Digiqole ad

เที่ยวเมืองรองต้องไปมู จิรัฏฐวัฒน์ ศิริบุตร เล่าเรื่องตอนที่ 16 : มนต์ขลัง “วิหารเสด็จพ่อพระศิวะ” ไหว้ขอพรให้สมหวังดังปรารถนา

 เที่ยวเมืองรองต้องไปมู จิรัฏฐวัฒน์ ศิริบุตร เล่าเรื่องตอนที่ 16 : มนต์ขลัง “วิหารเสด็จพ่อพระศิวะ” ไหว้ขอพรให้สมหวังดังปรารถนา
Social sharing

Digiqole ad

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์ ฉบับที่ 393 วันที่ 18-24 สิงหาคม 2566

หน้า 32 คอลัมน์ : เที่ยวและมูคู่กัน

เรื่อง/ภาพ : จิรัฏฐวัฒน์ ศิริบุตร

 ตอนที่ 16 :   มนต์ขลัง “วิหารเสด็จพ่อพระศิวะ”

                      ไหว้ขอพรให้สมหวังดังปรารถนา

ฉบับนี้ขอเว้นเมืองรองอีกสักครั้ง เนื่องจากในช่วงวันหยุดยาวที่ถึง 2 ช่วงไลเลี่ยกัน คนแห่ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันเป็นจำนวนมาก หลายคนและหลายครอบครัวคงได้เดินทางไปเที่ยวท่องตามสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย เพื่อพักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาครึ่งค่อนปี

แต่ผมเองนั้นเลือกที่จะอยู่บ้านย่านจังหวัดนนทบุรี โดยไม่มีแพลนไปไหนไกล ๆ แต่ยังคงหาสถานที่เที่ยวไปเรื่อย ๆ เที่ยวแถวบ้านบ้างเข้ามาในตัวเมืองกรุงเทพมหานครบ้าง แล้วที่สำคัญคือ การหาสถานที่สำหรับสายมูเพื่อความเป็นสิริมงคล ในฉบับนี้ยังคงอยู่ในเขตเมืองหลวงของเรา

แต่ก่อนที่ผมจะถึงสถานที่ที่ผมไปในฉบับนี้ อยากจะบอกว่า สิ่งหนึ่งในความเชื่อและความศรัทธานอกจากพระพุทธศาสนาแล้วนั้น ผมเองยังมีความศรัทธาในบารมี “องค์เทพฮินดู” ที่ผู้คนมักกราบไหว้บูชาและขอพรในเรื่องของหน้าที่การงานต่าง ๆ ในด้านของศิลปะแขนงต่าง ๆ  รวมทั้งเรื่องการเงิน ความรัก สุขภาพ ทั้งจาก “องค์พระศิวะ” “พระแม่อุมาเทวี” “พระพิฆเนศวร” “พระพรหม” “พระแม่ลักษมีเทวี”  “องค์พ่อแก่”  “พ่อปู่ฤาษี 108” เป็นต้น

ที่ผมไปมูในครั้งนี้นั่นคือ “วิหารเสด็จพ่อศิวะ”  ตั้งอยู่เลขที่ 141 หมู่ที่ 5 ซอยคู้บอน 27 แยก 27 (ซอยสยามธรณี) ถ.คู้บอน (รามอินทรา 71) แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220  การเดินทางนั้นสะดวก ไม่ลำบากยากเย็นอะไรเนื่องจากอยู่สุดซอย เมื่อเข้าไปถึงเบื้องหน้าเราจะพบกับสถานที่ หรือที่เรียกว่า “เทวะสถาน” ดังกล่าวที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มีมนต์ขลัง และความสวยงามตระการตา

วิหารแห่งองค์พระมหาศิวะเทพแห่งนี้ได้ก่อสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2546 โดยมีเนื้อที่ทั้งสิ้นกว่า 40 ไร่ เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปองค์ “พระมหาศิวะเทพ” ซึ่งมีขนาดหน้าตักกว้าง 9.99 เมตร และมีความสูง 16 เมตร อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานเหล่ามหาเทพ และเทพพรหมต่างๆ มากมาย หลังจากสักการะองค์พระมหาศิวะเทพแล้ว ก็มีทางเดินเชื่อมไปยังวิหารหลัก ซึ่งภายในประดิษฐาน องค์พระศิวะ พระแม่อุมาเทวี และ พระพิฆเนศ รวมถึงเทพเจ้า 9 พระองค์ รวมทั้งสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีความงดงามตามแบบฉบับของอินเดีย มีรูปปั้นช้าง 2 ตัวและองค์เทพ สระน้ำรวบรวมเอาน้ำจากแหล่งกำเนิด 3 ที่ ได้แก่ คือ น้ำจากเขาไกรลาศ จากสุวรรณวิหาร เมืองอมฤตสา และจากแม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี

เมื่อเข้าไปสักการะบรรยากาศช่างสงบร่มเย็นให้จิตใจเป็นสุข ผมเองนั้นรู้สึกเลยว่าที่นี่เป็นฮินดูแท้ ๆ เพราะคนที่มานั้นเป็นชาวอินเดีย นับถือศาสนาฮินดู ไม่พูดภาษาไทยเลย ทำให้เราสามารถสัมผัสได้ถึงบารมีขององค์มหาเทพทั้งปวง

“พระศิวะ” แปลว่า ผู้เปี่ยมความกรุณาในการชุบชีวิตต่างๆ ให้บริสุทธิ์ พระองค์คือมหาโยคี จอมราชาของเหล่าทวยเทพและมุนีทั้งปวง อันประกอบไปด้วยบรรดาฤาษี โยคี มุนี ดาบส ฯลฯ ตำนานระบุว่าพระศิวะเกิดจากพระเวทและพระธรรมที่ช่วยกันเนรมิตพระองค์ขึ้นมา เพื่อสร้างโลกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่โลกได้ละลายกลายเป็นอากาศมาช้านาน โดยมอบฤทธิ์อำนาจให้พระศิวะมีอิทธิฤทธิ์สูงสุด สามารถประทานพรให้กับบุคคลใดก็ได้ โดยไม่มีเลือกที่รักมักที่ชัง มีความกรุณาต่อทุกชีวิตในไตรโลก ไม่ว่า อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ อสูร เทวดา พญานาค นางอัปสร คนธรรพ์ ฯลฯ

 

ถ้าหากผู้ใดได้รับพรจากพระองค์ ก็มีฤทธิ์เป็นไปตามพรของพระศิวะทุกประการ ผมอยากให้ทุกคนที่ชื่นชอบสายมูได้ลองเดินทางมาที่นี่คนไม่เยอะ เงียบ สงบ ยิ่งใหญ่ สามารถขอพร ขอบารมี ขอความสำเร็จได้อย่างสบายใจ

โอม นมัส ศิวายะ โอม นมัส ศิวายะ โอม นมัส ศิวายะ”

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์ ฉบับที่ 393 วันที่ 18-24 สิงหาคม 2566

หน้า 32 คอลัมน์ : เที่ยวและมูคู่กัน

เรื่อง/ภาพ : จิรัฏฐวัฒน์ ศิริบุตร

 ตอนที่ 16 :   มนต์ขลัง “วิหารเสด็จพ่อพระศิวะ”

                      ไหว้ขอพรให้สมหวังดังปรารถนา

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 393 วันที่ 18-24 ส.ค.66
https://book.bangkok-today.com/books/ufim/
สามารถพลิกอ่านได้เหมือนหนังสือปกติ

 

Facebook Comments


Social sharing

Related post