Digiqole ad

“Best out of the Worst” … เรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาวิกฤติโควิด-19 ในจีน

 “Best out of the Worst” … เรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาวิกฤติโควิด-19 ในจีน
Social sharing
Digiqole ad

ท่านผู้อ่านอาจพอรับทราบข่าวการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 รายเมื่อกลางเดือนมกราคม ศกนี้ในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งตามมาด้วยการล็อกดาวน์หลายพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเป็นการชั่วคราว อาทิ โรงเรียน และที่อยู่อาศัย ซึ่งไทม์ไลน์ระบุว่าหนึ่งในสถานที่ที่ผู้ติดเชื้อไปแวะเวียนก็คือ ห้างสรรพสินค้า Global Harbor Mall ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐเข้าแก้ไขปัญหาในทันที …

ด้วยนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Policy) ของรัฐบาลจีน หน่วยงานที่รับผิดชอบจึงต้องเข้มงวด รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงกับมาตรการจัดการเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าว

ยิ่งเมื่อเราพิจารณาว่า เซี่ยงไฮ้เป็นมหานครที่มีหนาแน่นของจำนวนประชากรสูงมากที่สุดของจีน เพราะมีขนาดใหญ่กว่า กทม. ของเราเพียงเล็กน้อย แต่มีประชากรอาศัยอยู่ถึงกว่า 25 ล้านคน หากเกิดความผิดพลาดในการแก้ไขกำกับควบคุม และปล่อยให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ก็อาจหมายถึงผลกระทบเชิงลบที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม และสุขอนามัย นี่สะท้อนถึงแรงกดดันที่สูงลิ่ว!

ห้างฯ ดังกล่าวถูกสั่งปิดชั่วคราว ขณะที่ลูกค้าและเจ้าหน้าที่ถูกกักตัวในทันทีตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา คงไม่มีใครคิดว่า การไปเดินเที่ยวห้างฯ ในครั้งนี้จะต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดในชีวิต

ในทางปฏิบัติ การกักตัวให้ผู้คนจำนวนมากอยู่ในห้างฯ โดยไม่เกิดความโกลาหลก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องอาศัยการทำงานที่ยอดเยี่ยม คงมีคำถามเกิดขึ้นว่า ในช่วงเวลาที่ถูกกักตัวอยู่นั้น คนในห้างฯ ทำอะไรกัน กินนอนกันอย่างไร และอื่นๆ

Global Harbor Mall ถือเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเขตผู่โถว (Putuo) ตอนกลางของนครเซี่ยงไฮ้ มีพื้นที่รวม 480,000 ตารางเมตร ถูกสั่งปิดชั่วคราว และกักตัวลูกค้าของห้างฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมกว่า 1,000 คนแบบข้ามคืนเพื่อทดสอบการติดเชื้ออยู่หลายรอบ

ประการสำคัญ ภายใต้สถานการณ์วิกฤติดังกล่าวที่สร้างความอกสั่นขวัญแขวนของผู้คนที่ถูกกักตัวอยู่นั้น ก็มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมาย และสะท้อนถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานภาครัฐ ความร่วมแรงร่วมใจอันดียิ่งจากภาคเอกชนและภาคประชาชน และอื่นๆ

ในเรื่องอาหารการกิน ร้านอาหารภายในห้างฯ ได้พร้อมใจกันเสนออาหารและเครื่องดื่มให้ลูกค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย อาหารและของว่างกว่า 10,000 ชุดถูกจัดเตรียมให้ตลอด ขณะที่น้ำดื่มถูกกระจายในพื้นที่พักผ่อนและจุดต่างๆ ของห้างฯ อย่างทั่วถึง

โซนสวนสนุกและอุปกรณ์เครื่องเล่นจำนวนมากก็เปิดให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพื่อให้ลูกค้าที่กักตัวคลายเครียด เซก้าจอยโพลิส (SEGA Joypolis) สวนสนุกชื่อดังในห้างฯ ดังกล่าวเชิญชวนให้เด็กๆ ไปเล่นเกมส์ได้ฟรี โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้อย่างพร้อมสรรพ

ขณะเดียวกัน ในช่วงกลางวัน ห้างฯ ก็จัดตารางฉายภาพยนตร์มากมายให้ลูกค้าได้ชมฟรี และพอตกดึก ก็ยุติการฉายหนังและเปลี่ยนโรงภาพยนตร์ให้เป็นสถานที่พักผ่อนและหลับนอนของลูกค้าที่ถูกกักตัว แต่คนจำนวนมากก็ใช้เวลายามค่ำคืนพูดคุย

“เมื่อห้างฯ ประกาศให้ลูกค้าสามารถเข้าไปนอนในโรงภาพยนตร์ได้ พวกเราก็ชักชวนกันเข้าไปจับจองที่นั่งในโรงหนัง แต่พวกเราหลายกลุ่มก็นอนไม่หลับ ใช้เวลาพูดคุย และให้กำลังใจระหว่างกันจนราวเที่ยงคืน” หญิงสาวคนหนึ่งเล่าประสบการณ์อย่างละเอียด

ร้านจำหน่ายเครื่องนอนยังนำเอาหมอนและผ้าห่มออกมาแจกจ่าย และร้านขายอุปกรณ์แค้มปิ้งก็นำเอาเต๊นท์มากางเพื่อทำเป็นมุมพักผ่อนอีกด้วย ซึ่งมีหลายคนได้รับประสบการณ์ “กางเต๊นท์นอนในห้างฯ” เป็นครั้งแรก

ร้านแม่และเด็กหลายแห่งก็นำเอาของเด็กเล่นออกมาให้เด็กๆ ได้เพลิดเพลินกัน ขณะที่ธุรกิจให้บริการแก่ผู้หญิงหลังคลอดก็จัดเตียงและที่นั่งของร้านให้เป็นที่พักผ่อนนอนหลับของผู้สูงอายุ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ได้แก่ ผู้หญิงวัย 88 ปีที่เป็นผู้ที่มีอายุมากสุดในบรรดาผู้ที่โดนกักตัว ขณะที่เจ้าของร้านและพนักงานเสียสละนอนกับพื้น

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังจัดสรรผู้คนออกเป็นกลุ่มย่อยเพื่อให้เหมาะสมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ เช่น ห้องน้ำ และมุมสงบ รวมทั้งแบ็ตเตอรี่สำรอง และจุดชาร์ตแบ็ตโทรศัพท์

ห้างฯ ยังใช้ระบบการสื่อสารภายใน เพื่อช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตนของทุกคน เช่น การสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา และกระจายข้อมูลที่เกี่ยวข้องเป็นระยะเพื่ออัพเดตให้คนในห้างฯ รับทราบเป็นระยะ

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของรัฐก็กระจายข่าวและสแตนด์บายชี้แจงขั้นตอนและข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ญาติพี่น้องได้รับรู้อย่างต่อเนื่อง เสริมกับข้อมูลที่สื่อสารโดยตรงกับผู้ถูกกักตัว ซึ่งทำให้ญาติพี่น้องคลายความกังวลใจไปได้มาก

ลองนึกถึงสภาพของหัวอกแม่ที่ลูกสาววัย 10 ขวบโดนกักตัวอยู่โดยไม่มีผู้ปกครองอยู่ด้วย หรือพ่อแม่ของลูกน้อยที่มีอายุเพียง 7 เดือนถูกกักตัวอยู่กับพี่เลี้ยงภายในห้างฯ

ในกรณีแรกคลี่คลายลงเมื่อลูกสาวโทรศัพท์สื่อสารกับแม่อยู่ตลอด ตั้งแต่การเล่นเกมส์ รับประทานอาหารกลางวัน ตรวจเชื้อโควิด-19 และยังได้รับประทานข้าวต้มซีฟู้ดที่มาจากร้านอาหารญี่ปุ่นเป็นของว่างก่อนนอน

“ดิฉันรู้สึกว่า การที่ลูกสาวของฉันสามารถดูแลตัวเองได้ดีในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้นับเป็นประสบการณ์ที่ดียิ่ง ฉันรู้สึกว่าลูกสาวของฉันมีจิตใจที่แข็งแกร่งมาก และภูมิใจในตัวเธอ” คุณแม่ให้สัมภาษณ์หลังรับลูกสาวเข้าสู่อ้อมอกอีกครั้ง

ส่วนในกรณีหลัง ถือเป็นโชคดีที่พี่เลี้ยงเก่งเรื่องจิตวิทยา เธอทำหลายอย่างที่ช่วยผ่อนคลายความกระวนกระวายใจของพ่อแม่และญาติพี่น้องของทารกน้อยได้เป็นอย่างดี

อาทิ การแจ้งข้อมูลว่า ภายในห้างฯ มีร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับทารกอยู่หลายแห่ง และแต่ละแห่งก็ยินดีจัดหานมผง เสื้อผ้า และอุปกรณ์ทารกอื่น รวมทั้งของเด็กเล่นให้ลูกชายของพวกเขาด้วยความเต็มใจ ดังนั้น จึงไม่ต้องเป็นห่วง

นอกจากนี้ เธอยังส่งภาพถ่ายของเด็กน้อยไปให้พ่อแม่เป็นระยะ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ได้แก่ ภาพถ่ายของเด็กน้อยขณะนอนหลับอยู่ในพื้นที่เด็กเล่นที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่พักผ่อนของเด็กเล็ก

แถมบางคนยังอัดคลิปสั้นเพื่อเก็บประสบการณ์พิเศษในช่วงการถูกกักตัวเอาไว้ และเมื่ออัพโหลดขึ้นอินเตอร์เน็ตก็กลายเป็นไวรัลที่มีผู้คนติดตามชมจำนวนหลายสิบล้านคนเป็นเวลาอันสั้น

เด็กนักเรียนมัธยมศึกษากลุ่มหนึ่งที่มาเดินห้างฯ ในช่วงเวลาดังกล่าวและวางแผนจะเล่น “ซ่อนหา” กันโดยอาศัยร้านต่างๆ เป็นสถานที่หลบซ่อน ก็เล่าอย่างสนุกสนานพร้อมกับเสียงหัวเราะว่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นราวกับพล็อตที่เคยเห็นในภาพยนตร์ และคงไม่อยากคิดเล่นซ่อนหากันอีกนาน

เมื่อถามหารู้สึกอย่างไรในช่วงที่ถูกกักตัว หนึ่งในกลุ่มก็บอกว่า “พวกเราไม่ได้กังวลใจแต่อย่างใด เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐและห้างฯ และเจ้าของร้านต่างๆ ดูแลพวกเราอย่างอบอุ่น แถมยังมีอาหารและเครื่องดื่มให้โดยไม่คิดตังค์อีกด้วย”

หลายคนรู้สึกว่า “โชคดีมากที่โดนกักตัวในห้างฯ ลองจินตนาการดูว่าพวกเราต้องเป็นอย่างไรหากโดนกักตัวในสถานที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่แย่กว่านี้”

แม้ว่าบางคนจะสะดุ้งตื่นเพราะเสียงดังจากภายนอกโรงภาพยนตร์ตอนราวตี 4 “ผมเดินงัวเงียออกไปดู ก็พบว่า เจ้าหน้าที่ของห้างฯ กำลังเตรียมอาหารเช้าให้พวกเรากันอยู่อย่างขะมักเขม้น” หนึ่งในผู้ถูกกักตัวกล่าวอย่างตื้นตันใจมากในความทุ่มเทและเอาใจใส่ของทุกคน

เหตุการณ์นี้สอดคล้องกับอีกคำสัมภาษณ์หนึ่ง “… นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้นอนหลับข้ามคืนในโรงภาพยนตร์ แถมเมื่อผมตื่นนอนและเดินออกจากโรงภาพยนตร์ราว 7 โมงเช้า ก็พบว่า อาหารเช้าที่มีซาลาเปาร้อนและไข่ต้มชาที่ร้อนและสดใหม่ ได้ถูกจัดเตรียมไว้ให้แก่ทุกคนเรียบร้อยแล้ว” หนึ่งในสมาชิกของเด็กกลุ่มนี้สาธยายเพิ่มเติมถึงประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าประทับใจ

นอกจากนี้ ผู้โดนกักกันตัวยังได้รับอนุญาตให้สั่งอาหารออนไลน์และสินค้าอื่น หรือให้ญาติพี่น้องเอาของใช้จำเป็นมาส่งให้ได้ โดยผู้ส่งของต้องวางอาหารและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ชั้นวางของนอกห้าง ก่อนเจ้าหน้าที่จะจัดส่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง

กลุ่มเด็กนักศึกษาเลือกสั่งซื้อไพ่ และใช้เวลาเล่นไพ่กันในห้างฯ อย่างสนุกสนาน นี่ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมจีน จึงมีคนพูดว่า “ถ้าคนจีนอยู่ด้วยกันครบสี่คน วงไพ่จะเกิดขึ้น”

ภายหลังราว 30 ชั่วโมงที่ถูกกักตัว คนเหล่านั้นก็ถูกปล่อยตัวกลับบ้านในค่ำวันศุกร์ โดยทุกคนผ่านการตรวจสอบว่าปลอดเชื้อ

เจ้าหน้าที่ภาครัฐและพนักงานของห้างฯ ยังถูกจัดแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจเชื้อ ลงทะเบียน และประสานงานจัดส่งอาหารและข้าวของเครื่องใช้อย่างเป็นระบบ โดยผู้สูงอายุและเด็กได้รับสิทธิ์ในการตรวจเชื้อก่อน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของห้างฯ และเจ้าของและพนักงานของร้านรวงภายในห้างฯ ต่างรออยู่ส่งลูกค้าทุกคน

เท่านั้นไม่พอ เพื่อแสดงความขอบคุณในความร่วมมืออันดีที่ทุกคนมีให้ในระหว่างที่โดนกักตัว ผู้บริหารและทีมงานของห้างฯ ยังได้มอบช่อดอกไม้และของขวัญของที่ระลึกแก่ทุกคน ท่ามกลางเสียงร่ำลาและขอบคุณจากทั้งสองฝ่าย แม้ว่าลูกค้าเหล่านั้นจะพักผ่อนน้อยในคืนที่ผ่านมาและใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่ แต่อากัปกิริยาที่โบกไม้โบกมือด้วยความลิงโลดและดวงตาที่เปล่งประกายก็บ่งบอกถึงความดีใจที่ส่งผ่านไปยังคนรอบข้าง

ห้วงเวลาดังกล่าวจึงนำมาซึ่งความใกล้ชิดระหว่างห้างฯ ร้าน และลูกค้าที่โดนกักตัวอย่างไม่เคยเป็นมากก่อน หลายคนได้พบและรู้จักเพื่อนใหม่ ผูกพัน และรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จนมีบางคนพูดถึงสถานการณ์นี้ว่าเป็น “Best out of the Worst” (สิ่งที่ดีที่สุดในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุด)

ห้างฯ ดังกล่าวถูกทำความสะอาดครั้งใหญ่ และกลับมาเปิดให้บริการแก่สาธารณชนอีกครั้งในเช้าวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม รวมเวลาที่ปิดให้บริการ 55 ชั่วโมง แต่ดูเหมือนเหตุการณ์ดังกล่าวมิได้กระทบกับการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด

ในเช้าวันอาทิตย์นั้น ประธานของกลุ่มเหย่วซิง (Yuexing Group) และผู้บริหารระดับสูงของห้างฯ จำนวนมากต่างยืนต้อนรับและหน้ากากสีแดงและผ้าพันคอสีแดงที่มีคำอวยพรตรุษจีนตัวใหญ่ติดอยู่แก่ลูกค้าทุกคนที่ฝ่าอากาศหนาวเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อรอกลับมาใช้บริการของห้างฯ อีกครั้ง ทั้งนี้ ลูกค้าเหล่านี้ถูกกำหนดให้สแกนเฮลธ์คิวอาร์โค้ด และตรวจเช็คอุณหภูมิก่อนเข้าห้างฯ

ท่ามกลางเสียงชื่นชมมากมายจากชุมชน ผู้บริหารของห้างฯ ให้สัมภาษณ์ว่า “การล็อกดาวน์นับเป็นบททดสอบที่ดียิ่งสำหรับเป้าหมายที่ต้องการให้ห้างฯ เป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยและอบอุ่น และเติมพลังการบริโภคของเมืองไปสู่อีกระดับหนึ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นนี้”

ในมุมมองของห้างฯ สิ่งที่ผู้บริหารและพนักงานกระทำไปในช่วงที่มีการกักตัวถือเป็นสิ่งเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับกลุ่มแถวหน้าไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องต่อสู้และจัดการกับวิกฤติโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง

ดราม่าของเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่จบ เพราะพบว่า ในวันแรกๆ ที่กลับมาเปิดห้างฯ ลูกค้าที่เคยโดนกักตัวไปก่อนหน้านี้ได้พาสมาชิกครอบครัวและเพื่อนสนิทกลับมาเยือนห้างฯ อีกครั้ง แวะเยี่ยมพนักงานภายในห้างฯ พร้อมกับถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสถานที่จริงในแต่ละจุด

“Best out of the Worst” เรื่องที่ดูเล็กที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาสั้นๆ กับคนกลุ่มหนึ่งในพื้นที่ห้างฯ แห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ ได้สะท้อนความพร้อมและสิ่งดีๆ มากมายในระบบและสังคมจีน และนำไปสู่เรื่องราวดีๆ มากมาย

เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนว่า สังคมจีนในปัจจุบันมีจิตใจที่เข้มแข็ง พร้อมระบบการจัดการและการสื่อสารในยามวิกฤติที่ดีและมีประสิทธิภาพมาก ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์

การเผยแพร่ข่าวความเคลื่อนไหวของสื่อหลักของรัฐและเอกชน แม้กระทั่งเว็บไซต์ของมหานครเซี่ยงไฮ้ รวมทั้งการโพสต์คลิปและภาพถ่ายของผู้อยู่ในเหตุการณ์และญาติพี่น้องในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้เรื่องราวความประทับใจเหล่านี้กลายเป็นไวรัลที่ผู้คนในจีนและหลายประเทศทั่วโลกติดตามให้กำลังใจกันในวงกว้าง …

 

ดร.ไพจิตร วิบูย์ธนสาร เลขาธิการสมาคมจีน-ไทย

Facebook Comments

Related post