
#CareForHumanTouch (ดูแลผิวสัมผัสของมนุษย์) – นีเวียประกาศวัตถุประสงค์ระดับโลก”

- การวิจัยของ นีเวีย ทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าการสัมผัสของมนุษย์ถือเป็นกุญแจสำคัญของความสุขและสุขภาพ ถึงกระนั้นประโยชน์ต่อสุขภาพของการสัมผัสทางกายที่ได้รับการพิสูจน์แล้วนั้นยังไม่เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป
- ทุกคนกล่าวว่าความโดดเดี่ยวในช่วงการแพร่ระบาดทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวกว่าที่เคยเป็นมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา
- ภายในปี พ.ศ.2568 นีเวียจะส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนรายบุคคลมากกว่า 150,000 คน ผ่านโครงการผิว-สัมผัสซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจำนวน 20 ล้านยูโร
แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว นีเวีย ได้เผยแพร่รายงานสองฉบับติดต่อกันชุดแรกในระดับโลกเกี่ยวกับสถานการณ์การสัมผัสของมนุษย์ตั้งแต่ก่อนและระหว่างการระบาดของ โควิด-19 ในวันนี้ มีการเปิดเผยระดับของภาวะการขาดการสัมผัสทางกายและความเหงา ซึ่งแย่ลงจากการระบาดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกือบครึ่งหนึ่งของผู้คนที่เข้ารับการสำรวจบอกว่า การแยกตัวเองออกจากสังคมนั้น ทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวมากกว่าที่เคยรู้สึกมาตลอดชีวิตก่อนหน้านี้ การศึกษายังพบความเชื่อมโยงระหว่างความรู้สึกเหงากับการขาดการติดต่อกับผู้อื่นทั้งทางร่างกายและอารมณ์ ผู้คนทั่วโลกแสดงความปรารถนาที่จะไล่คว้าสิ่งที่พวกเขาขาดหายไปนาน เมื่อพวกเขาสามารถที่จะทำได้ เพื่อขานรับต่อผลการวิจัยดังกล่าว แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว นีเวีย ซึ่งยืนหยัดในเรื่องของผิวสวยสุขภาพดีและความต้องการของมนุษย์มานานกว่า 100 ปี ได้เปิดตัววัตถุประสงค์ของแบรนด์ “Care for Human Touch to Inspire Togetherness” (ดูแลสัมผัสของมนุษย์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการอยู่ร่วมกัน) นีเวีย มุ่งมั่นที่จะชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ต่อสุขภาพของการสัมผัสทางกายที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว และจะส่งเสริมการสัมผัสแบบผิว-สัมผัสทันทีที่สถานการณ์เอื้ออำนวย ทางแบรนด์ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในโครงการผิว-สัมผัส จำนวน 20 ล้านยูโร ในระดับท้องถิ่นทั่วโลก เพื่อให้เข้าถึงผู้คน 150,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นทารกที่คลอดก่อนกำหนด ผู้พิการทางสายตา และผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม
“นีเวียดูแลผิวและดูแลผู้คนมาโดยตลอด นี่คือสิ่งที่ นีเวีย ได้ตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม เราต้องการที่จะทำให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้นด้วยการสนับสนุนของเรา เราจะใช้ศักยภาพของ นีเวีย และการเข้าถึงเพื่อเผยแพร่ ข้อมูลให้มีการตระหนักถึงผลทางด้านสุขภาพที่ดีจากการสัมผัสของมนุษย์” สเตฟาน เดอ เลอเคอร์ ซีอีโอ ไบเออร์สด๊อรฟ เอจี กล่าว
สเตฟาน เดอ เลอเคอร์ ซีอีโอ ไบเออร์สด๊อรฟ เอจี
ในการศึกษาที่มีเนื้อหาครอบคลุม ผู้ตอบแบบสอบถามเก้าในสิบคนก่อนและระหว่างวิกฤต โควิด-19 ระบุว่า การสัมผัสของมนุษย์เป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินชีวิตที่มีความสุขและสมหวัง แต่ความปรารถนาสากลนี้ก็ยังไม่สามารถกระทำได้
ผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียว 4 ใน 5 รายได้กล่าวว่าพวกเขาไม่ได้มีการสัมผัสกับมนุษย์ในชีวิตประจำวัน ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 2 ใน 3 หวังว่าพวกเขาจะได้รับการกอดมากขึ้น ผู้คนที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนเดี่ยวและพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวตลอดจนวัยรุ่นและคนรุ่นมิลเลนเนียลได้รับผลกระทบจากความเหงามากที่สุด 23 เปอร์เซ็นต์ของพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวบอกเสียงหนักแน่นว่าพวกเขารู้สึกโดดเดี่ยว ในขณะที่ 24 เปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นก็กล่าวแบบเดียวกัน – เทียบกับ 16 เปอร์เซ็นต์ของค่าเฉลี่ยทั่วโลก
ประโยชน์ต่อสุขภาพทางร่างกายและจิตใจจากการสัมผัสของมนุษย์ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นการสัมผัสกลับมีความสำคัญรองลงมาในชีวิตแบบสมัยใหม่ ผู้ตอบแบบสอบถามจึงจัดประเภทของประโยชน์ต่อสุขภาพว่าเป็น “สิ่งใหม่สำหรับพวกเขา” และในเวลาเดียวกันก็มีความสำคัญเช่นกัน
สำหรับ 7 ใน 10 คนที่ทำการสำรวจ การสัมผัสของมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด วิถีชีวิตที่วุ่นวาย การเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยี และความสับสนเกี่ยวกับระดับการสัมผัสที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้คนในการสัมผัสทางผิวกาย การมีความรู้ที่ดีขึ้นเกี่ยวกับประโยชน์ของการสัมผัสจะเป็นแรงบันดาลใจให้ 86 เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าร่วมการสำรวจนับการสัมผัสของมนุษย์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น
โควิด-19 ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการสัมผัสของมนุษย์ และก็ยังทำให้การสัมผัสทางผิวหนังที่เราต้องการนั้นทำได้ยากขึ้น
คนส่วนใหญ่ทั่วโลกยอมรับถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระยะห่างทางสังคม และปรับพฤติกรรมของตนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในตอนนี้ ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าผู้คนทั่วโลกยอมเสียสละสัมผัสทางกายในช่วงที่เกิดโรคระบาดและผลที่ได้รับกับการอดทนอยู่กับความเหงา 75 เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้ารับการสำรวจกล่าวว่า การแยกจากกันทำให้พวกเขารู้ว่าการสัมผัสทางกายมีความสำคัญต่อสุขภาพเพียงใด ผู้คนทั่วโลกมากกว่า 1 ใน 3 คาดว่า การสัมผัสของกลุ่มคนวงใน (ครอบครัว เพื่อนสนิท) จะเพิ่มขึ้นหลังวิกฤต ขณะที่การสัมผัสของกลุ่มคนวงนอก (เพื่อนร่วมงาน คนรู้จัก) คาดว่าจะลดลงในระยะยาวอันเป็นผลมาจากการระบาด
“การกระตุ้นให้ตระหนักถึงความจำเป็นและประโยชน์ต่อสุขภาพของการสัมผัสแบบผิว-สัมผัสเป็นสิ่งสำคัญ เราจะรับบทบาทนี้และจะยังคงเป็นผู้พิทักษ์การสัมผัสและการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ต่อไป ในขณะที่เราถูกบังคับให้ต้องรักษาระยะห่างทางสังคมในช่วงการระบาดของโรค เราต้องรักษาและกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเพื่อเป็นเกราะป้องกันความเหงา ภายในครอบครัวที่ใกล้ชิดของเรา การสัมผัสแบบผิว-สัมผัสจึงมีความสำคัญมากกว่าที่เคย” ราล์ฟ ซิมเมอเรอร์ รองประธานฝ่ายเอกลักษณ์ของแบรนด์และความสามารถของแบรนด์นีเวียในระดับโลก กล่าว
ด้วยความแนวคิด #CareForHumanTouch (ดูแลผิวสัมผัสของมนุษย์) ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่นีเวียใช้สนับสนุนโครงการ Skin to Skin (ผิว-สัมผัส) เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ที่เสี่ยงต่อความเหงา เช่น ทารกที่คลอดก่อนกำหนด ผู้พิการทางสายตา และผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม แบรนด์ยังตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ผู้คน 100 ล้านคน ตระหนักถึงประโยชน์ต่อสุขภาพของการสัมผัสแบบผิว-สัมผัสที่ได้รับการพิสูจน์แล้วให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2568
นีเวีย เริ่มต้นการเปิดตัววัตถุประสงค์ของนีเวีย ด้วยภาพยนตร์สารคดีที่นำเสนอเรื่องราวที่แท้จริงของฝาแฝดที่คลอดก่อนกำหนดจากฮัมบูร์ก ที่หนึ่งในฝาแฝดได้รับการช่วยชีวิตในตู้อบจากการสัมผัสแบบผิว-สัมผัสจากน้องสาวของเธอ
ข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบวิธีวิจัย
การวิจัยครั้งที่ที่ 1 ดำเนินการโดยมายด์ไลน์ ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยอิสระโดย เป็นการสำรวจออนไลน์กับประชาชน 12,207 คนใน 12 ประเทศต่อไปนี้ (ผู้ตอบแบบสำรวจประมาณ 1,000 คนต่อประเทศ): ออสเตรเลีย บราซิล จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี แอฟริกาใต้ สวิตเซอร์แลนด์ ไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ผู้ตอบแบบสำรวจมีอายุระหว่าง 16-69 ปี และเป็นกลุ่มตัวอย่างตามเพศ อายุ ภูมิภาค และสถานภาพทางอาชีพ การศึกษาดำเนินการระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2561 ถึงมีนาคม 2562 (ก่อนการระบาดใหญ่)
การสนทนากลุ่มใน 11 ประเทศ ดำเนินการโดย Happy Thinking People ซึ่งเป็นสถาบันการวิจัยอิสระ เชี่ยวชาญด้านการวิจัยเชิงปริมาณ
เล่ม 2 ดำเนินการโดยมายด์ไลน์เช่นเดียวกัน เป็นการสำรวจออนไลน์ของประชาชน 11,706 คนใน 9 ประเทศต่อไปนี้: ออสเตรเลีย บราซิล ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ผู้ตอบแบบสำรวจมีอายุระหว่าง 16-69 ปี และเป็นกลุ่มตัวอย่างตามเพศ อายุ ภูมิภาค และสถานภาพทางอาชีพ การศึกษานี้ดำเนินการระหว่างเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 ถึงตุลาคม 2563 (ในช่วงระบาด)
เกี่ยวกับไบเออสดอร์ฟ เอจี
ไบเออสดอร์ฟ เอจี เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิวคุณภาพสูง ผลิตภัณฑ์แห่งนวัตกรรมและมีประสบการณ์มากกว่า 135 ปีในตลาดกลุ่มนี้ บริษัทมีฐานที่ตั้งอยู่ในเมืองฮัมบูร์ก มีพนักงานประมาณ 20,000 คนทั่วโลกและมีรายชื่ออยู่ใน DAX ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นสามัญมาตรฐานของเยอรมัน ไบเออสดอร์ฟ สร้างยอดขาย 7.6 พันล้านยูโรในปีการเงิน พ.ศ. 2562 กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและร่างกายชั้นนำระดับนานาชาติที่แข็งแกร่ง รวมถึงนีเวียซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอันดับหนึ่งของโลก * – Eucerin, Hansaplast / Elastoplast และ La Prairie ผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกเลือกใช้แบรนด์ไบเออสดอร์ฟทุกวันเนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและมีคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอื่นๆ เช่น Labello, Aquaphor, Florena, 8X4, Hidrofugal, atrix, Maestro และ Coppertone ที่ออกผลิตภัณฑ์ให้มีความครอบคลุม tesa SE ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของไบเออสดอร์ฟ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกอีกรายในสาขานี้ เป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์ยึดเกาะ/กาวในตัวและจัดหาโซลูชันระบบให้กับอุตสาหกรรม ธุรกิจงานฝีมือ และผู้บริโภค
*ที่มา: Euromonitor International Limited; นีเวีย ซึ่งเป็นแบรนด์แม่ในหมวดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า และผลิตภัณฑ์ดูแลมือ ในแง่มูลค่าการค้าปลีกปี พ.ศ. 2562