Digiqole ad

Jharokha by Indus สัมผัสอาหารอินเดีย สไตล์แคมปิ้งกลางทะเลทราย

 Jharokha by Indus สัมผัสอาหารอินเดีย สไตล์แคมปิ้งกลางทะเลทราย
Social sharing

Digiqole ad

Jharokha by Indus ชวนสัมผัสอาหารอินเดีย สไตล์แคมปิ้งกลางทะเลทราย เคล้ากลิ่นอายแห่งพระมหาราชวังโบราณ

…เฌอโรก้า มีความหมายว่า “สีหบัญชร” หรือ “หน้าต่างระเบียง” ของพระราชวัง ในการสอดส่องดูแล ความเป็นอยู่ของพสกนิกภายในเมือง ตั้งแต่อดีตกาล…

หากใครเคยไปกินอาหารอินเดียที่ร้าน “อินดัส” ในย่านสุขุมวิท และรู้สึกติดใจในรสชาติอาหารของดินแดนภารตะ ครั้งนี้ ก็อยากลองขอเชิญชวนทุกคน ได้มาลิ้มลองอาหารอินเดีย อีกหนึ่งร้าน ที่ชื่อ Jharoka by Indus (เฌอโรก้า บาย อินดัส) ซึ่งแค่เพียงก้าวแรกที่เข้ามาภายในร้าน ก็รู้สึกได้ถึง ความหรูหรา และบรรยากาศที่ราวกับ กำลังเดินเข้าไปสู่มหาปราสาทแห่งราชวังหลวงโบราณ ของอินเดียทวีป

บนชั้น 2 ของ ศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อก ซึ่งอยู่ใกล้กับทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นที่ตั้งของร้าน “เฌอโรก้า บาย อินดัส” ซึ่งหน้าร้านถูกตกแต่งเป็นประตูกระจก ที่ดีไซน์มาอย่างสวยงาม และเมื่อก้าวเข้ามาภายในร้าน ก็จะพบกับ บาร์เครื่องดื่ม ที่พร้อมให้บริการเครื่องดื่มรสชาติดี กับผู้ที่กำลังต้องการนั่งพักผ่อนและค่อย ๆ จิบเครื่องดื่มรสละมุน หรือ จะมานั่งรอเพื่อนๆ ก่อนที่จะเข้าไปภายในห้องโถงใหญ่ เพื่อรับประทานอาหาร ก็ไม่ผิดกติกา ซึ่งพื้นที่ส่วนหน้านี้ สามารถรองรับลูกต้าได้ถึง 12 ที่นั่ง และที่บาร์เคาน์เตอร์ อีก 5 ที่นั่ง

หากเดินเข้ามาในห้องโถงชั้นใน จะพบกับการจัดแต่งอย่างสวยงาม พร้อมกับ รูปภาพนกยูง และรูปภาพต่างๆ ที่สื่อให้เห็นถึงความเป็น พระราชวังแห่งกษัตริย์อินเดีย รวมถึงมีการจัดโต๊ะที่นั่งอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งรองรับลูกค้าได้ 36 ที่นั่งและเป็นห้องที่เปิดให้เห็นมุมมองของเมืองแห่งการท่องเที่ยว ที่มีผู้คนเดินทางขวักไขว่ ไปมา และบรรยากาศความเป็นวิถีชีวิตคนเมือง ซึ่งสมกับชื่อร้าน “เฌอโรก้า” ที่มีความหมายว่า “สีหบัญชร” หรือ “หน้าต่างระเบียง” ของพระราชวัง ในการสอดส่องดูแล ความเป็นอยู่ของพสกนิกภายในเมือง ตั้งแต่สมัยอดีตกาล นอกจากนี้ยังมี ห้องวีไอพี แบบส่วนตัวสำหรับกลุ่มนักธุรกิจ หรือลูกค้า ที่อยากได้ความเป็นส่วนตัว โดยรองรับได้ 6-8 ที่นั่ง ซึ่งมุมนี้ จะมองเห็นวิวสุดพิเศษ โดยเฉพาะ “ศาลพระพรหม” ที่มีนักท่องเที่ยวมากมาย เดินทางมาสักการะ แบบไม่ขาดสายในแต่ละวัน
คุณสิธธัตถะ เซกาล เจ้าของ และผู้บริหารร้าน “เฌอโรก้า บายอินดัส” เล่าให้ฟังว่า ร้านแห่งนี้ เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจ ที่เขาและครอบครัว เดินทางไปท่องเที่ยวยัง รัฐราชสถาน ซึ่งเป็นดินแดนตอนเหนือของอินเดีย ที่มีรูปแบบการท่องเที่ยว ซึ่งครีเอททริป ในแบบกษัตริย์อินเดียโบราณ ที่มีกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การขี่ม้าในทะเลทราย การค้างแรมด้วยการกางเต้นท์กลางผืนทราย และการได้เข้าไปพักภายในปราสาทสุดหรู ที่ถูกปรับเปลี่ยนมาจาก พระราชวังโบราณ

“เราสนุกกันมากกับกิจกรรมในการท่องเที่ยวครั้งนั้น รวมถึงประทับใจกับอาหาร ระหว่างทริปท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารย่าง ที่ในอดีตเกิดจากการล่าสัตว์ แล้วนำมาเป็นอาหาร ซึ่งปัจจุบัน คงทำแบบนั้นไม่ได้ โดยทางเชฟ จะเป็นคนเตรียมอาหาร ที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับอยู่ในอดีต” ผู้บริหารร้านยังบอกด้วยว่า รู้สึกประทับใจกับการตกแต่งภายในโรงแรมที่พัก “ทำให้เราอยากนำเสนอ บรรยากาศ และ อาหารอินเดีย ในอีกรูปแบบหนึ่ง มาให้ทุกคน ได้สัมผัสโดยไม่ต้องเดินทางไปอินเดีย และบนชั้น 2 ของศูนย์การค้า เอราวัณ แบงค็อก ก็เป็นอีกทำเล ที่เหมาะสมกับการเป็นร้านอาหารในแบบที่เราต้องการจริงๆ”

สำหรับอาหาร ที่ทาง เฌอโรก้า บายอินดัส มีทั้งแบบ Main Cost Dining และแบบ A la Carte ให้เลือกรับประทานได้อย่างใจปรารถนา โดยแต่ละเมนูของที่ร้าน เฌอโรก้า ยังคงคอนเซ็ปต์ ความเป็นอาหารอินโนเวทีฟ ของการปรุงอาหารด้วย “เตาถ่าน” รวมถึงเทคนิคการปรุงาหารแบบดั้งเดิม และการเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด ทั้งในประเทศไทย และอินเดีย อาทิ เครื่องปรุง รวมถึงผลไม้บางชนิด ที่ปลูกในอินเดีย เพื่อให้ได้รสชาติของอาหารที่จะทำให้ทุกคนประทับใจ

มาถึงเมนูอาหาร ของทางร้าน กันบ้าง เมนูแรก ที่ถูกนำมาเสิร์ฟ เรียกว่า Amuse-bouche หรือเรียกง่ายๆ ว่า ของว่างที่มีขนาดพอดีคำ ซึ่งครั้งนี้ ทางร้านเสิร์ฟเป็น Mushroom Galauti หรือ กาโลตีเห็ด ถือเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ดีทีเดียว ส่วนจานต่อมาเป็น Chutneys Set อีกหนึ่งอาหารเรียกน้ำย่อยที่เสิร์ฟมมาในถาดสีทอง ที่ประกอบด้วย รากบัวทอด แผ่นนานย่างหอมๆ และ เครื่องจิ้ม 5 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น ซอสมะม่วง ซอสบีทรูท ซอสมะเขือเทศ ซอสกระเทียม และ ซอสพริก พร้อมผักสด ไว้กินเล่น ก่อนจะเสิร์ฟเมนูต่อไป

ต่อกันที่เมนู เรียกน้ำย่อยกันต่อ เริ่มจาก Sesame Leaf Chaat หรือ ใบงาทอดราดซอสแบบฉบับอินเดีย โดยจุดเด่นของเมนูจานนี้ อยู่ที่สีสันของซอส 3 สี ที่ถูกหยอดบนใบงาทอด ประกอบด้วย ซอสมินท์ ซอสมะม่วง และ ซอสมะเขือเทศ ตามต่อด้วยเมนู Himalayan Gucchi and Khumb หรือ เห็ดป่า และเห็ดยางรมย่าง หอมกรุ่น ไปต่อกันอีกเมนู “Bheja Pav” หรือ สมองแพะปรุงรสเสิร์ฟบนแผ่นขนมปังย่าง เป็นเมนูที่บอกเลยว่า ใครมาแล้ว ไม่สั่งถือว่าพลาดมาก รสชาติดีเลย
“Bhuna Kaleji” หรือ ตับไก่ ปรุงรส ที่เสิร์ฟมาบนขนมปังแป้งกรอบรูปดอกไม้ ถือเป็นเมนูอร่อยอีกเมนู ที่ต้องกินให้ได้ ต่อมาเป็น Duck Seekh Kebab หรือ เนื้อเป็ดย่างราดด้วยซอสสับปะรด และปิดท้ายเมนูเรียกน้ำย่อย คือ “Sigdiwala Murgh” หรือ ไก่ย่างเตาไฟ เสิร์ฟพร้อมสาลีดอง ยักย่าง และสลัดผัก

มาถึงเมนู Main Course กันต่อ เริ่มจาก “Champaran Gosht” หรือ แกงแพะ โดยเสิร์ฟพร้อมกับ แป้งนานย่างหอมๆ ที่ประกอบด้วย นานกระเทียมย่าง แป้งนานโฮลวีท และ แป้งคัมปารา พร้อมด้วยสลัดแบบอินเดีย จากนั้น มาต่อกันที่ Dal Jharokha หรือ แกงถั่วบด รวมถึง Mewar Malai Biryany หรือ ข้าวหมกไก่สไตล์อินเดีย รับประทานคู่กับ ซอสโยเกิร์ต อร่อยจรังจังมากสำหรับเมนูนี้ และ ปิดท้าย กับเมนู Murgh Makhani หรือ แกงไก่ อีกหนึ่งเมนูอร่อยที่ห้ามพลาด

และปิดท้ายมื้ออร่อยครั้งนี้ ก็ต้องมาลองขนมหวานสไตล์อินเดีย กัน เริ่มจาก Kesar Falooda ไอศกรีมกลิ่นกุหลาบ ที่บอกเลยว่า รสชาติต่างไปจากไอศกรีมที่เราเคยกินกันมา เพราะไอศกรีมที่นี่ หอมกลิ่นกุหลาบจริงๆ มาต่อกันที่ “Ghewar” ชีสเค้กกล้วยหอม ซึ่งจะอร่อยมากขึ้น เมื่อรับประทานพร้อมกับดื่มชา “Indian Masala Chai” ชามาซาล่าอินเดีย ที่มีกลิ่นมาซาล่า ลอยมาเตะจมูก ปิดมื้ออร่อยในมื้อนี้

กระนั้นก็ตาม เมนูขนมหวาน ของที่ร้านนี้ อีกอย่างที่อยากแนะนำ คือ ไอศกรีม รสหมาก ที่หอมกลิ่นหมากอ่อนๆ เคล้ากลิ่นกุหลาบ หอมชื่นใจ หรือ จะเป็นไอศกรีมมะม่วง ไอศกรีมมะพร้าว ไอศกรีมฝรั่งไส้แดง ที่เป็นเมนูขนมหวาน ที่อยากให้ทุกคนมาลองชิม กันที่ Jharokha by Indus
Jharokha by Indus เปิดให้บริการทุกวันจันทร์-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.30 – 22.30 น. โดยสามารถสำรองที่นั่งได้ ที่ โทร.082-997-3399 หรือ ที่ What App : +66829973399 และ ที่ ID Line: @jharokhabuindus

Facebook Comments


Social sharing

Related post