Digiqole ad

เจาะสูตรสำเร็จ แพลทฟอร์มหมอผิวอันดับหนึ่งของไทย กับหมอผิง CEO หญิงเก่งแห่ง SkinX

 เจาะสูตรสำเร็จ แพลทฟอร์มหมอผิวอันดับหนึ่งของไทย กับหมอผิง CEO หญิงเก่งแห่ง SkinX
Social sharing

Digiqole ad

เจาะสูตรสำเร็จ แพลทฟอร์มหมอผิวอันดับหนึ่งของไทย กับหมอผิง CEO หญิงเก่งแห่ง SkinX

หลายคนคงเริ่มคุ้นเคยกับคำว่า Telemedicine หรือแพทย์ทางไกลกันมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด19 ที่วงการแพทย์บ้านเรานำ Telemedicine มาใช้กันอย่างแพร่หลาย รวมถึงมีแพลตฟอร์มพบแพทย์เกิดขึ้นมากมาย และหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเวลานี้ คงหนีไม่พ้น “SkinX” แพลตฟอร์มพบหมอผิวหนังออนไลน์อันดับหนึ่งของไทย

โอกาสนี้เราพาคุณมาพูดคุยกับแพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (คุณหมอผิง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์ม SkinX ถึงเรื่องราวที่มาตลอดจนเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ SkinX ก้าวขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมไปด้วยกัน “จุดเริ่มต้นของ SkinX มาจากการที่เรารู้ว่าอัตราส่วนคนไทยต่อแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางจริงๆ คือ1:30,000 (หนึ่งต่อสามหมื่น) และแพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ หรือหัวเมืองใหญ่ คนต่างจังหวัดจะเข้าถึงแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางได้ยาก นอกจากนี้ปัญหาที่หลายคนพบคือ เมื่อไปคลินิกเรามักจะไม่รู้เลยว่า หมอท่านนั้นจบด้านไหนมา เมื่อไปรักษาแล้วต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ ส่วนในเรื่องของยาผิวหนัง หลายครั้งอาจได้ยาทาเป็นกระปุกมา ข้างกระปุกเขียนโค้ดที่เราอ่านไม่เข้าใจ เลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเราได้ยาอะไรมา เหล่านี้คือปัญหาของคนไข้ที่เราพบ เราจึงสร้าง SkinX ขึ้นมาตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ นั่นคือไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้าถึงแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางได้

สำหรับการรับบริการ ผู้ใช้บริการจะส่งภาพถ่ายผิวหนังที่มีปัญหาให้แพทย์วิเคราะห์และทำการปรึกษาผ่านวีดีโอคอล หรืออาจส่งข้อมูลทางแชทก็ได้แล้วแต่ความถนัดของผู้ใช้ ก่อนจองคิวผู้รับบริการสามารถดูประวัติแพทย์ได้ ดูรีวิวเรตติ้งได้ว่าแพทย์ท่านนี้คนอื่นรีวิวไว้ว่าอย่างไร รู้ได้ก่อนเลยว่าการรักษานี้จะมีค่าพบแพทย์เท่าไหร่ เมื่อตรวจเสร็จจะได้ยาอะไร ราคาเท่าไหร่ โดยสามารถตัดสินใจได้ด้วยว่าจะรับยาหรือไม่ อันนี้คือความโปร่งใสที่เรามีต่อคนไข้ นอกจากนี้เรายังมีบันทึกสรุปผลการรักษาให้ด้วย ว่าโรคที่เป็นคืออะไร ต้องดูแลตัวเองอย่างไร ซึ่งตรงนี้หมอว่ามันทำให้การดูแลคนไข้มีประสิทธิภาพมาก โดยเราเคยเก็บสถิติพบว่า 90% ของผู้ใช้บริการ สิวหายภายในการพบแพทย์ไม่เกิน 3 ครั้ง”

คุณหมอผิงเล่าต่อว่า SkinX ก่อตั้งขึ้นก่อนวิกฤตการณ์โควิด 19 เมื่อโควิด 19 ระบาด SkinX ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งปัจจุบันแม้สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย จนผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้บริการตามโรงพยาบาลและคลินิกได้ตามปกติแล้ว แต่ความนิยมของ SkinX ก็ไม่ได้ลดลงเลย “หลายคนจะคิดว่าเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายแล้ว คนจะกลับไปหาหมอในคลินิกเหมือนเดิมไหม ผู้ใช้บริการ SkinX จะลดลงหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าผู้ใช้บริการเราไม่ได้ลดลง ยอดผู้ใช้งานยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดกว่าห้าแสนครั้ง ยังมีคนที่ชอบใช้บริการ SkinX อยู่ ซึ่งคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนกลุ่ม Gen Y, Gen Z ที่ชอบความสะดวกสบายถนัดใช้เครื่องมือทางดิจิตอล

นอกจากนี้เรายังพยายามเพิ่มเติมบริการต่างๆ อยู่ตลอด ปัจจุบันเราไม่ได้มีแค่ Telemedicine เราขายสินค้าในกลุ่มสกินแคร์ด้วย ซึ่งสกินแคร์ที่เราขายการันตีได้ว่าเป็นของแท้ 100% รวมถึงยังมีสินค้าที่เป็น Hospital-exclusive (ผลิตภัณฑ์ที่มีขายเฉพาะในโรงพยาบาล) จำหน่ายด้วย อีกจุดเด่นสำคัญคือ เรามีเภสัชกรให้คำปรึกษาฟรี จุดนี้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการมาก เพราะบางทีเขาอยากซื้อครีมตัวหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจว่าผิวเขาเป็นเซ็บเดิร์ม (โรคหน้าลอก) จะใช้ได้ไหม ไม่รู้จะไปถามใคร ตรงนี้เรามีเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแนะนำสกินแคร์ให้บริการตลอด นอกจากนี้เรายังมีการขายดีลหัตถการความงาม โดยเราจะตรวจสอบอย่างละเอียดว่าคลินิกที่มาร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับเรานั้นได้มาตรฐาน ทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ใช้บริการไม่ต้องเสี่ยงว่าจะเจอยาปลอม ฟิลเลอร์ปลอมหรือเปล่า ไปรับบริการแล้วแทนที่จะได้ทำกับแพทย์ กลายเป็นให้เจ้าหน้าที่มาทำหรือเปล่า”

ผู้บริหารสาวแห่ง SkinX กล่าวต่อว่า อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ SkinX เติบโตอย่างก้าวกระโดด จนขึ้นแท่นเป็น แอปพลิเคชั่น Telemedicine แถวหน้าของเมืองไทย คือการพยายามหาทางแก้ไขปัญหาให้ User อยู่เสมอ รวมถึงการเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องผิวตัวจริง “หมอว่าหัวใจสำคัญที่ทำให้ SkinX เติบโต ข้อแรกคือเราโฟกัสที่ User เสมอ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้ ทุกการตัดสินใจใหญ่ๆ ไม่ได้เกิดขึ้นจากผู้บริหารคิดเอาเอง หรือตั้งโต๊ะประชุมแล้วโหวตกัน แต่เราเอาข้อมูลของ User มาวิเคราะห์ก่อนเสมอ ฟังเสียง User อยู่ตลอด ให้ความสำคัญกับข้อมูลเหล่านั้น การพัฒนาของเราจึงตรงกับความต้องการ User ยิ่งขึ้น อีกส่วนที่สำคัญคือ SkinX เราเป็น Trusted Brand ที่คนเชื่อมั่นว่าเราเป็น Expert ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผิวหนังอย่างแท้จริง User หลายคนบอกว่าไปซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มอื่นๆ หรือไปหาหมอแพลตฟอร์มอื่น เค้าอาจจะไม่แน่ใจ แต่เมื่อมาที่ SkinX เค้าเชื่อใจว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แก้ปัญหาให้เขาได้จริง นี่คือความเชื่อใจที่เขามีให้เรา ซึ่งตรงนี้หมอก็พยายามที่จะรักษาคุณภาพ ให้ความเชื่อใจที่ User มีให้เราไม่สูญเสียไปค่ะ” พญ.ธิดากานต์ กล่าวปิดท้ายบทสนทนานี้ด้วยรอยยิ้ม

ปัจจุบันแพทย์หญิงธิดากานต์ CEO คนเก่งแห่ง SkinX ทำงานในหลากหลายมิติ ทั้งเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลสมิติเวช (รวมถึงยังออกตรวจผู้ป่วยที่สมิติเวชอยู่ด้วย) เป็นผู้บริหาร SkinX และยังใช้เวลาส่วนหนึ่งสนุกไปกับการสร้างสรรค์คอนเท้นท์ให้ความรู้ด้านผิวหนัง สุขภาพ เวชศาสตร์ชะลอวัย ทั้งในทวิตเตอร์ ติ๊กต็อก อินสตราแกรม ฯลฯ หากใครชื่นชอบอยากพบหรือติดตามผลงานคุณหมอ สามารถเสิร์ชหากันได้เลย และแน่นอนว่าหากใครมีปัญหาอยากปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังตัวจริง กำลังอยากซื้อหากินแคร์แบรนด์แท้จากแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ รวมถึงมองหาดีลหัตถการที่ปลอดภัย ต้องไม่พลาดโหลด SkinX ติดเครื่องไว้ !

 

Facebook Comments


Social sharing

Related post