
7 ส.ค.59 ประชามติ รธน.60 ต้นตอวิกฤตประเทศ รัฐบาลเพื่อไทยเดินหน้า “รัฐธรรมนูญประชาชน”


หลังรัฐประหารในปี 2557 ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้การปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีอำนาจเด็ดขาดผ่านมาตรา 44 ภายใต้บรรยากาศดังกล่าว ในปี 2559 รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ต้องการจัดให้มีประชามติ เพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 ทว่า ทั้งเนื้อหาและกระบวนการที่นำมาสู่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกวิจารณ์ว่าไม่ชอบธรรมและไม่ส่งเสริมประชาธิปไตย โดยเริ่มตั้งแต่คณะกรรมการยกร่างถูกแต่งตั้งมาโดย คสช.และไม่ยึดโยงจากประชาชนตั้งแต่ต้น
ด้วยเหตุนี้ ในวันที่ 30 มีนาคม 2559 พรรคเพื่อไทยจึงออกแถลงการณ์ “ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ยอมรับอำนาจของประชาชน” เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว และในเวลาเดียวกัน การรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าร่างฯ ดังกล่าวมีจุดหมายในการสืบทอดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหาร แต่การเคลื่อนไหวก็ถูกขัดขวางผ่านการใช้ พ.ร.บ. ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ที่กำหนดโทษจำคุก 10 ปีในกรณีที่มีการ “กล่าวหาบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ”
ผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวถูกดำเนินคดีอย่างน้อย 64 คน และมีการเรียกผู้ที่เคลื่อนไหวไปปรับทัศนคติ ซึ่งรวมถึง อดีต สส. เพื่อไทย อาทิ ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต สส. เชียงใหม่, รังสรรค์ มณีรัตน์ อดีต ส.ส.ลำพูน และสมโภชน์ สายเทพ อดีต ส.ส.ลำปาง ในขณะที่ฝั่งผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ออกมาแสดงความเห็นว่า ให้รับไปก่อน แล้วค่อยแก้ทีหลัง
ท้ายที่สุด ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 พร้อมกับคำถามพ่วงที่ให้อำนาจ สว. เลือกนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 5 ปีได้ผ่านประชามติ ผลจากทั้งสองได้นำมาสู่วิกฤตทางการเมือง ในการเลือกตั้งทั้งสองครั้ง ปี 2562 – 2566 พรรคที่ได้เสียงมากที่สุดในรัฐสภาไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ในปี 2562 รัฐบาลประยุทธ์ตั้งรัฐบาลได้ด้วยจำนวนเสียง สส. ปริ่มน้ำและเสียง สว. ทั้งหมด
เพื่อไทยได้ประกาศจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นประชาธิปไตยมาโดยตลอด ในห้วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ พรรคจึงมุ่งที่จะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อันเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเมืองไทย โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ นำเสนอเข้าสู่วาระการประชุม ครม. ในครั้งแรกให้มีการทำประชามติ โดยเปิดให้มีการจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอย่างแท้จริง
ที่มา : เพจพรรคเพื่อไทย
Facebook Comments