Digiqole ad

วินทุกเว(ที)..Ways to Win EP:68 ‘ครูปิ่น ปิ่นศิริ’ แฉ 4 อ. คุณหลอกดาว ตอน 4 ‘แอบ-อ้าง-อวด-อ่วม’

 วินทุกเว(ที)..Ways to Win EP:68 ‘ครูปิ่น ปิ่นศิริ’ แฉ 4 อ. คุณหลอกดาว ตอน 4 ‘แอบ-อ้าง-อวด-อ่วม’
Social sharing

Digiqole ad

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ ๔๓๘ ระหว่างวันที่ ๒๘ มิถุนายน – ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗

หน้า ๒๙ วินทุกเว(ที)..Ways to Win EP 68 : ครูปิ่น-ปิ่นศิริ ศิริปื่น

คุณหลอกดาว ตอน 4

‘แอบ-อ้าง-อวด-อ่วม’

            ครูปิ่น-ปิ่นศิริ ศิริปิ่น มาปิดท้ายของประเด็น “คุณหลอกดาว” ขอมาพร้อมกับบุคคล 4 อ.”แอบ-อ้าง-อวด-อ่วม” ที่เป็นประสบการณ์โดยตรงแบบไม่อ้อมของครูปิ่น ที่อยากจะนำมาเล่าเพื่อเป็นวิทยาทานและอุทาหรณ์สำหรับผู้อ่านครับ

            1.แอบ : เป็นบุคคลประเภทที่เราไม่ทราบตัวตนที่แท้จริง จะมาในลักษณะเสียงลือเสียงเล่าอ้างผ่านจากคนรอบตัวของเรามา เช่นว่า คนเมาธ์มอยมาว่า ครูปิ่นชอบกินเด็ก เด็กในสังกัดแกฟาดเรียบ, ครูปิ่นชอบหลอกเด็ก, ครูปิ่นออกงานต้องมีค่าตัว ถ้าไม่มีไม่ออก, ครูปิ่นไปเป็นกรรมการแล้วชอบล็อกตำแหน่งให้เด็กตัวเอง ฯลฯ พอเราถามว่าใครพูด แล้วก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า “ไม่รู้…เขาพูดกันมาอีกทีหนึ่ง”  คือเรื่องราวแบบนี้ครูปิ่นเจอมานานแล้ว น่าจะประมาณ 20-30 ปีที่ผ่านมา แรก ๆ ฟังแล้วควันจะออกหูเลย แต่สุดท้ายต้องทำใจยอมรับสัจธรรม หากคิดจะอยู่ในแวดวงสังคมนี้ ดังคำกลอนจากเรื่องพระอภัยมณีของท่านสุนทรภู่ ที่กล่าวว่า

      “อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ

ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน

แม้องค์พระปฏิมายังราคิน

คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา”

บอกได้เลยว่าครูปิ่นเข้ามาอยู่ในวงการดนตรีและบันเทิงมาค่อนชีวิต ถ้าหากทำแบบนี้จริง ๆ คงไม่สามารถเชิดหน้าชูตาอยู่มากระทั่งถึงปัจจุบัน หงอกบนหัวสักเส้นยังไม่มีเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่คนไหนมาถอน ซึ่งไม่มีประโยชน์ใด ๆ ที่จะต้องออกมาพิสูจน์ตัวเราเองให้กับคนที่มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเรา ถ้าหากว่า “อคติ” ยังบดบังตาของเขา ไม่ว่าเราจะทำดีสักเพียงใด มันก็สิ้นไร้ซึ่งความหมายครับ!

2.อ้าง : ครูจะถูกบุคคลประเภทนี้กระทำมากกว่าประเภทอื่น ๆ คนที่เอาชื่อเราไปอ้างเนี่ย ยอมรับว่า รู้จักกัน แต่ไม่ได้สนิทกันหรอกนะครับ เรื่องคือเขาจะเอาชื่อเราไปหลอกเอาเงินจากโมเดลลิ่งหรือผู้ที่ดูแลเด็ก ๆ ว่า สนิทกับครูปิ่นมาก ๆ เขาปั้นนักร้องและนักแสดงดังมาแล้วหลายคน ชื่อ…บลาๆๆๆๆ…แล้วยังพาเข้าวงการบันเทิงได้ด้วย เดี๋ยวจะพาน้อง ๆ มาเรียน ปกติครูปิ่นคิดค่าคอร์สราคาหลายหมื่นบาท เป็นแสนบาทก็มี หนูขอให้ได้ในราคาพิเศษ เรื่องดันมาโป๊ะที่โมเดลลิ่งโทรศัพท์มาสอบถามครูปิ่นที่โรงเรียน ซึ่งเบอร์เดี๋ยวนี้เสิร์ชหาในอินเทอร์เน็ตได้อย่างง่าย ๆ ว่าคนชื่อนี้…..เรียกเก็บเงินว่าจะส่งเด็กมาเรียนกับครูปิ่น พอทราบเรื่องมั้ยครับ!?! เราก็เต้นผาง รีบบอกไปว่า ไม่ทราบเรื่อง และไม่มีนโยบายให้ใครไปเรียกเก็บเงินเด็กหรือหาเด็กมาเรียน ส่วนใหญ่พ่อแม่ ผู้ปกครองจะติดต่อส่งบุตรหลานมาเรียนกับครูปิ่นโดยตรง ถ้าเป็นค่ายบันเทิงฝ่ายบริหารศิลปินดาราเขาก็จะสายตรงมาเองเช่นกัน

สุดท้ายทราบมาว่า คนที่เอาชื่อเราไปอ้างคืนเงินให้กับโมเดลลิ่งไป แล้วมีหน้ามาบอกว่า ครูปิ่นไม่ว่างคิวยาว ซึ่งจริง ๆ แล้วคงโดนโมเดลลิ่งขู่ว่าจะฟ้อง หากไม่คืนเงิน แต่ก็มีเรื่องราวในทำนองนี้ คือ ไปมโนค่าคอร์สของเราโดยพลการ ซึ่งถูกมาก ๆ  แล้วมาบอกเราว่า ผู้ปกครองเด็กหรือโมเดลลิ่งมีเงินเท่านี้จะเรียนอะไรได้บ้าง ซึ่งครูปิ่นสืบทราบมาทีหลังไปเรียกเขาหัวละ 10,000 บาท แต่มาบอกครูปิ่นว่า มีงบหัวละ 5,000 บาท และขอค่าหัวคิวครูปิ่นอีกหัวละ 1,000 บาท เอาเข้าให้สิ คิดดูเอาแล้วกันว่า ครูปิ่นจะรับงานมั้ย !?!

3.อวด : คล้าย ๆ ประเภทที่ 2 แต่จะเอาไปโอ้อวดสรรพคุณ เอาเป็นว่าถ้าหากเป็นยาก็ครอบจักรวาลรักษาได้ทุกโรค ซึ่งเราไม่เคยพรีเซ็นต์ตัวเองเวอร์วังอลังการงานสร้างถึงขนาดนั้น ตลอดการทำงานในวงการที่ผ่านหลายสิบปี ครูปิ่นจะเน้นทำผลงานให้เห็นเป็นที่ประจักษ์มากกว่าพูดเสียด้วยซ้ำ ถ้าเราอยู่ใกล้ ๆ คงจะอายมากกว่าที่มีคนเอาเราไปพูดเกินเลยถึงปานนั้น แล้วถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ตัวเองยืนฟังใกล้ๆ  คงจะเลี่ยนพิลึก แต่ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ โอ้อวดว่า เราทำงานให้เจ้าใหญ่นายโต มีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ เข้านอกออกในได้สบาย ๆ เฮ้อ! จะหาคุกหาตะรางให้แล้วมั้ยเนี่ย!?!

4.อ่วม : สมัยก่อนครูปิ่นทำงานร่วมกับเด็ก ๆ มีทั้งสัญญาจริงและสัญญาใจ ก่อนเด็ก (บางคน) จะดัง ทั้งตัวพ่อแม่ ผู้ปกครอง โมเดลลิ่ง ผู้จัดการส่วนตัว ร้องขอไหว้วาน ฝากฝัง ลูกหลานให้ช่วยดูแลและฝึกสอน ให้คิดเสมือนว่าเราคือพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง มีอะไรที่ไม่โอเคสามารถสั่นสอน ดุด่าว่ากล่าวตักเตือนกันได้ พร้อมกับให้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย  ทั้งค่าเล่าเรียนและค่าตัวเมื่อเด็กมีงานเข้ามา ทางด้านเด็ก(บางคน) ทั้งกราบตักกราบเท้าขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์-ลูกหลานคนหนึ่ง ผมได้ดีจะไม่ลืมพระคุณเลยครับ

พอได้สังกัดค่ายบันเทิงใหญ่แล้ว คราวนี้เด็กไม่มาเองจ้า แม้แต่พ่อแม่ ผู้ปกครองก็ไร้เงา แต่ส่งตำรวจเอย ทนายเอย หนักไปกว่านี้ครูปิ่นดูทรงแล้วน่าจะเป็นมือปืนมากกว่า มาขอยกเลิกหรือฉีกสัญญาเด็ก (ทีแรกนึกว่าจะมาขอบคุณที่ส่งถึงดวงดาวเสียอีก) ทีนี้จะให้ครูปิ่นทำอย่างไรล่ะมาถึงขณะนี้

ครูปิ่นเชื่อตามพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “กมฺมุนา วตฺตตี โลโกสัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม” แตกต่างจากเด็กครูปิ่นเคยสอนพวกเขาและเธอในขณะที่เป็นศิลปินนักแสดงกันแล้ว แม้จะสอนกันในระยะเวลาอันสั้น ๆ แต่เมื่อครูปิ่นเจอะเจอพวกเขาและเธอ จะแสดง “ความกตัญญูกตเวที” โดยเข้ามาสวัสดีและสวมกอด พร้อมกับไต่ถามสารทุกข์สุกดิบอยู่ทุกครั้งไป จึงไม่แปลกที่หลายคนยังคงมีชื่อเสียงอยู่ในวงการบันเทิงมาจนถึงปัจจุบัน

“คุณอย่ามาหลอกดาวกันอีกเลยนะ…ดาวแก่แล้วขออยู่ส่วนแก่ดีกว่าค่ะ!!”

เรื่อง : ครูปิ่น-ปิ่นศิริ ศิริปิ่น

เรียบเรียง : จุมพล โพธิสุวรรณ

 อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ ๔๓๘ ระหว่างวันที่ ๒๘ มิถุนายน – ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗

หน้า ๒๙ วินทุกเว(ที)..Ways to Win EP 68 : ครูปิ่น-ปิ่นศิริ ศิริปื่น

คุณหลอกดาว ตอน 4

‘แอบ-อ้าง-อวด-อ่วม’

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ ๔๓๘ ระหว่างวันที่ ๒๘ มิถุนายน – ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗
https://book.bangkok-today.com/books/zllk/#p=29
(สามารถพลิกอ่านได้เหมือนหนังสือปกติ)

 

 

 

Facebook Comments


Social sharing

Related post