Digiqole ad

CBD เทรนด์ใหม่ที่น่าจับตาในเศรษฐกิจไทย

 CBD เทรนด์ใหม่ที่น่าจับตาในเศรษฐกิจไทย
Social sharing

Digiqole ad

CBD เทรนด์ใหม่ที่น่าจับตาในเศรษฐกิจไทย

นับว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้คนเป็นอย่างมากจริง ๆ หลังจากที่มีการประกาศปลดล็อกกัญชาวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดกัญชาเสรีขึ้นในประเทศไทย หลายคนก็เริ่มหันมาสนใจว่าหลังจากปลดล็อกกัญชาได้แล้ว บทบาทของพืชชนิดนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน เนื่องจากก่อนหน้านี้กัญชานั้นถือว่าเป็นยาเสพติดให้โทษที่คนทั่วไปไม่สามารถมีไว้ในครอบครองได้ มีการนำมาใช้ได้อย่างถูกกฏหมายในทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต่อจากนี้ น่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาออกมาให้เห็นอีกมากมาย ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อหลาย ๆ วงการ และที่สำคัญคือ น่าจะมีกระแสการใช้กัญชาจากกลุ่มคนที่ชื่นชอบส่งต่อไปยังกลุ่มคนอื่น ๆ ที่ยังไม่เคยลองใช้ ตลาดการกัญชาก็มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น น่าจะมีผลทางด้านเศรษฐกิจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว


บทบาทของ CBD ในประเทศไทย

กัญชาหรือกัญชงนั้นเป็นพืชชนิดหนึ่งในตระกูล Cannabis sativa L. ที่มีสรรพคุณที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากภายในพืชเหล่านี้นี้มีสารสกัดหลัก ๆ อยู่ 2 ชนิด คือ Tetrahydrocannabinol (THC) และ Canabidiol (CBD) ซึ่งสารทั้งสองตัวนี้จะเป็นตัวที่ส่งผลต่องร่างกายของคนเราโดยตรง สำหรับตัว THC นั้นจะมีผลต่อระบบประสาท ทำให้ผ่อนคลาย อารมณ์ดี บรรเทาอาการเจ็บปวด และช่วยลดอาการของโรคลมชัก โรคพาร์กินสันได้ แต่ต้องใช้ในปริมาณที่จำกัดและใช้ตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น เพราะถ้าใช้มากไปจะเกิดอาการมึนเมาและเสพติดได้ ส่วน CBD นั้นมีสรรพคุณคล้าย ๆ กับ THC แต่จะไม่ออกฤทธิ์กับระบบประสาท ทำให้ไม่มีอาการมึนเมาเมื่อได้รับสารชนิดนี้เข้าร่างกาย

เนื่องจากสรรพคุณต่าง ๆ เหล่านี้ แม้ว่าพืชชนิดนี้จะเคยถูกจัดอยู่ในประเภทยาเสพติดให้โทษ แต่ในทางการแพทย์ก็ถือว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์มากเช่นกัน ในหลาย ๆ ประเทศได้มีการอนุญาติให้นำเอากัญชามาใช้ในการรักษาผู้ป่วยได้ สำหรับประเทศไทยเรียกได้ว่าเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่มีการประกาศให้กัญชาทางการแพทย์สามารถทำวิจัยได้ และมีการอนุญาตให้สามารถนำกัญชงมาเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งได้เช่นกัน ทำให้ต่างประเทศเริ่มให้ความสนใจกับอุตสาหกรรมกัญชาของประเทศไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากสายพันธุ์กัญชาของบ้านเรานั้น เป็นสายพันธุ์ที่มีคุณภาพ มีสารสกัด THC สูง และเกษตรกรของประเทศไทยมีความชำนาญในการปลูกพืชเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อมีการอนุญาติให้ปลูกได้อย่างเสรีและถูกกฏหมาย จึงทำให้กลายเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างแน่นอน

การปลดล็อกกัญชามีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยจริงหรือ

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ของกัญชาเริ่มดีขึ้นในสายตาชาวโลกเป็นอย่างมาก หลายประเทศมีการประกาศปลดล็อกกัญชาเพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างถูกกฏหมาย แม้จะยังมีข้อจำกัดอยู่แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลยทีเดียว ในปี 2562 มีการคาดการณ์ไว้ว่ามูลค่าของตลาดกัญชามีแนวโน้มว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องมากกว่า 103.9 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าที่สูงมาก เริ่มมีบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ของโลกเข้ามาให้ความสนใจกับการนำเอากัญชาไปใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ของตนเอง คาดว่าในอนาคต ตลาดกัญชาย่อมจะเติบโตได้ดียิ่งกว่าเดิมและจะสามารถกระจายตัวไปอยู่ในหลากหลายธุรกิจอีกด้วย

สำหรับประเทศไทยนั้น เมื่อมีการประกาศปลดล็อกกัญชาออกมาแล้วแต่ก็ยังมีข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ค่อนข้างยุ่งยากเช่นกัน แม้ว่าตามทฤษฎีข้อกำหนดต่าง ๆ จะเป็นแนวคิดที่ดีแต่ในทางปฏิบัตินั้นค่อนข้างที่จะเป็นไปได้อยาก ทางด้านเกษตรกรหรือผู้ผลิตรายย่อยทั่วไปค่อนข้างมีความกังวลว่าการออกกฏหมายมาปลดล็อกกัญชานี้จะเป็นการทำไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนรายใหญ่หรือไม่ จึงยังต้องรอดูต่อไปว่าเมื่อกฏหมายผ่านและได้มีการนำมาใช้จริงแล้ว จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนจริงงหรือไม่

ธุรกิจแรก ๆ ที่เราเห็นว่ามีการนำเอากัญชาหรือสารสกัดจากกัญชามาใช้เป็นส่วนผสมนั่นก็คือธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มนั่นเอง เนื่องจากการนำมาใช้รับประทานนั้นเป็นวิธีการโดยตรงและค่อนข้างง่าย แต่อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า การนำมาใช้ก็ยังมีข้อกำหนดที่ค่อนข้างเยอะ เช่น ส่วนที่นำมาใช้ได้มีเพียงเปลือก ลําต้น เส้นใย กิ่งก้าน ราก ใบที่ไม่มีช่อดอกติดมาด้วย น้ำมันที่สกัดจากเมล็ด สารสกัดที่มีสาร CBD เป็นส่วนประกอบที่มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนักแห้ง และ กากหรือเศษที่เหลือจากการสกัดกัญชาที่มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนักแห้ง ส่วนกัญชาที่นำมาใช้ได้นั้นต้องเป็นกัญชาที่ปลูกจากแหล่งที่ได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยาแล้วเท่านั้น ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการจะต้องมีการแสดงคำเตือนในรายการอาหารที่มีส่วนประกอบของกัญชาด้วย ไม่ควรขายให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร

นอกจากการนำเอาส่วนต่าง ๆ มาใช้ในการประกอบอาหารแล้ว การนำเอากัญชามาสกัดเป็นน้ำมันหรือ CBD นั้นก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยอดนิยม เนื่องจากสรรพคุณทางยาต่าง ๆ ของสารสกัดนี้ทำให้ผู้ป่วยหลายคนสนใจและอยากลองใช้เพื่อรักษาหรือบรรเทาอาการป่วยของตนเอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องมีการใช้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรใช้เองโดยพลการ เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายหรือผลข้างเคียงที่จะทำให้อาการของโรคที่เป็นอยู่แย่ลง ในส่วนของสารสกัดนั้น มีกฏหมายกำหนดไว้ว่าไม่สามารถนำเข้าจากต่างประเทศได้ ต้องมีการขออนุญาตก่อน ซึ่งผู้ที่จะนำเอาสารสกัดกัญชาหรือกัญชงเข้ามาได้ต้องนำมาเพื่อการวิจัยและการศึกษาค้นคว้า หรือเป็นหน่วยงานรัฐที่นำเข้ามาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น ก่อนจะนำเข้ามาได้จะต้องมีการยื่นขออนุญาตตามประมวลกฏหมายยาเสพติดก่อนอีกด้วย ในจุดนี้แม้ว่าจะดูยุ่งยาก แต่ก็ยังมีข้อดีก็คือ เมื่อห้ามนำเข้าจากต่างประเทศผลดีก็จะตกอยู่กับผู้ผลิตและเกษตรกรคนไทยที่มีการผลิตสารสกัดกัญชานั่นเอง เพราะการเลือกใช้ของในประเทศนั้นย่อมทำให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจมากมายแน่นอน และยังมั่นใจในคุณภาพได้อีกด้วย เพราะสายพันธุ์กัญชาในบ้านเราก็เป็นสายพันธุ์ที่ต่างประเทศให้ความสนใจอยู่เช่นกัน

น้ำมันกัญชา CBD ที่เชื่อถือได้

สำหรับผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารสกัดน้ำมันกัญชาแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยหรือไม่ ในประเทศไทยได้มีการจำหน่ายน้ำมันกัญชาอยู่หลายยี่ห้อ อย่างเช่น น้ำมันกัญชา Bloom ที่เป็นน้ำมัน CBD จากกัญชาที่ผลิตในประเทศไทย ผ่านการตรวจสอบในห้องทดลองของผู้เชี่ยวชาญเพื่อทดสอบคุณภาพ ความเข้มข้น และยังไม่ใช้สารผสม สารกันบูดและสารเติมแต่งต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นน้ำยากัญชาออร์แกนิก เพื่อให้ผู้บริโภคได้มั่นใจ รู้สึกปลอดภัยและไม่กังวลที่จะนำไปใช้งาน โดยน้ำมัน CBD ของ Bloom นั้นยังมีให้เลือกให้เลือกใช้ตามความชอบอีกด้วย ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับทุกคน ไม่ว่าคุณจะมีอาการนอนไม่หลับ กังวลใจ มีความเครียด หรือมีอการเจ็บปว่วยที่รุนแรงหรืออาการปวดเรื้อรังก็สามารถในน้ำมัน CDB เพื่อบรรเทาอาการเหล่านั้นได้ การใช้ชีวิตของคุณก็จะไม่ทรามานจนเกินไป

เรียกได้ว่าการปลดล็อกกัญชานั้นถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับวงการกัญชาเลยก็ว่าได้ ในอนาคตย่อมมีการขยายขนาดของตลาดกัญชาให้เติบโตมากกว่าเดิมอีกแน่นอน เป็นโอกาสของเกษตรกรผู้ปลูกกัญชาและผู้ผลิตไม่ว่าจะรายใหญ่หรือรายย่อยที่ต้องเร่งมือจับเอาโอกาสเหล่านี้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาของตัวเองและก้าวเข้าไปสู้ในตลาดการค้านี้ แม้ว่าจะยังใหม่อยู่แต่ถ้ายังมีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าในอนาคตจะต้องเกิดผลที่ดีอย่างแน่นอน และก็หวังว่าทางภาครัฐจะให้การสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง มีการออกกฏหมายมาเพื่อทุกคน ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์กันแค่ในกลุ่มคนแค่ไม่กี่กลุ่มหรือกลุ่มทุนที่มีเงินหนาเท่านั้น

Facebook Comments


Social sharing

Related post