Digiqole ad

มอร์รีเทิร์น ทุ่ม 1,000 ล. ถือลิขสิทธิ์ “Rolling Loud” เตรียมจัดงานที่ไทยปี 66 มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ

 มอร์รีเทิร์น ทุ่ม 1,000 ล. ถือลิขสิทธิ์ “Rolling Loud” เตรียมจัดงานที่ไทยปี 66 มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ
Social sharing
Digiqole ad

มอร์รีเทิร์น ทุ่มกว่า 1,000 ล. ถือลิขสิทธิ์ “Rolling Loud” เทศกาลดนตรีฮิปฮอปสุดยิ่งใหญ่ระดับโลก เตรียมจัดงานที่ไทยปี 66 มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติหนุนภาคการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

หลังจากที่กระแสเทศกาลเพลงฮิปฮอประดับโลกอย่าง Rolling Loud  ที่จัดแสดงขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาไปเมื่อไม่นานมานี้  ได้ประกาศและโพสต์บนบัญชีทวิตเตอร์หลักของโรลลิ่งลาวด์  “Rolling Loud Thailand See you 2023” ตามด้วยอิโมจิรูปธงชาติของประเทศไทยก็เรียกเสียงฮือฮาให้กับแฟนคลับชาวไทยเป็นอย่างมาก และถูกแชร์ไปกว่า 100,000 ครั้ง กับเทศกาลฮิปฮอปสุดยิ่งใหญ่นี้จะมาเยือนประเทศไทยในปีหน้าอย่างแน่นอน โดยล่าสุดทาง  บริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ได้มีการเคลื่อนไหวประกาศทุ่มเม็ดเงินกว่า 1,000 ล้านบาทเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์และจัดงาน Rolling Loud ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2571 พร้อมสิทธ์ขาดในการจัดงานในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

เทศกาลเพลงฮิปฮอป Rolling Loud มีแร็ปเปอร์ชื่อดังมากความสามารถหลายคนที่เคยร่วมแสดงบนเวทีนี้ อาทิ ทราวิส สก็อตต์, วิซ คาลิฟา, คานเย เวสต์, โพสต์ มาโลน และ เคนดริก ลามาร์ โดยคอนเสิร์ต Rolling Loud ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2015 ณ รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งได้กระแสการตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม จนได้ไปเยือนหลากหลายประเทศอย่าง สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส และสร้างปรากฏการณ์กับจำนวนผู้เข้าชมถึง 200,000 คนอีกด้วย ถือเป็นการการันตีแล้วว่าคอนเสิร์ตฮิปฮอปนี้ยังคงได้รับความนิยมเสมอมา และการนำเทศกาลดนตรี Rolling Loud มาจัดที่ประเทศไทยนั้น ถือว่าเป็นการจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย และรูปแบบการจัดงานเทียบเท่ากับเวทีแม่ที่ประเทศสหรัฐฯ โดยตั้งเป้าจำนวนผู้เข้าชมประมาณ 80,000 คน ร่วมด้วย 66 ศิลปินระดับโลกและเอเชีย ถือว่าเป็นก้าวแรกของการเริ่มเทศกาลดนตรีระดับโลกให้กับประเทศไทยและเอเชีย

ดร.อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE กล่าวว่า  “ผมเชื่อมั่นว่าการขยายธุรกิจสู่ตลาดเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จะสร้างผลประกอบการทางธุรกิจที่ดี โดยเฉพาะตลาดการท่องเที่ยวทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งรูปแบบการเดินทาง ที่เน้นเมืองท่องเที่ยวที่ได้สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ครบรูปแบบและมีความคุ้มค่า มีคอนเทนต์ให้ได้แชร์ในโลกโซเชียลมีเดีย และกลุ่มนักท่องเที่ยวยุคใหม่ และกลุ่ม Digital Nomad ที่ทำงานที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ผ่านเทคโนโลยี ที่มองหาเมืองท่องเที่ยวที่จะสามารถเติมเต็มไลฟ์สไตล์ พร้อมเจอเพื่อนใหม่ๆ และมองหาความสนุกกับเทศกาลดนตรีและการสังสรรค์กับเพื่อนในประเทศใหม่ๆ

ผมเล็งเห็นโอกาสจากสถานการณ์ปัจจุบันที่เราไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ ประกอบกับประสบการณ์กว่ายี่สิบปีของผมด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และการท่องเที่ยว ผมจึงอยากใช้โอกาสนี้ผลักดันให้ประเทศไทยกลับมาเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวโดยใช้ Entertainment Content เป็นตัวเพิ่มมูลค่าให้กับการท่องเที่ยว พร้อมเปิดประเทศกับเทศกาลดนตรีระดับโลก ซึ่งถือเป็นที่แรกในเอเชีย ที่ตรงกับกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบใหม่ที่ครองตลาดโลกมากที่สุดในตอนนี้  ผมทุ่มเทและศึกษามาเกือบ 3ปี พบว่าเม็ดเงินการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นนั้นต้องมาจากขีดความสามารถในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้น และการเพิ่มสีสันการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ จะต้องเปิดประเทศด้วยกระแสของความตื่นตัว และที่สุดของโลกโซเชียลในตอนนี้ซึ่งก็คือ เทศกาลดนตรีระดับโลก ที่คนทั่วโลกโหยหา อีกทั้งวัฒนธรรมของประเทศไทยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่เดียวในโลก ผมเลยให้ทีมงานช่วยติดต่อกับทาง Rolling Loud ที่เป็นงานเทศกาลดนตรีแนวแพลงฮิปฮอป ซึ่งยังไม่เคยมาจัดที่เอเชีย อีกทั้งวัฒนธรรมของศิลปินและแนวฮิปฮอป ถือว่ามีอิทธิพลที่สุดทั้งในด้านดนตรี ด้านแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ และเพลงฮิปฮอปสามารถครองตลาดเพลงเป็นอันดับ 1 ทั่วโลกยาวนานที่สุด และที่สำคัญยังไม่มีเทศกาล World Hip Hop Music Festival ในเอเซียเลย และทุกคนคิดถึงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือว่าเป็นเทศกาลที่คนทั่วโลกเดินทางมาท่องเที่ยวร่วมสัมผัสกับประสบการณ์การสาดน้ำและความเป็นไทย จึงเป็นที่มาของการจัดงาน Rolling Loud Thailand ที่จะเป็นเทศกาลดนตรีฮิปฮอปสุดยิ่งใหญ่ระดับโลกที่ทุกคนจะได้ชุ่มฉ่ำไปกับประสบการณ์การเล่นน้ำแบบสงกรานต์ ที่จะช่วยปลุกกระแสและผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น “World Music Destination” ที่นักท่องเที่ยวต้องนึกถึง ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทยได้เป็นจำนวนมาก ตอบโจทย์การท่องเที่ยวของไทยให้กลายเป็น MICE HUB ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งทางเราก็จะนำ World Music Content เข้ามาเสริมทัพเพื่อทำให้บริษัทฯ แข็งแกร่งมากขึ้น”

โดย Rolling Loud Thailand จะมาในรูปแบบเต็ม Festival ประกอบด้วย 2 เวทีใหญ่ ร่วมด้วย 66 ศิลปินระดับโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา  สหราชอาณาจักร และเอเชีย โดยเราคาดการณ์จำนวนคนร่วมงานอยู่ที่ 80,000 คน แบ่งเป็นชาวไทย 40% และชาวต่างชาติ 60% ซึ่งจะสร้างรายได้การจับจ่ายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม และการขนส่งเดินทาง จะเกิดการจองห้องพักมากกว่า 30,000 ห้อง และการกลับมาผงาดของการท่องเที่ยวไทยกับการปั้นเมืองไทยให้เป็น Lifestyle & Entertain Destination ที่จะกลายเป็นหัวใจหลักในการร่วมสร้างรายได้ สร้างมูลค่าการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน

###

Facebook Comments

Related post