Digiqole ad

Glassiq ร้านแว่นตาแนวคิดใหม่ มอบประสบการณ์โดนใจ

 Glassiq ร้านแว่นตาแนวคิดใหม่ มอบประสบการณ์โดนใจ
Social sharing

Digiqole ad

เคยหรือไม่ กับการเข้าร้านแว่นตา แล้วรู้สึกอึดอัด ที่ต้องถูกกดดันจากพนักงานขาย ที่เดินตามหลัง หรือ รู้สึกขัดใจกับการเลือกแว่นตา ที่ต้องถูกจำกัด ด้วยมุมมองของคนขายแว่นตา แต่วันนี้ ทุกคนจะไม่รู้สึกแบบนั้น อีกต่อไป หากได้มาที่ร้าน Glassiq แบรนด์ร้านแว่นตาแนวคิดใหม่ ที่จะมามอบประสบการณ์การเลือกซื้อแว่นในแบบที่คุณ ไม่เคยเจอมาก่อน

มองและเห็นช่องทางใหม่จากปัญหา

คุณตั้ม-พิริยะ ตันตราธิวุฒิ ผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพ ร้านขายแว่นตาออนไลน์ Glassiq ได้มาเล่าเรื่องราว ของแนวคิดการทำสตาร์ทอัพ ร้านแว่นตาออนไลน์ ให้กับ “บางกอกทูเดย์” ฟังว่า เขาเริ่มทำธุรกิจร้านแว่นตา สตาร์ทอัพ มาตั้งแต่ 7-8 ปีที่แล้ว หรือประมาณ ปี 2016-2017 “ผมเป็นคนหนึ่งที่สวมแว่นมาตั้งแต่เด็ก และมักจะมีปัญหาจาการเลือกซื้อแว่นมาตลอด เพราะสมัยก่อน เราจะไม่มีร้านแว่นที่เป็นแบบ ซิงเกิล แบรนด์ที่เป็นสายแฟชั่น รวมถึง ไม่มีร้านแว่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของเรามากนัก และไม่ว่าจะเป็น กรอบแว่นตา หรือ เลนส์ ก็มีราคาแพงด้วย”

นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัญหา ที่ผู้ก่อตั้งร้านแว่นตาสตาร์ทอัพเจอ ก็คือ แว่นหลายชิ้น ถูกล็อคอยู่ในตู้ เอาออกมาดูไม่ได้ “ธรรมชาติของผม เป็นคนขี้เกรงใจ ไม่ชอบให้มีคนมามองเวลาเราเลือกแว่น ไม่ชอบให้เซลล์มาเดินประกบ และเวลาขอดูแว่น ทางร้านก็มักจะหยิบแว่นมาให้ดูแค่ 2-3 อัน แค่นั้น ทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ยิ่งเวลาที่เชาเชียร์แว่นที่เขาเลือกมาให้ ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้น ขณะที่เราเอง อยากเลือกแว่นหลายๆ อัน จนกว่าจะเจอแว่นที่ถูกใจ”

 

 

สร้างประสบการณ์ดี ให้กับลูกค้า

ขณะที่ราคาของแว่นในสมัยนั้น ก็ถือว่ามีราคาที่สูง จึงทำให้เขารู้สึกว่า การเลือกซื้อแว่น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย “เป็นประสบการณ์ที่เราไม่ชอบ และไม่อยากไปร้านแว่นนั้นอีก” แต่ทั้งหมดนี้ ก็ถือเป็นการเรียนรู้ และทำให้เขามองเห็นช่องว่างในตลาดธุรกิจแว่นตาที่เขาเชื่อว่า ยังไม่มีร้านแว่นตา ที่จะมอบประสบการณ์ดีๆ ให้กับลูกค้าอย่างที่ลูกค้าหลายคนต้องการ “พอผมได้ศึกษา ก็เห็นว่า ตลาดอย่างที่เรามองเห็น ยังไม่มี นี่จึงกลายเป็น จุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผม และเพื่อน เริ่มมาทำสตาร์อัพ ร้านแว่นตาออนไลน์ ที่ชื่อ Glassiq ขึ้นมา เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี รวมถึงมีสินค้าที่เป็นกรอบแว่น และเลนส์ที่ดี ให้กับลูกค้า ในราคาที่ไม่แพงอย่างที่คิด มาขายผ่านช่องทางเว็บไซต์ของเรา”

จุดเด่นของ ร้านแว่นตาออนไลน์ของผม อยู่ที่ ลูกค้าสามารถเลือกแว่นที่เหมาะสมกับตัวเองได้อย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะอยากได้แว่นทรงไหน เราก็จะมีการคัดกรอง รูปแบบแว่นที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ที่สำคัญ ยังมีบริการส่งแว่นไปให้ลองถึงบ้าน เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองแว่นจริงๆ” คุณพิริยะ กล่าว

 

ความท้าทายในธุรกิจ

สำหรับความท้าทายในธุรกิจร้านแว่นตา ผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพ ร้านแว่นตาออนไลน์ บอกว่า ความท้าทายในธุรกิจก็คือ การเริ่มมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดมากขึ้น “แต่ก็ต้องยอมรับว่า คู่แข่งบางราย มี Business Model ที่ตอบโจทย์มากกว่าเรา เพราะเรายังไม่มีเงินทุน ทำให้เราไม่กล้าเปิดร้าน เพราะต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างเยอะ” แต่สุดท้าย ก็เรียกว่า เป็นช่วงจังหวะที่ดี สำหรับ Glassiq เมื่อทาง “หอแว่น” ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจแว่นตา ได้เปิดโอกาสให้ ร้านแว่นตาออนไลน์ สตาร์ทอัพ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจ หอแว่น

“ทุกอย่างเริ่มจาก ลูกต้าของ Glassiq เอากรอบของร้านเรา ซึ่งเป็นร้านออนไลน์ 100% ไปตัดแว่นกับทางหอแว่น ทำให้ทางหอแว่นสนใจแบรนด์ของเรา เพราะแต่ก่อน หอแว่นจะมีกลุ่มลูกค้า ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่มากกว่า ขณะที่ร้านของเรา ลูกค้าเป็นกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงาน ทำให้ต่อมา เราได้ไปพูดคุยกับทางหอแว่น ก่อนที่จะเริ่มนำสินค้าของเรา ไปวางที่ร้านหอแว่น ทั้งหมด 20 สาขา ในฐานะแบรนด์แว่นตาแบรนด์หนึ่ง ในขณะที่เราเอง ก็ช่วยทำสื่อสารการตลาด ทำคอนเทนต์ ในโลกออนไลน์ไปพร้อมกัน ทำให้มีลูกค้าใหม่ๆ เข้าไปที่หอแว่นมากขึ้น และถามหาแบรนด์แว่น Glassiq มากขึ้นด้วย”

รวมกันเป็นหนึ่ง

คุณพิริยะ กล่าวอีกว่า กระทั่งในปี 2022 ทางหอแว่น ก็ได้เข้ามาซื้อธุรกิจแบรนด์แว่นตา Glassiq ในที่สุด “ซึ่งการเข้ามาซื้อธุรกิจของเรานั้น เป็นช่วงจังหวะที่หอแว่น กำลังมีแผนการขยายธุรกิจ และการลงทุน เพื่อปั้นธุรกิจให้มีการเติบโตมากขึ้น โดยในมุมของผม ในฐานะที่เป็นคนทำสตาร์ทอัพ ก็รู้สึกว่า เป็นออฟชั่นที่ดี เพราะการได้ทำงานร่วมกับหอแว่น ทำให้เรารู้สึกถึงการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง และทำให้เรามองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจของเรามากขึ้น” ปัจจุบัน แบรนด์ร้านแว่นตา Glassiq  เปิดไปแล้วถึง 3 สาขา ประกอบด้วย สาขาเอ็มสเฟียร์ สาขาเซ็นทรัล นครสวรรค์ และสาขาตึกซูริค สีลม

“ผมมองว่า Glassiq มาจากแบรนด์ออนไลน์ ที่มีแนวคิดให้ลูกค้าได้สัมผัสและเข้าถึงแบรนด์มากขึ้น รวมถึงการค้นหาข้อมูลของแว่นตา ก่อนที่ลูกค้าจะมาที่หน้าร้าน และเมื่อมาถึงหน้าร้าน ก็จะมีพนักงานพร้อมที่จะช่วยหาแว่นตา ที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด โดยอาศัยเว็บไซต์ของเรา ในการค้นหาแว่นตาในแบบที่ลูกค้าต้องการ ทั้งเรื่องของ ราคา วัสดุ และอื่นๆ เรียกว่า อะไรที่เราทำแล้วดีในออนไลน์ เราก็จะนำมาเป็นใช้กับลูกค้า และพยายามสร้างประสบการณ์หน้าร้านให้ลูกค้าได้สัมผัส และรู้สึกว่า เวลามาที่ร้าน ก็ยังมีความสนุกสนาน และไม่รู้สึกกดดันใดๆ กับการเลือกซื้อแว่นตา แถมยังสามารถลองแว่นตา ได้ทุกแบบอย่างที่ต้องการด้วย” คุณพิริยะ กล่าวด้วยว่า เพราะ Glassiq ยังมีเลือดของความเป็นสตาร์ทอัพอยู่ในตัวเอง

ความคาดหวัง

ในส่วนของความคาดหวัง กับแบรนด์ร้านแว่นตา Glassiq “ผมมองว่าเป็นแบรนด์แว่นตา ที่สามารถขยายแบรนด์ได้เพราะผมเชื่อว่า แบรนด์ร้านแว่นตา ของเราไม่เพียงจะมาสร้างประสบการณ์ใหม่ และสร้างความสนุกสนานกับการเลือกซื้อแว่นตาที่แตกต่างไปจากอดีตเท่านั้น แต่ในอนาคต เรายังตั้งความคาดหวังด้วยว่า อยากให้แบรนด์ของเรา เป็นแบรนด์ไทยที่ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เพราะผมเชื่อมั่นว่า คนไทย มีทักษะในการออกแบบ และสร้างประสบการณ์ที่ดีได้ ไม่แพ้ต่างชาติ และวันนี้ เราก็พร้อมที่จะพัฒนาตัวเอง ด้วยการนำเทคโนโลยี อย่าง AI มาปรับใช้ในการสร้างแบรนด์ร้านแว่นตา เพื่อให้ลูกค้าของเรา ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด” คุณพิริยะ กล่าว พร้อมบอกด้วยว่า

“ผมยังมองด้วยว่า เราอยากพัฒนาตัวเอง ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการดูแลสายตาในระดับหัวแถวของประเทศไทย เพราะเราทำงานด้านนี้ มาตลอดและต่อเนื่อง เราอยากให้แบรนด์ร้านแว่นตาของเรา เป็นร้านที่คนให้ความรู้สึก อยากเปลี่ยนแว่นตาได้บ่อยๆ รวมถึง รู้สึกสบายใจกับการเลือกแว่นตาที่ถูกใจที่สุด และเราก็อยากให้แบรนด์ของเราเป็น All in One Solution ของลูกค้าทุกคน ในทุกระดับ

 

Facebook Comments


Social sharing

Related post