
ปัญหาใหญ่ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในเวลานี้ ต้องยกให้เรื่องเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
เพราะปัญหาการเมือง ตราบใดที่ยังมี ส.ว.250 คนอยู่ในอาณัติ ซ้ำบางคนแสดงความเป็นองครักษ์ชัดเจน แถมยังดูดเอานักการเมืองหลายคนเข้าไปเป็นมือไม้ด้วยสารพัดวิธีการ จนทำให้มีองครักษ์มากมาย
บวกกับการมีองค์กรอิสระ มีมือกฎหมายที่สามารถตีความสร้างความมหัศจรรย์พิสดารพันลึกได้อย่างเหลือเชื่อ ดังนั้น ต่อให้เสียงปริ่มน้ำแค่ไหน สภาจะล่มกี่หน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังคงขี่สถานการณ์การเมืองต่อไปได้
แต่ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่ใช่เรื่องขั้วสีขั้วอำนาจใดๆ แต่เป็นเรื่องของความเดือดร้อนของคนทุกกลุ่ม ทุกระดับ อาจจะลำบากมากหรือน้อยแตกต่างกันไป เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สาหัส ยังมีบางคนที่มีบุญเก่าให้กินอยู่ได้ในภาวะนี้ ยังมีเจ้าสัว นายทุนหลายคนที่รอรับประโยชน์เต็มๆในทุกวิธีคิดของทีมเศรษฐกิจชุดนี้
รวมทั้งบางคนที่รู้ทั้งรู้ถึงความเดือดร้อน แต่เพราะหนุนมากับมือ บวกกับที่ไม่อยากให้ขั้วที่เกลียดได้กลับมา ก็เลยยืนกรานว่าไม่เดือดร้อน ยังอยู่ได้สบาย
แน่นอนว่าไม่ใช่กับคนส่วนใหญ่ ที่ในวันนี้ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย เอาเงินในอนาคตมาหมุน ก่อหนี้จนหนี้ครัวเรือนพุ่งพรวด ทั้งสภาพัฒน์ ทั้งแบงก์ชาติ ต้องเตือนแล้วเตือนอีก แต่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เลือกที่จะไม่ฟัง เพราะยังมีสำนักโพลบางแห่งที่เลี้ยงเอาไว้จนเชื่องเชื่อ คอยหลับหูหลับตาเชียร์ จนหน้าแข้งเปียกชุ่มโชกไปหมด
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงเป็นได้แค่ขายฝัน เพราะไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆ แต่มุ่งไปที่การสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองเสียมากกว่า
ในวันที่ประชาชนเดือดร้อน รายได้หดหาย รายจ่ายพุ่งพรวด แต่ในร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 กระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณ 233,353,433,300 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 62 จำนวน 6,226 ล้านบาท
สงครามการค้ากดดัน แต่รัฐบาลยังไปเพิ่มงบอาวุธ งบกองทัพ แทนที่จะเพิ่มงบด้านเศรษฐกิจ
แถมยังโหดขนาดเอาเงิน 1,000 บาท ไปล่อใจให้ควักเงินออม 3 หมื่น – 5 หมื่นบาทมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจแทนรัฐบาล ยิ่งเฟส 3 แม้แต่ผู้สูงอายุก็ไม่เว้น ล่อให้เอาเงินเก็บเพื่อยังชีพระยะยาวออกมาใช้เช่นกัน
พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่ากำลังมุ่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในทุกมิติ ไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือเสวยสุขอย่างที่ใครว่ามา และก็ไม่เคยมีความสุขเลย
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า แล้วแบบนี้จะตะบี้ตะบันทนอยู่ทำไม
ซ้ำยังอุ้มกระเตงทั้ง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ อุตตม สาวนายน แบบไม่ใส่ใจเลยว่ามีฝีมือหรือไม่
มีแต่โทษนั่น โทษนี่ แล้วก็โอดครวญขอเสียงเชียร์
เสียสละเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง ไม่เคยอยู่ในความคิดกันบ้างหรือไงนะ
อัคคี กัมปนาท