‘อภิชาติ ลีนุตพงษ์’ ภารกิจสร้างแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า GAC AION 

เรียกว่า เป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า AION อย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับบริษัท เอไอโอนิค ออโต จำกัด หลังจากที่ GAC Group (Guangzhou Automobile Group) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ AION จากประเทศจีน ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา 

1 ใน 4 ผู้แทนจำหน่าย AION ในประเทศไทย

อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานบริษัท เอไอโอนิค ออโต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ชาริช โฮสดิ้ง เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ว่า การตัดสินใจเข้ามาเป็นตัวแทนขายรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ส่วนหนึ่งเกิดจากความชอบส่วนตัว “แม้ผมจะทำธุรกิจรถซูเปอร์คาร์ และรถลักชัวรี่ แต่ส่วนตัวผมแล้ว เป็นคนชอบรถยนต์ไฟฟ้า และเคยใช้รถยนต์ไฟฟ้ามานานแล้ว ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าที่ผมใช้แรกๆ เลยก็คือ Tesla Roadster ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกๆ ที่นำเข้ามาในประเทศไทย”

เหตุผลที่ ประธานบริษัท เอไอโอนิค ออโต เลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า ก็เพราะรู้สึกถึงการตอบโจทย์การใช้งาน “อาจเรียกว่า เป็นคนกลุ่มแรกๆ เลยก็ได้ครับ ที่เราใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งที่บ้านมีอยู่ 8 คัน และส่วนใหญ่เราก็ใช้วิ่งในเมืองเท่านั้น และนั่นก็เป็นจุดที่ ทำให้เราเริ่มมีการติดต่อสั่งรถนำเข้าเหล่านี เข้ามาให้เพื่อนๆ และญาติสนิท รวมถึง มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราได้มีโอกาสคุยกับพาร์ทเนอร์ของค่าย BYD ในการสั่งนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า เพื่อมาใช้งานเป็นแท็กซี่ VIP ที่สนามบิน ตอนนั้น จำได้ว่า ขายฟิตไปได้ 100 คัน  ซึ่งถือเป็นฟีตรถไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยช่วงเวลานั้นก็ว่าได้ แต่วันนี้ เราไม่ได้ทำแล้ว ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง รวมถึง เราไม่ได้คอนแทคโดยตรงกับทางจีนด้วย” 

“ส่วนการมาทำให้กับ AION เริ่มมากจาก มีคนจีน ซึ่งน่าจะเป็นของทางค่ายรถมาติดต่อ โดยเขาบอกว่า กำลังจะเจ้ามาเปิดบริษัทในประเทศไทย และเขาก็กำลังมองหาผู้แทนจำหน่าย แต่เขาก็ไมได้ติดต่อเราคนเดียวนะ เขาติดต่อไว้หลายคน ทำให้เรามานั่งคิดว่า เราจะทำดีไหม แต่พอได้ไปดูไปเห็นโรงงาน และเห็นโปรดักซ์ รวมถึง สัมผัสได้ถึงวิชั่นในแบรนด์ AION อย่างจริงจัง ก็ทำให้รู้ว่า แม้เขาจะไม่ได้เป็นแบรนด์ที่พรีเมี่ยมมาก แต่ด้วยเทคโนโลยี และความตั้งใจในการทำแบรนด์ของเขา เป็นจุดที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจ” จนทำให้คุณนัท ตัดสินใจ สมัครเข้าไปเป็น 1 ใน 4 ของผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า AION ในที่สุด โดยในจำนวนผู้แทนจำหน่ายทั้ง 4 คนนี้ เป็นคนจีน 2 คน และคนไทย 2 คน โดยมีบริษัท GAC Thailand เป็นบริษัทแม่ในประเทศไทย เพื่อดำเนินการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน รวมถึงเป็นผู้กำหนดราคา และทิศทางการตลาดในไทย 

การทำตลาดในประเทศไทย

คุณนัท เล่าให้ฟังด้วยว่า เหตุผลที่ทำให้ทางแบรนด์ AION จากจีน เลือกให้เขาเป็น 1 ใน 4 ผู้แทนจำหน่ายให้กับค่ายรถ เป็นเพราะเขามองเห็นในศักยภาพ และความถนัดในเรื่องของการสร้างแบรนด์ “ต้องบอกว่า เราค่อนข้างจะมีความถนัดในการสร้างแบรนด์ ซึ่งดูได้จาก ธุรกิจรถยนต์ที่ทำอยู่ในวันนี้” หากพูดถึงความยากง่าย ของการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า คุณนัท บอกว่า สำหรับเขาแล้ว อย่างที่รู้กันดีว่า ในฐานะที่เป็น ผู้แทนจำหน่าย ซึ่งก็เปรียบเหมือนเป็นช่องทางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าให้กับ AION มากกว่า ทำให้เราต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงาน เป็น การทำอย่างไรให้ลูกค้าเข้ามาหาเราเร็วที่สุด และได้มากที่สุด และยิ่งเป็น โปรดักซ์แมสด้วยแล้ว โอกาสที่ในการสร้างแบรนด์ เราอาจมีเวลาไม่เยอะมาก จึงต้องปรับเปลี่ยนให้รวดเร็วขึ้น” 

วันนี้ คุณนัท ได้เปิดโชว์รูมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า AION ไว้ทั้งหมด 7 แห่ง โดยตั้งอยู่ในศูนย์การค้า 1 แห่ง และ เป็นโชว์รูมอีก 6 แห่ง ประกอบด้วย ราชพฤกษ์ วงสว่าง ศรีนครินทร์ วิภาวดี มหาชัย และ ศาลายา และยังไม่มีแผนที่จะขยายตลาดออกไปยังตลาดต่างจังหวัด 

ความคาดหวังในการตอบรับ

ส่วนของความคาดหวัง กับกระแสตอบรับรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์นี้ คุณนัท บอกว่า “ในตลาดที่เป็นกลุ่มแมส เราคงไม่ต้องบอกว่า รถที่เรามีอยู่นั้น เป็นรถไฟฟ้า หรือ รถที่ไม่ใช้ไฟฟ้า เพราะคนที่ซื้อ เขาจะมองว่า ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเขาได้มากแค่ไหน เช่น รถมีฟังก์ชั่นน่าสนใจ มีระบบที่มาช่วยให้การขับขี่สะดวกสบาย รวมถึงเรื่องของต้นทุนการใช้รถในแต่ละวัน การซ่อมบำรุง ตลอดจนค่าเชื้อเพลิง” 

“ยกตัวอย่าง วันนี้ รถใช้น้ำมัน มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่แพงกว่า หากเทียบในเรื่องของการขับขี่ที่มีระยะทางที่เท่ากัน และยิ่งใช้งานไป 3-4 ปี จะพบว่าสามารถประหยัดเงินไปได้กี่บาท ตรงนี้ คือสิ่งที่คนซื้อรถนำมาเปรียบเทียบกัน สมมุติว่า ผมมีค่าน้ำมันอยู่ 1 หมื่นบาท ต่อเดือน หากผมใช้รถยนต์แล้วจ่ายค่าน้ำมันแค่ 2,000 พันบาท ก็เท่ากับว่า ผมจะเหลือเงินเดือนๆ หนึ่งถึง 8,000 บาท พอผ่านไป 1 ปี เท่ากับผมจะเหลือเงินค่าน้ำมันถึง 1 แสนบาท ยิ่งผ่านไป 4 ปี ก็จะเหลือเงินกว่า 4 แสนบาท” ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่คุณนัท บอกว่า เป็นสิ่งที่คนซื้อรถคิดถึง

เปรียบเทียบความคุ้มค่า

นอกจากนี้ คุณนัท ยังบอกด้วยว่า สิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้า นำเข้าจากจีนต้องเจอคือ เรื่องของภาษีนำเข้าที่ค่อนข้างสูง ขณะที่ราคาขาย อยู่ที่ราคาล้านต้นๆ “อาจเรียกว่าเป็นความคุ้มค่าของคนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ลองคิดดูว่า ด้วยภาษีสรรพสามิตรที่สูง รถยนต์ไฟฟ้าที่มาขาย ก็น่าจะอยู่ที่ราคา 1.4 ล้าน แต่วันนี้ ราคาขายอยู่ที่ ล้านต้นๆ เท่านั้น ดังนั้น เมื่อเราซื้อรถยนต์ในราคา 1 ล้านบาท ก็เท่ากับเราได้รถยนต์มูลค่า 1.4 ล้านบาท แถมยังได้ฟังก์ชั่นมากมายภายในรถยนต์รุ่นนี้ รวมถึง ความสะดวกสบายในการขับขี่ ซึ่งถือว่ามีความคุ้มค่า และทั้งหมดนี้ยังเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน กำลังมีแนวโน้มการเติบโตที่รวดเร็ว” 

สำหรับเรื่องของ ส่วนแบ่งทางการตลาด ผู้บริหารหนุ่ม แยกกลุ่มตลาดรถยนต์วันนี้ ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งมีอยู่ 46% น่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ทั่วไป ขณะที่ กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคา 1 ล้าน– 1.5 ล้านบาท ซึ่งมีอยู่ราว 32% น่าจะเป็นกลุ่มของ BYD และ AION ส่วนกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคา 1,5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีอยู่ถึง 21% ซึ่งน่าจะเป็นแบรนด์ เทสล่า และ วอลโว่ “สำหรับวิธารทำตลาด ของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า AION สิ่งที่ผมพยายามใช้ก็น่าจะเป็นการให้ผู้บริโภค ได้มีโอกาสเข้ามาลองเข้ามาสัมผัสกับรถ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุด คือการออกไปทำโรดโชว์ แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องสร้างความมั่นใจให้กับตัวของลูกค้าด้วย โดยเฉพาะ เรื่องราคา ที่บริษัทแม่ ยังคงยืนยันที่จะขายในราคาที่ต่ำกว่าทุนนี้ต่อไป แม้จะยังไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี ก็ตาม เช่นเดียวกับ เรื่องการบริการ ซึ่งถือเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญ ในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า” 

ตั้งเป้ายอดขาย 1,000 คัน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการทำธุรกิจ คุณนัท มองว่า การทำธุรกิจก็ต้องหวังเรื่องผลกำไรเป็นสำคัญ เพราะการจะให้บริการที่ดีกับลูกค้าได้นั้น ทางบริษัทก็จำเป็นต้องมีค่าตอบแทนที่ดีด้วย “ดังนั้นการทำงานกับทาง AION ผมมองว่า เป็นการดำเนินธุรกิจในระยะยาวมากกว่า และผมก็คิดว่า โปรดักซ์แรกที่เข้ามา เรายังไม่รูว่า จะถูกใจผู้บริโภคมากน้อยแค่ไหน แต่หากมองไปที่แบรนดิ้ง และวิชั่น รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ของทางบริษัทแม่ ผมเชื่อมั่นว่า AION จะเป็น หนึ่งแบรนด์ ที่ติดตลาดเป็นอันดับท็อปในประเทศไทย เหมือนกับระดับโลก ส่วนการต่อยอด การนำเข้า ก็คงจะขึ้นอยู่กับโอกาส ข้างหน้าต่อไป” กระนั้นก็ตาม ประธานบริษัท เอไอโอนิค ออโต จำกัด ยังตั้งเป้าไว้ด้วยว่า ภายในปีนี้ เขาน่าจะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า AION รุ่นแรก ได้ถึง 1,000 คัน หลังจากที่โชว์รูมและศูนย์บริการ เปิดให้บริการในเร็วๆ นี้