
นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงไทยพร้อมความสำเร็จจากการเข้าร่วมประชุม UNGA78 โชว์วิสัยทัศน์ประเทศไทย พบบุคคลและนักธุรกิจสำคัญ ผลักดันการลงทุนสู่ประเทศไทย


นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงไทยพร้อมความสำเร็จจากการเข้าร่วมประชุม UNGA78 โชว์วิสัยทัศน์ประเทศไทย พบบุคคลและนักธุรกิจสำคัญ ผลักดันการลงทุนสู่ประเทศไทย
.
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางถึงประเทศไทย หลังเสร็จสิ้นภารกิจเข้าร่วมการประชุม UNGA78 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นการเดินทาง 4 วันที่มีภารกิจมาก ขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศ BOI และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ช่วยทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วง
.
1. การประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้พบปะกับผู้นำต่างประเทศหลายประเทศที่เข้าร่วมการประชุมและได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมทั้งสิ้น 5 ครั้ง พบผู้นำองค์กรระหว่างประเทศสำคัญ และได้พบปะหารือผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ระหว่างประเทศหลายบริษัท อาทิ Tesla Google Microsoft Citibank JP Morgan Estee lauder โดยบริษัทเหล่านี้ให้ความสนใจการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมให้การสนับสนุน โดยหลักๆ แบ่งเป็นสองภาคส่วนคือบริษัทเทคโนโลยี และบริษัทการเงิน รวมถึงได้หารือกับผู้นำตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ที่มีศักยภาพมากและพยายามจะผลักดันให้ภายในปีนี้มีอย่างน้อยหนึ่งบริษัทของไทยที่ได้ไปลงทุน
.
2. นายกรัฐมนตรี ได้มีการหารือกับผู้บริหาร FIFA และพูดคุยถึงอาเซียนที่จะมีโอกาสเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดฟุตบอลโลกภายในปี 2032 หรือในอีก 9 ปีข้างหน้า แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก้าวแรกคือความต้องการให้เกิดการสนับสนุนในเรื่องของการพัฒนาฟุตบอลไทย โดยเฉพาะในระดับเยาวชน จากเดิมที่สนับสนุนปีละ 250,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 2 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งค่อนข้างเป็นเงินจำนวนที่เยอะพอสมควร
.
3. ปีนี้สหประชาชาติมีหัวข้อหลักที่จะให้ทุกประเทศร่วมกันแก้ปัญหาความแตกแยกช่วยกันผลักดันตัวชี้วัด SDG 17 ข้อ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแก้ไขปัญหาด้วยประเทศเดียว ทั่วทั้งโลกต้องให้ความร่วมมือสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ในส่วนของภาวะโลกร้อน รวมไปถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน
.
4.นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จุดมุ่งหมายสำคัญในการไปปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ คือการประกาศจุดยืนของประเทศไทย ในฐานะประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราจะยึดมั่นและช่วยผลักดันให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ รวมไปถึงการส่งเสริมการเกษตร และเศรษฐกิจพอเพียงผ่านปรัชญาอารยเกษตร และการทำใช้ 30 บาทรักษาทุกโรคอัพเกรด ทำให้ประชาชนมีสิทธิในการเลือกใช้บริการสาธารณสุขของรัฐอย่างสมเกียรติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้เรารู้ว่าปัญหานี้เป็นเรื่องใหญ่อย่างยิ่ง จะต้องได้รับการดูแลป้องกัน
.
5. หลังจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นการเข้าร่วมการประชุมเอเปค ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้นัดหมายกับหลายบริษัทหารือและจะเชิญบริษัทของไทยที่ประสงค์จะเปิดประตูการค้ากับต่างประเทศ โดยจะจัดเป็นเวทีให้กับบริษัทของไทยได้พบกับบริษัทใหญ่ๆ ของทางอเมริกา เพื่อส่งเสริมให้บริษัทไทยได้มีโอกาสไปลงทุนในต่างประเทศ และให้นักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนที่ไทย ซึ่งต้องทำทั้งสองทางเพื่อเปิดช่องทางสร้างรายได้ให้ประเทศ
.
6.เรื่องการสนับสนุนการค้าและการลงทุนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจประเทศนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจากการไปพูดคุยพบว่าจะมี 2 ภาคส่วน คือภาคอุตสาหกรรม เช่น Tesla, Microsoft, Google และภาคการเงิน ซึ่งภาคการเงินเป็นส่วนสำคัญเพราะถ้ามีบริษัทต่างประเทศเข้ามาตั้งสำนักงาน เขาต้องการการสนับสนุนด้านการเงิน และถ้ามีการลงทุนข้ามชาติมาก เราต้องการตัวกลางที่มีความเข้มแข็งรอบรู้ทุกเรื่องเช่น Citibank, JP Morgan ที่เขามีใบอนุญาตครบ แต่เขายังไม่ได้เข้ามาดำเนินการ ส่วน Goldman Sachs เขายังไม่ได้ตั้งสำนักงานในไทยแต่บริหารจากสิงคโปร์ ดังนั้น ถ้ามีการลงทุนข้ามชาติมากขึ้นก็อาจมีความคุ้มค่าในการตั้งสำนักงานในไทย
.
7. ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์การเมืองจะเป็นอุปสรรคหรือสร้างความกังวลให้นักลงทุนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ตอนนี้ความกังวลเรื่องนี้ลดหายหรือไม่มีเลย แต่เป็นเรื่องความสะดวกในการทำธุรกิจเรื่องกฎหมายบางข้อ เราต้องเป็นรัฐสนับสนุนให้เอกชน ซึ่งเลขาธิการบีโอไอและกระทรวงการต่างประเทศก็ช่วยกันอธิบายให้นักลงทุนฟัง เราพร้อมรับฟังความคิดเห็น อะไรทำได้ก่อนเราจะทำ อะไรที่ต้องแก้ไข กฏกติกาให้เหมาะสมก็มาดูกัน
.
8. ผู้สื่อข่าวถามว่าธุรกิจอะไรที่ถูกหมายตาจะมาลงทุนในไทยมากที่สุด นายกรัฐมนตรี ตอบว่า อย่าง Tesla ก็จะลงทุนเรื่องการเปิดโรงงานรถยนต์อีวี Microsoft และ Google ก็จะมาดูเรื่องการทำศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งจะต้องมีการลงทุนสูงมากประมาณอย่างน้อย 5,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อราย สำหรับการลงทุนเบื้องต้น รวมไปถึง Goldman Sachs ก็จะลงทุนสูงขึ้นอีกเพราะถ้ามีการตั้งสำนักงานที่ไทย ก็อาจมีโอกาสไปเผยแพร่เรื่องของความน่าอยู่ หรือตัวเลขทางเศรษฐกิจที่บ่งบอกความเจริญของประเทศ อาจทำให้บริษัทอื่นที่ไม่ใช่บริษัทใหญ่ แต่เป็นขนาดกลางขึ้นไปสนใจเข้ามาลงทุนอีกมาก
ที่มา : เพจพรรคเพื่อไทย
Facebook Comments