เชฟรอน แชร์วิสัยทัศน์ความมั่นคงพลังงานแห่งอนาคต
ในงาน Thailand – U.S. Trade and Investment Conference 2024
บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงาน Thailand – U.S. Trade and Investment Conference 2024: Building on a Longstanding Partnership ที่จัดขึ้นเพื่อสานความร่วมมื อระหว่ างภาคเอกชนจากประเทศไทยและสหรั ฐอเมริกา แลกเปลี่ยนข้อมูล สร้างเครือข่ายสัมพันธ์ และการลงทุน พร้อมหารือถึงโอกาส รวมถึงความท้าทายในอุตสาหกรรมต่ างๆ โดยนายชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ประธานกรรมการบริ หาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ในฐานะตัวแทนบริษัทพลั งงานชั้นนำของโลก ได้ร่วมชูกลยุทธ์ขับเคลื่อนพลั งงาน ที่สะอาดขึ้น ปลอดภัย และเชื่อถือได้ สู่ความมั่นคงทางพลั งงานของไทยในอนาคต โดยในงาน ได้รับเกียรติจากผู้ นำของหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงตัวแทนภาครั ฐและภาคเอกชนเข้าร่วมงาน ณ บีดีเอ็มเอส คอนเน็ค เซ็นเตอร์ โรงแรมเมอเวนพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท
งาน Thailand – U.S. Trade and Investment Conference 2024: Building on a Longstanding Partnership ประกอบไปด้วยเวทีเสวนาในประเด็ นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อหารือแนวทางเสริมศั กยภาพของประเทศในก้าวถัดไป ซึ่งนายชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นบนเวที Powering Progress: Securing Thailand’s Position in the New Energy Era ขับเคลื่อนความก้าวหน้า เปิดเส้นทางสู่ยุคพลังงานแห่ งอนาคตให้กับประเทศไทย ร่วมกับผู้บริหารจาก บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท Cheniere Energy, Inc.
“เชฟรอนเชื่อว่าพลังงานแห่ งอนาคต คือการสร้างความสมดุลระหว่ างการจัดหาพลังงานที่มั่ นคงในราคาที่เข้าถึงได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิ จของประเทศเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการใช้พลังงานจะเพิ่มสู งขึ้นตามไปด้วย จึงทำให้มีความต้องการใช้พลั งงานจากแหล่งที่หลากหลายมากขึ้น และความต้องการใช้พลังงานฟอสซิล หรือ Traditional Energy จึงจะยังคงความสำคัญต่ อไปอีกหลายทศวรรษ เชฟรอนในฐานะผู้นำธุรกิ จการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจึ งจำเป็นต้องมีการปรับให้ กระบวนการผลิตสะอาดและเป็นมิ ตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่ เชฟรอนมองว่าจะมีบทบาทสำคั ญในการช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ คือเทคโนโลยี CCS เพื่อดักจั บและกักเก็บก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ เชฟรอนเองมีประสบการณ์ในการทำ CCS จากทั่วโลก อาทิ โครงการกอร์กอน ในประเทศออสเตรเลีย และโครงการเควสท์ ในแคนาดา และเรายังได้สนับสนุนการพั ฒนาและนำ CCS มาใช้ในอ่าวไทย อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมการลงทุนในระยะยาว รวมถึงการสร้ างนโยบายและกรอบกฎหมายที่ชัดเจน จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ จะทำให้ไทยสามารถนำเทคโนโลยี CCS เข้ามาใช้ได้อย่างเป็นรู ปธรรม” นายชาทิตย์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ตั้งเป้าหมายสู่ Net Zero หรือการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ในขอบเขตที่ 1 และขอบเขตที่ 2 ของธุรกิจการสำรวจและผลิตปิ โตรเลียมในเครือบริษัทเชฟรอน คอร์ปอเรชั่น ทั่วโลก ตอกย้ำการให้ความสำคัญกั บกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคสั งคมคาร์บอนต่ำ เพื่อสร้างความมั่นคงของพลั งงานไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน
Facebook Comments