Digiqole ad

CEO “สมาร์ทฟินน์” เผยเตรียมรุกขยายพื้นที่บริการขายฝาก ตั้งเป้าครอบคลุม 50 จังหวัดทั่วไทย ช่วยธุรกิจ SME เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ บนพื้นฐานความชัดเจน

 CEO “สมาร์ทฟินน์” เผยเตรียมรุกขยายพื้นที่บริการขายฝาก ตั้งเป้าครอบคลุม 50 จังหวัดทั่วไทย  ช่วยธุรกิจ SME เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ บนพื้นฐานความชัดเจน
Social sharing

Digiqole ad

ในยุคที่ภาครัฐยังเถียงกันว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงวิกฤติหรือไม่วิกฤติ แต่เชื่อว่าคนทำธุรกิจจะรู้ดีว่าสภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ถ้าธุรกิจมีปัญหาขาดสภาพคล่อง จำเป็นต้องมองหาแหล่งเงินกู้เพื่อให้ธุรกิจได้เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งถ้ามีเครดิตดีการกู้เงินจากสถาบันการเงินก็ไม่ใช่ปัญหา  แต่ถ้าเครดิตไม่ดีหลายคนอาจหันไปกู้หนี้นอกระบบที่แม้จะได้เงินมาง่าย แต่ปัญหาคือภาระดอกเบี้ยมหาโหด ที่อาจทำให้เกิดวิกฤตซ้ำซ้อนจนธุรกิจไปต่อไม่ได้ หากจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อเสริมภาพคล่องให้กับธุรกิจ แต่ธนาคารไม่อนุมัติเงินกู้ และไม่อยากเผชิญกับดอกเบี้ยมหาโหดของเงินกู้นอกระบบ การ “ขายฝาก” คือตัวเลือกที่ดีของการหาแหล่งเงินมาเสริมสภาพคล่อง

การ “ขายฝาก” คืออะไร มีกระบวนการอย่างไร จะได้วงเงินเท่าไหร่ ดอกเบี้ยแพงหรือไม่ ดร.ปริสุทธิ์  รัตนมหาวงศ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สมาร์ทฟินน์ โซลูชั่นส์ จำกัด มีคำตอบให้กับนักธุรกิจที่ต้องการกู้เงินเสริมสภาพคล่อง และมีโอกาสที่ดีเสนอให้กับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนชัดเจน ความเสี่ยงต่ำ

“การขายฝากเหมือนกับการซื้อขายทรัพย์สิน ต่างกันตรงที่การขายฝากทรัพย์จะถูกโอนไปเป็นของนักลงทุนชั่วคราว เจ้าของทรัพย์สามารถไถ่ถอนคืนได้ตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ในสัญญา”

ดร.ปริสุทธิ์  ขยายความว่า สมาร์ทฟินน์ ทำหน้าที่เป็นคนกลางที่ทำให้นักลงทุนกับผู้ที่ต้องการขายฝากทรัพย์มาเจอกัน ผู้ขายฝากได้เงินไปหมุนต่อยอดการทำธุรกิจ นักลงทุนได้ดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน ซึ่งสมาร์ทฟินน์กำหนดดอกเบี้ยไว้ที่ 9% ต่อปี ในมุมผู้ขายฝากถือเป็นอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ 15% ต่อปี ถูกกว่าการกู้นอกระบบ อยู่ในระดับเดียวกับสถาบันการเงินทำให้ผู้ขายฝากไม่มีภาระดอกเบี้ยเกินจำเป็น ในมุมของนักลงทุนก็จะได้รับผลตอบแทนแน่นอนที่ 9% ต่อปี ซึ่งมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก

“สมาร์ทฟินน์ทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา ทุกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทำให้นักลงทุนและผู้ขายฝากมีความมั่นใจ ส่งผลให้บริษัทเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทใน ปี 2560 ซึ่งในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถปิดดีลการขายฝากไปแล้วกว่า 8,000 ล้านบาท”ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สมาร์ทฟินน์ โซลูชั่นส์ จำกัด กล่าวและว่า ในปีนี้ตั้งใจว่าจะขยายบริการให้กระจายและครอบคลุมมากขึ้น โดยจะเพิ่มพื้นที่ให้บริการเป็น 50 จังหวัด จากเดิม 40 จังหวัด เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุนให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีในต่างจังหวัด

 ดร.ปริสุทธิ์ กล่าวว่า สำหรับทรัพย์สินที่ต้องการนำมาขายฝากที่ผ่านแพลตฟอร์มได้ทั้งที่ดินเปล่า บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนี่ยม โรงแรม รีสอร์ท ฯลฯ ที่มีโฉนด นส. 4 จ. ส่วนวงเงินที่จะได้จากการขายฝาก ขึ้นอยู่กับสภาพทรัพย์ที่นำมาขายฝากด้วย เช่น บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดฯ ต้องดูสภาพของทรัพย์ด้วยว่าเป็นอย่างไร เก่าใหม่ ดูแลรักษาดีหรือไม่ อย่างไรก็ตามผู้ขายฝากอาจได้ราคามากกว่าที่กำหนดไว้ก็ได้หากนักลงทุนมองเห็นศักยภาพของทรัพย์อาจเสนอราคาให้สูงกว่าได้

ผู้ที่ต้องการขายฝากกับบริษัทสามารถนำทรัพย์สินมาเสนอกับบริษัทได้ตามช่องทางที่เราเปิดรับหรือจะมาที่บริษัทก็ได้ สิ่งที่ต้องนำมาด้วยคือโฉนดที่ดินพร้อมสำเนาหน้าหลังและภาพถ่ายทรัพย์สิน ส่วนระยะเวลาในการนำทรัพย์เสนอต่อนักลงทุนก็ใช้เวลาไม่นาน ถ้าทรัพย์สินผ่านหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และผ่านการประเมินราคาจากบริษัทผู้ประเมินก็สามารถนำเสนอต่อนักลงทุนได้ทันที

“ทรัพย์สินที่นำมาขายฝากเราใช้วิธีประมูลราคาจากนักลงทุนที่ขึ้นทะเบียนกับบริษัทไว้ ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนขึ้นทะเบียนอยู่ประมาณ 4,000 กว่าราย โดยจะแจ้งเตือนนักลงทุนก่อนเปิดประมูล 1 ชั่วโมงเพื่อให้นักลงทุนเข้ามาดูรายละเอียดทรัพย์สิน ส่วนระยะเวลาที่ใช้ประมูลถ้าเป็นทรัพย์สินรายการเดียวจะปิดประมูลใน 15 นาที หากเป็น 2-5 รายการจะใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง โดยผู้ที่ให้ข้อเสนอดีที่สุดจะได้ลงทุนในทรัพย์สินนั้น”

ส่วนขั้นตอนหลังจากปิดประมูลจะไปทำสัญญากันที่สำนักงานที่ดินที่ทรัพย์นั้นตั้งอยู่ สำหรับระยะเวลาการไถ่ถอนอยู่ที่ตกลงกัน ช่วงแรกที่เปิดบริษัทจะอยู่ที่ 3-5 ปี แต่ช่วงหลังมานี้ทำสัญญายาว 8-10 ปีก็มี  ซึ่งจะทำกี่ปีก็ได้บริษัทไม่มีข้อกำหนดเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างนักลงทุนกับผู้ขายฝาก แต่ต้องไม่เกิน 10 ปีตามที่กฎหมายกำหนดและต้องไปต่อสัญญากันทุกปีที่สำนักงานที่ดิน

ดร.ปริสุทธิ์  กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องการเอาทรัพย์สินมาขายฝากกับบริษัทจำนวนมาก แต่ผ่านเกณฑ์พิจารณาจริงๆ จะอยู่ที่ประมาณ 10% ของผู้ที่นำทรัพย์สินมาเสนอ

“เราทำธุรกิจนี้เพราะต้องการช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างแท้จริง การนำทรัพย์มาขายฝากบริษัทจะดูด้วยว่าผู้ที่นำมาขายฝากต้องการเงินไปทำอะไร ถ้าจะเอาเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจก็ไม่รับ ที่สำคัญบริษัทไม่ได้แค่รับขายฝากอย่างเดียว แต่ยังให้คำปรึกษาด้านการเงินด้วย เพราะต้องการให้ SMEs กิจการเดินต่อไปได้อย่างมั่นคงยั่งยืนและให้สามารถกลับไปกู้กับสถาบันการเงินได้” ดร.ปริสุทธิ์  กล่าวพร้อมระบุถึงโอกาสที่เจ้าของทรัพย์ไม่สามารถไถ่ถอนทรัพย์ที่นำมาขายฝากไว้ได้ว่า ที่ผ่านมาถือว่ามีน้อยมากแค่ 1% กว่าๆ ไม่ถึง 1.5% ถือว่าต่ำมากสำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์เพราะเราให้วงเงินอย่างเหมาะสม และให้คำแนะนำเรื่องระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้มีภาระดอกเบี้ยเกินจำเป็น ซึ่งการที่มีทรัพย์หลุดไถ่ถอนน้อยก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนมั่นใจ

ดร.ปริสุทธิ์  ฝากถึงนักลงทุนว่าหากมองหาการลงทุนที่มีผลตอบแทนแน่นอน 9% มีความเสี่ยงต่ำ  การลงทุนเป็นผู้รับซื้อฝากกับบริษัทถือเป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งที่ผ่านมาผู้ที่ลงทุนกับเราเมื่อได้รับการไถ่ถอนก็จะยิ่งมั่นใจและกลายเป็นนักลงทุนขาประจำกับบริษัทมากขึ้น ที่สำคัญคือการลงทุนเป็นผู้รับซื้อฝากกับบริษัทนักลงทุนไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย บริษัทไม่ได้คิดค่าดำเนินการใดๆ และไม่มีความยุ่งยากอะไรเพราะบริษัทดำเนินการให้หมดทุกอย่างติดตามเรื่องดอกเบี้ยให้ตลอดอายุสัญญาที่ขายฝาก

ส่วนนักธุรกิจที่กำลังประสบปัญหา กำลังมองหาเงินทุนเพื่อไปเสริมสภาพคล่อง แต่ไม่สามารถกู้กับสถาบันการเงินได้ การขายฝากคือทางออกที่ดีกว่าการไปกู้นอกระบบแน่นอน ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอะไรหมกเม็ดเพราะเราทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้ เพราะเรา “เคียงข้างสร้างโอกาสทางการเงิน” เป็นคนกลางที่ทำให้ทั้งนักลงทุนและผู้ขายฝากได้รับในสิ่งที่เหมาะสมวินๆ ด้วยกันทั้งสองฝ่าย และจากการขยายการให้บริการครอบคลุมพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้นก็เชื่อว่าจะทำให้วงเงินขายฝากในปีนี้ขยายกว่าปีที่แล้วที่มีวงเงินขายฝากอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท

 ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : www.smartfinn.co.th

Facebook : www.facebook.com/Smartfinnsolutions

Line ID : @smartfinn  

 

Facebook Comments


Social sharing

Related post