
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมทีมกฎหมายของพรรคเกี่ยวกับการยื่นคำร้องให้ตีความคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มาตรา 44 ที่ 53/2560 กรณีการขยายระยะเวลาการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในการดำเนินการเรื่องสมาชิกพรรคตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องให้ ยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้พิจารณาว่าคำสั่ง คสช. ขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตนจึงได้มอบหมายให้คณะทำงานด้านกฎหมายร่างคำร้องส่งไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 วัน คาดว่าสามารถส่งให้กับผู้ตรวจการแผ่นดินได้ภายในเดือน ม.ค. นี้ และหากสมาชิกพรรครายใดจะไปยื่นคำร้องในนามส่วนตัวก็สามารถทำได้
“ผมมองว่าผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจเต็มในการรับเรื่องร้องเรียนและตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้นจากคำสั่งและการออกกฎหมายต่างๆ อยู่แล้ว ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน หากพบว่าคำสั่งคสช.ขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก็จะต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลปกครองต่อไป ตามดุลยพินิจของผู้ตรวจการฯ”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะเป็นผู้เซ็นรับรองหนังสือในการยื่น เพราะมองว่าปัญหาในเรื่องนี้ตกอยู่ที่หัวหน้าพรรคเป็นพิเศษ ซึ่งการยื่นคำร้องครั้งนี้เพราะมองว่าคำสั่งคสช.ส่งผลกระทบกับสมาชิกพรรคเป็นอย่างมาก เนื่องจากสมาชิกต้องส่งเอกสารหลักฐานเพื่อยืนยันตัวตนภายในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ซึ่งสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มีถึงหลักล้านคน ทำให้การยืนยันตัวตนทำได้ด้วยความยากลำบาก อีกทั้งเอกสารหลักฐานที่สมาชิกพรรคจะต้องส่ง เช่น หลักฐานที่แสดงว่าไม่เคยต้องโทษจำคุก การไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งการยืนยันนี้ต้องส่งไปหนังสือถึงหัวหน้าพรรคโดยตรง รวมถึงขณะนี้พรรคยังไม่สามารถจัดการประชุมใหญ่ได้ อีกทั้งคาดว่าภายในเดือนเม.ย.นี้ การประชุมใหญ่จะยังไม่เกิดขึ้น จึงมองว่าเป็นเรื่องยากในทางปฏิบัติของสมาชิกพรรค