Digiqole ad

Elephant…ช้างฟาด!?! เมื่อชีวิตติดบ่วงสำนวน “ช้าง” สังคมไทยในยุคนี้จึงมากปัญหา! (อีบุ๊กบางกอกทูเดย์ฉบับที่ 387 วันที่ 7-13 ก.ค.66)                                     

 Elephant…ช้างฟาด!?! เมื่อชีวิตติดบ่วงสำนวน “ช้าง” สังคมไทยในยุคนี้จึงมากปัญหา! (อีบุ๊กบางกอกทูเดย์ฉบับที่ 387 วันที่ 7-13 ก.ค.66)                                     
Social sharing

Digiqole ad

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์ฉบับที่ 387 วันที่ 7-13 กรกฎาคม 2566

            ต้องขอขอบคุณ “ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์” ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการเขียนสกู๊ปในสัปดาห์นี้ หากเราลองไปไล่ดูสำนวนเกี่ยวกับ “ช้าง” ส่วนใหญ่แต่มีความหมายไปในทางเชิงลบ แทบจะไม่มีความหมายในเชิงบวกสักเท่าไหร่ มาดูกันว่าสำนวนมีอะไรบ้างและตรงกับสภาพและเหตุการณ์ในสังคมไทยยุคนี้อย่างไรกันบ้าง

ขี่ช้างจับตั๊กแตน

ลงทุนมากแต่ได้ผลน้อย : มีคนเปรียบเปรยเอาไว้ว่า หากจะลงทุนทำมาค้าขายหรือทำธุรกิจใด ๆให้ดูคนจีนเป็นต้นแบบ เพราะพวกเขาจะค่อย ๆ เริ่มต้นตั้งแต่ศูนย์ถึงสิบ แบกับดิน หาบขาย รถเข็น เช่าหน้าร้าน เช่าตึก เซ้งตึก  สร้างตึก และสุดท้ายคือ ขยายกิจการหรือสร้างแฟรนไชส์ออกไป มีการพัฒนากิจการให้รุ่งเรืองตามลำดับ ไม่เหมือนคนไทย ที่กลับตาลปัตรดันไปเริ่มจากสิบแล้วค่อย ๆลดลงมาเรื่อย ๆ กระทั่งเจ๊งและปิดกิจการไปในที่สุด เพราะดันไปลงทุนมหาศาลแบบไม่มีการวางแผน จึงได้ผลน้อยมาก แบบ “ขี่ช้างจับตั๊กแตน” ไม่แปลกที่คนจีนจะเป็นเจ้าของธุรกิจมากมายและใหญ่โตเกินเบอร์ว่าอย่างนั้นเถอะ

แม้ว่าจะเข้าสู่ยุคดิจิทัลแล้ว คนไทยหลาย ๆ คนก็ยังประสบปัญหาความล้มเหลวทางธุรกิจอยู่ดี แต่ก็ยังมีคนรวยที่ประสบความสำเร็จก็มีให้เห็น แต่เป็นแบบ “รวยกระจุก จนกระจาย” แม้แต่การสั่งซื้อเรือดำน้ำของกระทรวงกลาโหม มีหลายคนมองว่า เป็นการ “ขี่ช้างจับตั๊กแตน” เช่นกัน เพราะทะเลบ้านเราไม่ได้มีร่องน้ำลึกอะไรขนาดนั้น แล้วการเก็บรักษาและโอกาสจะนำไปฝึกไปใช้แทบจะไม่มี

สำหรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ด้วยแนวคิดแบบคนจีน โดยได้มีผู้สันทัดกรณีได้รวบรวมไว้เป็นข้อ ๆ ดังนี้คือ 1. คนจีนรักษาสัจจะเยี่ยงชีวิต  2. ยึดมั่นในเรื่องการค้าขาย 3. ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ ขยัน ประหยัด อดทน เหมือนมดงาน 4. คนจีนสอนลูกหลานให้รู้จักเก็บเงินไว้เป็นทุนทำธุรกิจ 5.รู้จักต่อยอดและเปลี่ยนแปลง 6. ไม่จำเป็นอย่ามีหนี้สูญ  7. ขยายกิจการให้เติบโตไปทีละน้อย ๆ

ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด

ความชั่วหรือความผิดร้ายแรงที่คนรู้ทั่วกันแล้ว จะปิดอย่างไรก็ไม่มิด : ในปัจจุบันบ้านเราทั้ง ๆ ที่เป็นเมืองพุทธแต่ก็ไม่หยุดทำร้ายและฆ่าฟัน จะเห็นได้จากการก่อเหตุอาชญากรรมไม่เว้นแต่ละวัน สร้างความสะเทือนขวัญหดหู่ใจคนไทยทั้งประเทศอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่การกระทำผิดมักจะไม่รอดเงื้อมมือตำรวจ และอุปกรณ์ไฮเทคนั่นคือ “กล้องวงจรปิด” ในหลายคดีจับได้ เพราะด้วยสิ่งนี้แหละที่นำมาเป็นหลักฐานมัดตัวคนร้ายชนิดที่ดิ้นไม่หลุดเหมือน “ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด”

นอกจากนี้ใครคิดจะกระทำความผิดในสมัยนี้ ผลกรรมมันติดจรวดตามทันเร็วมาก ไม่ต้องรอชาติหน้าชาตินี้แหละ เหมือนคดีเมื่อเร็ว ๆนี้ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เรียกรับเงิน สุดท้ายถูกซ้อนแผนโดนตำรวจรวบตัวแบบตั้งตัวไม่ทัน หมดสิ้นอนาคตข้าราชการ

จากพ ร ะ ร า ช นิ พ น ธ์ของสมเด็จพระญาณสังวรฯ  เรื่องเ พื่ อ ค ว า ม ส วั ส ดี แ ห่ ง ชี วิ ต แ ล ะ พ ร ะ ค ติ ธ ร ร ม เ พื่ อ เ ป็ น แ ส ง ส่ อ ง ใ จ มีเนื้อหาส่วนหนึ่งว่า ทุกวันนี้มีข่าวฆ่าฟันกันอย่างทารุณโหดเหี้ยม มิได้เว้นแต่ละวันพบแล้ว เห็นแล้ว ก็ให้นึกถึงกรรม เคยฆ่าเขามาก็ถูกเขาตามมาฆ่า คนละภพคนละชาติ ข้าภพข้ามชาติแล้วก็ยังตามกันมาได้ มาส่งผลได้

เรื่องกรรมเป็นเช่นนี้ จึงน่ากลัวกรรมนัก พึงกลัวกรรมนัก ไม่พึงคิดว่าการเชื่อว่าการฆ่าฟันตามล้างตามผลาญกัน เป็นเรื่องกรรมนั้นเป็นความเชื่อที่เหลวไหล ไม่มีเหตุผล ไม่พึงคิดเช่นนี้ เพราะไม่มีคุณอย่างใด จะถูกหรือจะผิด ถ้านึกเชื่อไว้ก่อนว่าเป็นเรื่องการให้ผลของกรรม ก็จะทำให้ไม่กล้าทำกรรมไม่ดีโดยตั้งใจ ก็จะพ้นจากผลของกรรมไม่ดีนั้น

แน่นอน อุบัติเหตุในยุคนี้สมัยนี้ ที่รุนแรงก็มีมากมาย บางเรื่องไม่น่าเป็นก็เป็น บางคนไม่น่าประสบอุบัติเหตุเช่นนั้นก็ต้องประสบ ดูไปแล้ว คิดไปแล้ว ก็น่าจะรู้สึกว่าอุบัติเหตุอย่างนั้นๆ เกิดขึ้นเพื่อให้คนนั้นคนนี้ต้องบาดเจ็บหรือล้มตายไปเท่านั้น

เมื่อคิดเช่นนี้ เพราะไม่อาจคิดเป็นอื่นได้ ก็ย่อมจะทำให้คิดว่าต้องเป็นเรื่องที่กรรมจะส่งผลแก่ผู้นั้น ในที่นั้น ในเวลานั้น อุบัติเหตุจึงต้องเกิดขึ้นดังนี้ การถูกฆ่าของเด็กไร้เดียงสาหาความผิดไม่ได้ ซึ่งปรากฏขึ้นบ่อยๆ ในยุคนี้ น่าจะทำให้ความเชื่อในเรื่องกรรมและการทำให้ผลของกรรมหนักแน่นขึ้น

ทำไมต้องเป็นเด็กคนนั้นที่ถูกฆ่าทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องขุ่นเคืองโกรธแค้นกัน อยู่ดีๆ มีความสุข ก็ปุบปับถูกนำไปประหัตประหาร ในฐานะเป็นผู้ดู จงดูด้วยความรู้สึกกลัวกรรม ไม่ควรดูด้วยความรู้สึกอาฆาตขุ่นเคือง เพราะจะไม่เป็นคุณแก่จิตใจตนเอง มีแต่จะเป็นโทษ รู้แล้ว ปลงลง นี่แหละอำนาจของกรรมยิ่งใหญ่นัก พึงกลัวนัก

ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น

           ดูเหมือนรอบคอบถี่ถ้วน แต่ไม่รอบคอบถี่ถ้วนจริง  : เพราะด้วยเป็นแบบนี้จึงเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งล่าสุดคือ  ผู้โดยสารหญิงชาวนครศรีธรรมราชเจออุบัติเหตุสยองที่ท่าอากาศยานดอนเมืองระหว่างยืนบนทางเลื่อน เพื่อไปขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน เกือบจะสุดทางอยู่แล้วเชียว ทันใดนั้นทางเลื่อนเกิดการขัดข้องมีอาการสะดุด จึงทำทั้งคนทั้งกระเป๋าเดินทางล้มลง เจ้ากรรมบังเอิญขาหลุดเข้าไปติดคาอยู่ใต้ทางเลื่อน จึงให้ขาถูกเฉือนขาซ้ายขาดสะบั้นเหนือเข่า สุดท้ายแพทย์ไม่สามารถต่อขาให้ได้ จากการตรวจสอบพบว่า ทางเลื่อนนั้นมีอายุกว่า 27 ปี และไม่มีเซ็นเซอร์

ทางท่าอากาศยานดอนเมือง โดย ผอ.การันต์ ได้แสดงความรับผิดชอบ ซึ่งระบุว่า ในส่วนมาตรการดูแลและเยียวยาผู้โดยสารหลังจากนี้ ขอพิจารณาก่อนว่าจะชดเชยได้เท่าไหร่ แต่เบื้องต้นที่พูดคุยกับญาติยังไม่มีท่าทีเรียกร้องอะไร หลังจากนี้ท่าอากาศยานดอนเมืองจะกลับไปทบทวนให้รัดกุมมากขึ้น ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง หลังเกิดเหตุนี้ยืนยันว่าจะช่วยเหลือค่าพยาบาลและชดเชยให้ผู้โดยสารอย่างถึงที่สุด ขอให้เชื่อมั่นท่าอากาศยานดอนเมือง อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้นและแก้ไขให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้มีเหตุการณ์อุบัติเหตุเป็นครั้งที่ 2

นี่เป็นเพียงแค่เหตุการณ์ครั้งล่าสุด แต่ก่อนนั้นมีเรื่องที่ในทำนอง “ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น” ดูเหมือนรอบคอบถี่ถ้วน แต่ไม่รอบคอบถี่ถ้วนจริง  จึงทำเกิดความสูญเสีย เสียหาย ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ครั้งใหญ่ครั้งเล็กมากมาย ที่โชคดีก็มีผู้แสดงความรับผิดชอบ ที่โชคร้ายหาคนรับผิดชอบไม่ได้เลย

            เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง

            การกระทำตนเยี่ยงผู้อื่นที่มีฐานะและความพร้อมมากกว่า : เนื่องจากว่าคนเรา “ไม่ค่อยมีความพอเพียง” กัน จึงพากันทุกข์ใจกับการอยากได้ใคร่มีให้เหมือนกับคนอื่น ๆ ทั้งที่เขามีฐานะดีและร่ำรวยกว่า โดยไม่ได้มองตัวเองว่า ทุกวันดิ้นรนแบบหาเช้ากินค่ำ “เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง” หากไม่ควบคุมสติและจิตใจก็จะเป็นชนวนเหตุให้ไปกระทำความผิด หรือทุจริต อาทิ ลักขโมย คดโกง เพื่อนำไปสู่การดิ้นรนเพื่อให้กินดีอยู่ดีเหมือนกับคนที่เขามีฐานะดีกว่า

แต่ข่าวที่น่าสะท้อนใจมากที่สุดคือ ลูกร้องขออยากได้ไอโฟนรุ่นใหม่ ถ้าไม่ซื้อให้จะฆ่าตัวตายอะไรประมาณนั้น สนนราคาก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าแพงหูฉี่ขนาดไหน หันมาดูสถานะของพ่อแม่คือ ขายส้มตำไก่ย่าง ต้องตำส้มตำไทย-ลาวกี่ครก ต้องปิ้งไก่กี่ไม้ถึงจะแลกกันไอโฟนรุ่นใหม่ได้  โถ! เด็กหนอเด็กทำไปได้น๊อ!

ขอน้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาเป็นเครื่องเตือนใจ ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้
1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
           2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
            3. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

โดยมี เงื่อนไข ของการตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง 2 ประการ  ดังนี้
1. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในการปฏิบัติ
           2. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต

อ้อยเข้าปากช้าง

สิ่งหรือประโยชน์ที่ตกอยู่ในมือแล้วย่อมได้คืนยาก : ภาพที่สะท้อนได้ชัดที่สุดในยุคนี้ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทยทั้งประเทศผ่านปัจจัยที่ 5 นั่นคือ “โทรศัพท์มือถือ” ที่มีกันทุกเพศทุกวัย ลูกเล็กเด็กแดง ใช้หรือเล่นเป็นหมด

ดูเหมือนว่าแก๊งคอลซ็นเตอร์จะมีความอัจฉริยะมาก คิดกลอุบายล่อลวงได้แบบมาเหนือเมฆ เปลี่ยนมุกมาเรื่อย ๆ ให้ทันยุคทันสมัย ทำให้คนติดกับดักสูญเสียเงินตั้งแต่หลักร้อยบาทยันหลักร้อยล้านบาท แบบชนิดที่ว่ “อ้อยเข้าปากช้าง” จนตำรวจปวดหัวบางครั้งก็ช่วยไม่ได้ จึงทำให้สังคมนี้ดูอยู่ยากขึ้นทุกที ๆ

กระทั่ง กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ต้องออกโรงเตือนพี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันภัยจากมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนี้

1.ไม่มีนโยบายของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่จะต้องโทรศัพท์ไปยังประชาชน เพื่อแสดงเอกสาร กล่าวอ้างว่าท่านกระทำความผิด หรือมีส่วนในการกระทำความผิด หากพบการกระทำดังกล่าว สันนิษฐานได้ว่าเป็นมิจฉาชีพแน่นอน

2.ไม่ตกใจ ไม่เชื่อเรื่องราวต่าง ๆ วางสายการสนทนาดังกล่าว ตรวจสอบก่อนโดยการโทรศัพท์ไปสอบถามหน่วยงานนั้นๆ โดยตรง

3.ไม่โอนเงิน หากมีคำพูดว่าให้โอนเงินมาตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ หรือเพื่อสิ่งใดก็ตาม นั่นคือมิจฉาชีพแน่นอน

4.ไม่กดลิงก์ ติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาที่ชัดเจน เพราะอาจจะเป็นการหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมเครื่องระยะไกล หรือโปรแกรมที่ฝังมัลแวร์ดักรับข้อมูลของมิจฉาชีพ

5.ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลการเงินกับผู้ใดทั้งนั้น เช่น เลขบัตรประชาชน รหัสหลังบัตร รหัส

OTP เป็นต้น

6.ท่านสามารถบล็อกสายเรียกเข้าที่มาจากต่างประเทศได้ ด้วยการกด *138*1# แล้วโทรออก 7.ติดตั้งแอปพลิเคชัน Whos Call เพื่อแจ้งเตือนระบุตัวตนสายเรียกเข้าที่ไม่รู้จัก ป้องกันภัยจากมิจฉาชีพที่อาจโทรศัพท์มาหลอกลวง และ 8.ดูแล แจ้งเตือน ผู้สูงอายุ บุคคลใกล้ตัว เพื่อลดโอกาสในการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

หากพบเบาะแสการกระทำผิด สามารถติดต่อไปยังสายด่วนตำรวจไซเบอร์ หมายเลข 1441 หรือ 081-866-3000 ตลอด 24 ชม. และแจ้งความออนไลน์ที่ www.thaipoliceonline.com หรือเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุโดยตรง

ตาบอดคลำช้าง

            คนที่รู้อะไรด้านเดียวหรือนัยเดียว แล้วเข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างนั้น : ชีวิตในยุค “โซเชี่ยลมีเดีย” มามีอิทธิพลต่อชีวิตของคนเรา เอะอะอะไรก็โพสต์ข้อความหรือภาพกันแล้ว โดยไม่ได้มีการตรวจข้อมูลที่ถูกต้อง ดูเหรียญแต่ด้านเดียว เป็นเหมือน “ตาบอดคลำช้าง” รู้อะไรด้านเดียวหรือนัยเดียว แล้วเข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างนั้น จึงเกิด “กระแสสังคมตีกลับ” ในครั้งแล้วครั้งเล่า

เช่น เห็นพระขับรถออกจากวัดในช่วงกลางดึก ก็ไปตีความว่า “พระหนีเที่ยวกลางคืน” ความจริงแล้วพระขับรถพาเณรที่ตัวร้อนไข้ขึ้นสูงไปโรงพยาบาล ที่ต้องขับรถเองเพราะว่าไม่มีญาติโยมมาขับให้ ดึก ๆดื่น ๆ ก็พากันนอนหมดแล้ว

เห็นพระซื้อกับข้าวตอนบ่ายก็ไปโพสต์ว่า “พระไม่สำรวจ ออกมาซื้อข้าวกินหลังเพล” แอบถ่ายภาพแล้วโพสต์ภาพประจาน เพื่อให้สังคมรุมด่า แต่ที่จริงแล้ว พระซื้อกับข้าวไปให้โยมแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาตที่ลุกไปไหนมาไหนไม่ได้

เห็นคุณยายนั่งกินข้าวอยู่ในธนาคาร ก็ไปโพสต์ต่อว่า “แบงก์บริการช้า จนลูกค้าถึงขั้นต้องห่อข้าวมานั่งกินรอคิว” ธนาคารก็โดนถล่มเละตุ้มเปะก่อนที่จะถูกกระแสตีกลับ ซึ่งความจริงคือ คุณยายทำธุรกรรมการเงินเสร็จแล้ว ระหว่างรอลูกสาวมารับขออนุญาตกินอาหารแล้ว เพราะต้องกินยารักษาโรค

หรือเห็นวินมอเตอร์ไซค์กำลังซกต่อยกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับผู้ชายหนึ่ง ก็ไปโพสต์ว่า “วินมอเตอร์ไซค์ขาโหด โดดชกลูกค้า” ที่แท้จริงคือ วินมอเตอร์ไซค์จับผู้ร้ายที่กระชากกระเป๋าคนมา

            ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ชาวโซเชี่ยลมีเดียต้องใช้สติพิจารณาดูให้ดี ก่อนที่จะร่วมคอมเม้นต์หรือแชร์อะไรออกไป มิเช่นนั้นเมื่อกระแสสังคมตีกลับ คุณอาจจะเสียใจและติดเป็นตราบาปในสิ่งที่คุณได้ทำลงไป

ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่

ให้รู้จักพิจารณาลักษณะบุคคลหรือหญิงที่จะเลือกเป็นคู่ครอง : สำนวนที่ว่า “ชิงสุกก่อนห่าม” มาแรงเกินไปในทุกยุคทุกสมัย  จึงทำให้สำนวนที่ว่า “ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่” แทบจะหมดคุณค่าลงไป หนุ่มสาวเจอกันแป๊บเดียว โดยเฉพาะทางโซเชี่ยลมีเดีย แชทกันไปแชทกันมา ก็ตกเป็นแฟนกันแล้ว จึงเกิดโทษภัยตามมา อาทิ ถูกหลอกให้เสียตัวหรือโดนข่มขืน เสียเงิน ,ลวงมาปล้น และที่น่ากลัวคือฆ่าปิดปาก,บอกว่าโสดแต่จริง ๆ ดันมาโป๊ะแตกทีหลังว่ามีครอบตัว ภาพที่เอามาโชว์ในโซเชี่ยลมีเดียคือ “ไม่ตรงปก แถมยังจกตา” อีกต่างหาก

ในวงการบันเทิงก็ไม่เบา โชว์ออกสื่อมากเกินไปจนเลี่ยน สุดท้ายก็ไปไม่รอด “เลิกกัน” มีคนบอกว่า ชาวมายานั้น “รักง่ายหน่ายเร็ว” คงต้องกลับไปทบทวนสำนวนที่ว่า “ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่”…ดูให้แน่ต้องดูที่ยาย

 ช้างเท้าหน้า

           เป็นหัวหน้าหรือผู้นำ แล้วให้คนอื่นทำตาม หรือเป็นหัวหน้าครอบครัว : มีคนบอกว่าหมดยุคที่ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าหรือหัวหน้าครอบครัว  และผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ยุคสมัยต้องดูกาลเทศะ อาจจะต้องมีที่บางครั้งผู้หญิงกลายมาเป็นช้างเท้าหน้าบ้าง แต่ทว่า ผู้หญิงบางคนสายเปย์ก็ยอมเลี้ยงผู้ชาย โดยผู้ชายไม่ต้องทำงานก็มี

ก็มีบางคนบอกว่า ผู้หญิงเป็นเท้าหลังดีอยู่แล้ว ไม่ใช่ “เท้าช้าง” นะ แต่มันคือ “เท้าจิงโจ้” เพราะธรรมชาติการเดินของจิงโจ้ใช้ขาหลังเดิน จะว่าไปแล้วในสังคมปัจจุบันมีผู้คนต่างที่จะแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเป็น “ช้างเท้าหน้า” โดยที่ไม่ได้ดูขีดความสามารถของตนเองเลยว่ามีความเหมาะสมที่จะเป็น “ผู้นำ” มากแค่ไหน

            ฆ่าช้างเอางา

            ทำลายของใหญ่เพื่อให้ได้ของเล็กน้อยซึ่งไม่คุ้มค่ากัน : หลายครั้งที่คนมีพฤติกรรมตามสำนวน “ฆ่าช้างเอางา” โดยเฉพาะ “การบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ” ที่มีมาทุกยุคทุกสมัย เพื่อทำธุรกิจหรือผลประโยชน์ส่วนตัว อาทิ รีสอร์ต นับว่าเป็นการสร้างความเสียหายให้กับพื้นป่าอย่างใหญ่หลวง

โดยผลที่ตามมาคือ การชะล้าง พังทลายของหน้าดิน เกิดน้ำท่วม น้ำหลาก คุณภาพของน้ำแย่ลงเพราะมีดิน โคลน ไหลลงสู่แหล่งน้ำ เกิดปัญหาความแห้งแล้ง เพาะปลูกไม่ได้ และระบบนิเวศของป่า สัตว์ป่า ได้รับความเสียหาย อาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ได้ในท้ายที่สุด

            เอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง

            อย่าเอาทรัพย์หรือสิ่งของจากคนที่น้อยไป : รวยกันแล้วยังจะมาเบียดเบียนเอา “เอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง” ต้องมีการออกมารณรงค์ในหมู่เด็กและเยาวชน “โตไม่โกง” สำนวนนี้ขอตีความไปที่เรื่อง บุคคลผู้มีอำนาจหรือร่ำรวย โดยเฉพาะ “นักการเมือง” ทำการ “ฉ้อฉล” หรือ “คอรัปชั่น” โกงกินบ้านเมืองแบบฉิบหายวายป่วง ทำเอาพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเดือดร้อนหนักขึ้นไปอีก งบไปไม่ถึง หรืองบถึงแต่เหลือเป็นเศษก็ว่าได้

ในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ จัดโดยคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและกลุ่มสยามแล็บ เมื่อหลายปีก่อน ระบุว่า มี 2 สาเหตุที่ทำให้ปัญหาคอร์รัปชั่นแก้ยาก สาเหตุแรก การบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ ไม่จริงจัง ซึ่งมาจากเจ้าหน้าที่รัฐที่รับใช้แผ่นดินกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคอร์รัปชั่นเสียเอง คือ หาประโยชน์จากการทำหน้าที่ ยอมให้การทุจริต การทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น

อีกเหตุผลหนึ่ง คือ สังคมเองอ่อนแอ ยอมให้ปัญหาคอร์รัปชั่นรุนแรงขึ้นต่อหน้าต่อตา ไม่ยอมแก้ไขจนกลายเป็นพฤติกรรมร่วมของสังคม ที่สังคมดูเหมือนจะยอมรับและพร้อมอยู่กับปัญหา เมื่อเป็นเช่นนี้ ปัญหาคอร์รัปชั่นก็ยิ่งรุนแรงเพราะคนที่กล้าโกงจะได้เปรียบ สามารถใช้สินบนซื้อความผิด ซื้อความได้เปรียบทางธุรกิจ ซื้อความสะดวกสบายในการติดต่อราชการ ยิ่งในบ้านเราที่ระบบอุปถัมภ์มีอิทธิพลสูง สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้ปัญหาคอร์รัปชั่นรุนแรงและแก้ยาก เพราะคนพร้อมจะช่วยกันทำความผิด พร้อมช่วยคนผิดให้พ้นผิด

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 387 วันที่ 7-13 กรกฎาคม 2566 (ใช้นิ้วพลิกอ่านได้เหมือนหนังสือปกติ)
https://book.bangkok-today.com/books/cohp/

           

Facebook Comments


Social sharing

Related post