 2 เข็มไปได้แค่ 16 ล้านคนจะพอบรรเทาไม่ให้เกิดการระบาดระลอก 5 ให้ต้องกลับมาปิดเมืองกันใหม่

Facebook Comments


Social sharing

Related post