Digiqole ad

อินทรีตีกินมังกร

 อินทรีตีกินมังกร
Social sharing
Digiqole ad

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐอเมริกาประกาศตั้งแต่ต้นที่เข้ารับตำแหน่งว่า  ภารกิจหนึ่งของเขาคือการสกัดยับยั้งการขยายอิทธิพลของสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยอาศัยความร่วมมือของพันธมิตร  แล้ววันนี้สถานการณ์ในเมียนมาก็เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงฝีมือในภารกิจดังกล่าว

          นอกจากนโยบายและมาตรการในการสกัดยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เล่นงานชาวอเมริกันและเศรษฐกิจของอเมริกาจนงอมพระราม  ไบเดนไม่รีรอที่จะกระโจนใส่กรณีเมียนมาเพราะมีธงให้เล่นทั้งเรื่องประชาธิปไตย  สิทธิมนุษยชน ถล่มจีน และชิงการนำในภูมิภาคอาเซียน  เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งฝูง 

          นับตั้งแต่วันแรกที่กองทัพเมียนมาทำการรัฐประหารรัฐบาลของนางอองซาน ซูจี รัฐบาลวอชิงตันจึงรีบชิงออกหน้ามาแสดงบทบาทผู้พิทักษ์ประชาธิปไตยโลก  ทั้งประณามกองทัพเมียนมา  ทั้งเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซาน ซูจีกับพรรคพวก 

          ถึงวันนี้อเมริกาได้ระดมสมัครพรรคพวกทั้งสหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ออกมารุมกินโต๊ะกองทัพเมียนมา  แต่เป้าหมายอันแท้จริงคือรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งกำลังตกเป็นจำเลยร่วมว่าแอบให้ท้ายกองทัพเมียนมา  เป็นเผด็จการที่หนุนเผด็จการ  เพราะในเวทีสหประชาชาติจีนไม่ยอมแสดงจุดยืนร่วมประณามการทำรัฐประหารในเมียนมา  อีกทั้งยังสุมหัวกับรัสเซียคัดค้านการคว่ำบาตรเมียนมาทางเศรษฐกิจด้วย

          พันธมิตรตะวันตกไม่มีหลักฐานจะเล่นงานจีนในเรื่องเมียนมา  แต่ได้งัดเรื่องเก่าๆคือการปราบปรามชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียงขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้งว่า  ก็เหมือนกับที่กองทัพเมียนมากำลังปราบปรามผู้ประท้วงการรัฐประหารนี่แหละ  โดยได้ประกาศขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนและองค์กรจีนว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน  มีการระงับวีซ่า  พร้อมมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ เช่น อายัดทรัพย์สิน  ห้ามทำธุรกรรมกับบุคคลและองค์กร 

           ลึกๆ แล้ววันนี้อเมริกามองจีนด้วยความหวาดกลัว  กลัวว่าจะแซงหน้าตนเองแล้วก้าวขึ้นเป็นผู้นำโลกในปี 2050 ซึ่งอาจจะเร็วกว่าที่จีนเคยประกาศไว้หากอเมริกาไม่ทำอะไรเลย

            อเมริกามองว่าจีนเปลี่ยนไปมากมีความดุดันมากขึ้น  จีนเป็นภัยทางยุทธศาสตร์ในระยะยาวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อความมั่นคงในศตวรรษที่ 21

            เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวเคยกล่าวว่าขณะนี้จีนท้าทายความมั่นคง ความมั่งคั่งและคุณค่าของสหรัฐอเมริกาจนอเมริกาต้องใช้แนวทางใหม่กับจีน

           ในเมียนมามีความพยายามแพร่ข่าวลืมโจมตีจีน  สร้างความเกลียดชังจีน  แยกจีนออกจากเมียนมา 

           ระยะแรกของการประท้วงมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ปล่อยข่าวมากมายเกี่ยวกับจีนที่เข้ามาสนับสนุนกองทัพ  เช่นเครื่องบินจีนขนอุปกรณ์ไฮเทคและช่างเทคนิคเข้ามาตัดระบบสื่อสาร  ในการประท้วงก็มีป้ายไม่เอาสี จิ้นผิง  มีการขู่จะเผาโรงงานจีน  รณรงค์งดใช้สินค้าจีน  จนถึงเรียกร้องให้ขับไล่ชาวจีนและสถานทูตจีนออกจากเมียนมา

           มีการตั้งข้อสังเกตุว่ากระแสต่อต้านจีนนี้อาจมีขบวนการจัดตั้งอยู่เบื้องหลัง  และนี่อาจจะเป็นงานถนัดปั่นกระแสของสายอินทรีที่ตั้งเป้าเด็ดปีกมังกรไว้อยู่แล้ว

           การเผาโรงงานจีนพร้อมกันหลายสิบแห่งยังเป็นปริศนาว่าฝีมือผู้ประท้วงหรือใครแน่  เสียงเรียกร้องไม่เอาจีนจากผู้ประท้วงไม่กี่คนแต่ถูกขยายโดยสื่อตะวันตก  อย่างไรก็ตามคงยากที่จะกดดันให้จีนเปลี่ยนท่าทีต่อกองทัพเมียนมา  เพราะผลประโยชน์ของจีนย่อมมิใช่ประชาธิปไตยแบบตะวันตก

           ผู้นำปักกิ่งเคยเตือนอเมริกาและพันธมิตรว่า  อย่าใช้เมียนมาเป็นหมาก ในการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์  เพราะนอกจากจะไม่ส่งผลดีต่อเมียนมาแล้ว  ยังจะลากให้สถานการณ์ดิ่งลึกลงไปอีก

Facebook Comments

Related post