Digiqole ad

“เจ๊หมวยบิวตี้ช็อป” เปิดโมเดลใหม่ “JM Cosmetics” ขยายบิวตี้สโตร์จากโลคอล บุกตลาดกรุงเทพฯ ครั้งแรก ปักหมุด “ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต”

 “เจ๊หมวยบิวตี้ช็อป” เปิดโมเดลใหม่ “JM Cosmetics” ขยายบิวตี้สโตร์จากโลคอล บุกตลาดกรุงเทพฯ ครั้งแรก ปักหมุด “ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต”
Social sharing

Digiqole ad

“เจ๊หมวยบิวตี้ช็อป” เปิดโมเดลใหม่ “JM Cosmetics” ขยายบิวตี้สโตร์จากโลคอล
บุกตลาดกรุงเทพฯ ครั้งแรก ปักหมุด “ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต” ดึงกำลังซื้อ
โซนกรุงเทพเหนือฯ มั่นใจ “หน้าร้านเครื่องสำอาง” ยังเติบโตได้สวย

• JM Cosmetics ธุรกิจบิวตี้สโตร์แตกไลน์จากหน้าร้านสุดฮอตโซนอีสาน “ขึ้นห้างใหญ่ครั้งแรก” ชูหมัดเด็ดมัดใจคนกรุง “Wholesale – Retail ทุกไอเท็มราคาเข้าถึงได้ พร้อมไฮไลต์อาณาจักร คสอ. แบบซอง” สร้างจุดหมายความงามแห่งใหม่เพื่อกลุ่มนักศึกษา วัยทำงาน และธุรกิจรายเล็ก

 

21 ตุลาคม 2567 – บริษัท เจเอ็ม คอสเมติคส์ (ไทยแลนด์) จํากัด ผู้ดำเนินธุรกิจ “เจ๊หมวยบิวตี้ช็อป” ร้านจำหน่ายเครื่องสำอางครบวงจรยอดนิยมของโคราช ขอนแก่น และมหาสารคาม แตกไลน์ธุรกิจสู่พื้นที่เมืองครั้งแรกกับโมเดลใหม่ JM Cosmetics โดยปักหมุดฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เป็นสาขาแรกกับพื้นที่กว่า 490 ตารางเมตร รวมแบรนด์เครื่องสำอางหลากหลายประเภทกว่า 1,000 แบรนด์ เสิร์ฟความงามให้กลุ่มนักศึกษา วัยทำงาน และธุรกิจรายเล็กโดยชูจุดเด่นของไอเทมสินค้าที่มีราคาที่จับต้องได้ ผสมผสานการขายสินค้าทั้งแบบขายปลีกและขายส่ง และอาณาจักรสินค้าแบบซองเพื่อให้กลุ่มลูกค้าได้มีโอกาสทดลองโปรดักส์หลากประเภท ทั้งนี้ ตั้งเป้ายอดขายต่อเดือนที่ 15 ล้านบาท และเล็งโอกาสขยายสาขาสู่พื้นที่เมืองเพิ่มเติมในอนาคต


นางอุมาพร ราษฎร์วิรุฬห์กิจ ประธานกรรมการบริษัท เจเอ็ม คอสเมติคส์ (ไทยแลนด์) จํากัด เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเครื่องสำอางยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่โตสวนกระแส สภาพเศรษฐกิจ ส่งผลให้ทั้งโปรดักส์ สโตร์/ หน้าร้านจำหน่ายเครื่องสำอาง รวมทั้งช่องทางการค้าออนไลน์มีการขยายตัว และมีการแข่งขันที่รุนแรงตั้งแต่ในมิติของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กิจกรรมทางการตลาด การเกิดขึ้นของธุรกิจใหม่ทั้งในเชิงสินค้าและการบริการ ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าทั้งในระดับเมืองและภูมิภาคธุรกิจนี้ยังคงจัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ผู้บริโภคยินยอมจ่าย จากแรงจูงใจการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น การท่องเที่ยว การพบปะสังสรรค์ รวมทั้งกระแสการให้ความสำคัญกับด้านภาพลักษณ์ที่ในชีวิตประจำวันต้องดูดีอยู่เสมอ

ทั้งนี้ บริษัท เจเอ็ม คอสเมติคส์ เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับอานิงส์และเติบโตตามด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการเข้ามาของช่องทางออนไลน์ แต่บริษัทฯยังคงมีสัญญาณบวกทั้งในเชิงรายได้ ที่ในปี 2566 เติบโตจากปี 2565 มากกว่า 30% การขยายสาขา การเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นฐานลูกค้าประจำทั้งที่เป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไป แม่ค้า ผู้ประกอบการ กลุ่มลูกค้าใหม่ที่มาจากหลากหลายเจเนอเรชัน โดยมีโลเคชันหลักคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีการเติบโตได้ดีภายใต้โมเดลธุรกิจ “เจ๊หมวยบิวตี้ช็อป” ธุรกิจร้านจำหน่ายเครื่องสำอางครบวงจรกว่า 12 สาขา ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา 9 แห่ง ขอนแก่น 2 แห่ง และมหาสารคาม 1 แห่ง จุดเด่นของร้านคือมีการผสมผสานทั้งความเป็น Wholesale ที่ให้บริการขายส่งสินค้าในจำนวนที่ไม่มากชิ้น และรูปแบบของ Retail ซึ่งเป็นการจัดจำหน่ายในรูปแบบค้าปลีก นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นคือความเป็น Multi Brands มีสินค้าจากหลายแบรนด์ ตั้งแต่ราคาระดับจับต้องได้ ระดับกลาง และระดับบน ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ครอบคลุ่มทั้งสินค้าด้านสุขภาพ ด้านความสวยความงาม อุปกรณ์เกี่ยวกับผม สินค้าจากต่างประเทศ และสินค้ากระแส โดยเฉพาะจากเทรนด์ใน Tiktok ทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการกับ เจ๊หมวยบิวตี้ช็อป ได้รับสินค้าอย่างครบครัน โดยไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มจากช่องทางออนไลน์

นางอุมาพร กล่าวเสริมว่า บริษัทยังคงมีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของธุรกิจเครื่องสำอางแบบหน้าร้านหรือบิวตี้สโตร์ เนื่องจากมีข้อได้เปรียบในด้านการสร้างประสบการณ์ที่ผู้บริโภคสามารถทดลองสินค้าได้แบบไม่จำกัด และในส่วนนี้ออนไลน์ยังไม่สามารถทดแทนได้ รวมทั้งการเข้าถึงสินค้าในทุกๆ ประเภทที่ลูกค้าสามารถทำได้ทันที ล่าสุดนี้จึงได้ขยายโมเดลจาก เจ๊หมวยบิวตี้ช็อปมาสู่ “JM Cosmetics” ในพื้นที่เมือง โดยเลือก “ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต” คอมเพล็กซ์และมิกซ์ยูสชั้นนำโซนเหนือของกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่แรก ซึ่งมีปัจจัยที่น่าสนใจคือมีฐานลูกค้าคล้าย ๆ กับที่โคราชทั้งลูกค้ากลุ่มนักศึกษา รวมไปถึงกลุ่มวัยทำงาน มิติทางด้านกำลังซื้อที่หลากหลายของคนหลายระดับ กลุ่มร้านเครื่องสำอางในพื้นที่โดยรอบที่ต้องการซื้อสินค้าในลักษณะราคาขายส่ง โดยยังมีความสะดวกเรื่องที่จอดรถหลักพันคัน การเดินทางที่เข้าถึงง่าย สินค้าและบริการที่ครบครันโดยเฉพาะในด้านไลฟ์สไตล์ซึ่งเป็นนัยสำคัญในการกระตุ้นกำลังซื้อสินค้าเครื่องสำอาง โดยคาดว่าจะมีลูกค้ามาช้อปต่อวันไม่น้อยกว่า 500 คน

“JM Cosmetics ตั้งเป้าดึงฐานลูกค้า 3 กลุ่มคือ กลุ่มลูกค้านักศึกษา ลูกค้ากลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มธุรกิจรายเล็ก โดยเชื่อมั่นถึงความโดดเด่นของ JM Cosmetics ที่มีสินค้าในมีราคาที่จับต้องได้เมื่อเทียบกับบิวตี้สโตร์ ในตลาดกรุงเทพและปริมณฑลรวมถึงร้านค้าในช่องทางออนไลน์ ความโดดเด่นของดิสเพลย์ในการนำเสนอสินค้า รวมถึงมีสินค้าแบบซองหรือซาเช่ (Sachet) ในจำนวนมาก – หลากหลายแบรนด์ ซึ่งจากการศึกษาตลาดพบว่าลูกค้าที่กรุงเทพฯ ให้การตอบรับค่อนข้างดี และสินค้าเหล่านี้อาจหาซื้อได้ยากในบางช่องทาง โดยการจัดจำหน่ายสินค้าแบบ Sachet มีอานิสงส์ที่สำคัญคือมักจะนำไปสู่การซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ และคู่แข่งที่จัดจำหน่ายสินค้าประเภทนี้ไม่มาก โดยยังมีความโดดเด่นของระบบ Member เพื่อสะสมยอดซื้อเป็นส่วนลดท้ายบิล รวมถึงจับคู่สินค้า หรือสินค้า 1แถม1 และมีสินค้าราคาพิเศษที่ร้านใหม่ มีโปรโมชันลดกระหน่ำฉลองสาขาใหม่ยาวถึงสิ้นปี”

จากจุดเด่นต่าง ๆ ที่เจเอ็ม คอสเมติคส์ ตั้งใจนำเสนอและแข่งขันในตลาดเมืองกรุงครั้งแรกนี้ คาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี และจากอานิสงส์ของอุตสาหกรรมความงาม ทัศนคติ เทรนด์ทางด้านการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ยังมีแผนในการขยายสาขาในระดับภูมิภาคเพิ่มเติม โดยมองจังหวัดที่จะทำตลาดเพิ่ม อาทิ บุรีรัมย์, อุดรธานี, หนองคาย และอำเภอปากช่อง นครราชสีมา ส่วนในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลก็มีแผนขยายสู่ห้างสรรพสินค้า ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเน้นกลุ่มศูนย์การค้าชั้นนำที่อยู่ในพื้นที่ชานเมือง และพื้นที่ที่มีรอยต่อระหว่างความเป็นเมืองเดิมและเมืองที่กำลังขยายตัว ซึ่งในปี 2568 คาดว่าจะมีการขยายอีกอย่างน้อย 20 สาขาอย่างยั่งยืน นางอุมาพร กล่าวทิ้งท้าย

Facebook Comments


Social sharing

Related post