‘ภูวนิดา’ กอล์ฟ อีกแม่เหล็ก ดึงเม็ดเงินท่องเที่ยวเข้าไทย  

ธุรกิจสนามกอล์ฟ อาจเรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และเป็นธุรกิจที่สร้างชื่อให้กับนักกีฬาชาวไทยมาแล้วหลายคน แต่วันนี้ ธุรกิจกอล์ฟ ยังเรียกได้ว่า มีบทบาทสำคัญที่เปรียบเสมือน “แม่เหล็ก” ดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติ เข้าสู่ประเทศไทย เป็นจำนวนมหาศาล ไปพร้อมกับการสร้างรายได้ให้กับการเที่ยวของไทยด้วย 

สนามกอล์ฟ หมุดหมายการท่องเที่ยว

คุณรุ้ง–ภูวนิดา เตชะธนสมบัติ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ซัมมิท กรีน วัลเลย์ เชียงใหม่ คันทรีย์ คลับ สนามกอล์ฟระดับมาตรฐาน ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า วันนี้ธุรกิจสนามกอล์ฟ ถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจทางด้านกีฬา และการท่องเที่ยว ที่ไม่เพียงจะดึงเม็ดเงินเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ เท่านั้น แต่ยังช่วยผลักดันให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวภายในจังหวัดได้รับประโยชน์ไปด้วย ซึ่งก็รวมถึงชุมชน ในจังหวัดเชียงใหม่ด้วย “ส่วนที่หนึ่ง ต้องบอกว่า ธุรกิจสนามกอล์ฟ เป็นหนึ่งในธุรกจิทางด้านกีฬา และการท่องเที่ยว ขณะที่ตัวสนามกอล์ฟ ก็ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นหมุดหมายหลักของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวของประเทศ” 

“ขณะที่ส่วนที่สอง สนามกอล์ฟแห่งนี้ ถือเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และกีฬา ซึ่งอยู่ก็สอดรับกับนโยบายของทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เช่นเดียวกับส่วนที่สาม ต้องบอกเลยว่า เรามีการสร้างสรรค์ จุดขายใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะ ในเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา ไปจนถึงเดือน กรกฎาคม ปีนี้ ที่เราจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่มาพร้อมกับความรู้ด้านดาราศาสตร์ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและจากทั่วทุกมุมโลก ที่สนใจเรื่องดาราศาสตร์เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่มากขึ้น” 

สนามกอล์ฟ ก็เป็นจุดชมดาวได้ 

คุณรุ้งอธิบายว่า ล่าสุด สนามกอล์ฟ ซัมมิท กรีน วัลเลย์ เชียงใหม่ คันทรีย์คลับ ได้รับใบรับรองให้เป็นสนามกอล์ฟที่ได้รับการขึ้นทะเบียน อนุรักษ์ท้องฟ้ามือ จุดชมดาว แล้ว “เราถือได้ว่า เป็นสนามกอล์ฟแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีการขึ้นทะเบียน รวมถึงยังได้รับการรับรองจาก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สดร. หรือ NARIT)  และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการขึ้นทะเบียนเป็นเขต อนุรักษ์ท้องฟ้ามืด จุดชมดาว ที่จะเชื้อชวนให้นักท่องเที่ยวได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ พร้อมกับผลักดันให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงความรู้ ด้านดาราศาสตร์ (Dark Sky Tourism) และเป็นเส้นทางท่องเที่ยวดูดาวแห่งใหม่ของประเทศไทย ซึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในเดือน กรกฎาคม นี้” 

ผลพลอยได้ของการปรับตัว

เหตุผลที่ทำให้ สนามกอล์ฟ แห่งนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการรับรองให้เป็นสถานที่ชมดาวแห่งใหม่ คุณรุ้ง อธิบายเพิ่มเติมว่า เกี่ยวข้องกับค่าแสง ที่อยู่ภายในสนามกอล์ฟ “การมีแสงในตอนกลางคืน ถือเป็นมลพิษทางแสงอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงจะมีผลต่อสิ่งมีชีวิตแล้ว ยังมีผลต่อระบบนิเวศน์ในเวลากลางคืนด้วย ดังนั้น เมื่อเราปิด หรือ ลดแสงไฟในพื้นที่สนามกอล์ฟให้ต่ำลง ก็จะทำระบบนิเวศน์ภายในพื้นที่มีความสมบูรณ์มากขึ้น และวันนี้ เราได้มีการลดค่าแสงให้ต่ำลง จนมาอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และในระบบนิเวศน์” ซึ่งนั่น อาจไม่ใช่สิ่งดีที่เกิดขึ้นกับสนามกอล์ฟ แห่งนี้เท่านั้น

คุณรุ้ง บอกด้วยว่า จากแนวคิดดังกล่าว ยังทำให้สนามกอล์ฟ ได้รับผลพลอยได้มากมาย “ผลพลอยได้ นอกจากจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ แล้ว แต่นั่น ยังช่วยให้สนามกอล์ฟ ของเราเกิดการลดต้นทุนค่าไฟฟ้าภายในสนามกอล์ฟ ในแต่ละเดือนได้โดยอัตโนมัติ ขณะเดียวกัน สนามของเรา ก็จะเป็นที่รู้จักของนักกีฬากอล์ฟ และนักท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่เฉพาะ คนไทยเท่านั้น แต่ยังจะกลายเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ผ่านทางเว็บไซต์ของสถาบันดาราศาสตร์ฯ อีกด้วย” 

โฮล–อิน–วัน อะวอร์ด 

นอกจาก โครงการข้างต้นแล้ว อีกหนึ่งโครงการ ที่เรียกว่าจะเป็นการดึงเม็ดเงินเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ อย่างต่อเนื่องคือ ซัมมิท โฮล–อิน–วัน บิ๊กไพรซ์ (Summit Hole–In–One Big Prize 2566 – 2567) ที่ทางสนามกอล์ฟ ซัมมิท กรีน วัลเลย์ เชียงใหม่ คันทรีย์ คลับ ในฐานะที่เป็น ผู้นำ Leadership in Integrated Eco System ในการนำพาพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ มาเชื่อมโยงกันเพื่อร่วมกันสร้างคามยั่งยืนของธุรกิตี่เกื้อหนุนกัน โดยมีการร่วมพันธมิตร พร้อมเตรียมงบประมาณมูลค่าสูงถึง 24 ล้านบาท สำหรับเป็นรางวัลให้กับนักกอล์ฟ ที่สามารถตีโฮล–อิน–วัน ได้ “โครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมโยงสนามกอล์ฟของเรา ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงกับธุรกิจทั้งระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค จนไปสู่ระดับประเทศ ซึ่งถึงวันนี้ เรามีพันธมิตร หรือ คู่ค้าทางธุรกิจอยู่หลายส่วนธุรกิจ ทั้งธุรกิจสายการบิน อย่าง เวียดเจ็ทแอร์ ที่มีเที่ยวบินกระจายอยู่ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการพานักท่องเที่ยว หรือ นักกอล์ฟ จากทุกมุมโลก มายังจังหวัดเชียงใหม่ หรือจะเป็น ในภาคบริการ อย่าง โรงแรมเมอเวนพิค และ โรงแรมสรีเวียงพิงค์ เชียงใหม่ ที่จะเป็นสถานที่ใช้พักผ่อน ของนักท่องเที่ยว ระหว่างเดินทางมาเชียงใหม่ รวมไปถึงอีกหลายภาคธุรกิจ เช่น มิตซูบิชิ นิสสัน อีซูซุ เบทราโกร ตลอดจน นวกิจประกันภัยและ 3K แบตเตอรี่ และอีกหลายบริษัทธุรกิจ ที่มาร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกิดรายได้ขึ้นทั้งระบบ รวมถึงการจ้างแรงงานในชุมชนด้วย” 

“เราใช้จุดแข็งของแต่ละธุรกิจ มาเป็นตัวสร้างแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจ ให้เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งล่าสุดสุด ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่าง อรสิริน ก็จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดึงนักท่องเที่ยว และนักลงทุน โดยเฉพาะ นักลงทุนชาวจีน ให้เข้ามาลงทุน และเสริมความแข็งแกร่ง ให้กับเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคาดว่า โครงการนี้ จะสามารถสร้างมูลค่าให้กับเชียงใหม่ ได้มากถึง แสนล้านบาท ก็ได้” 

เชื่อมโยงพันธมิตร เสริมความแกร่งให้เศรษฐกิจเชียงใหม่

ไม่เพียงเท่านั้น คุณรุ้งยังบอกด้วยว่า นอกจากกลุ่มธุรกิจที่เป็นพันธมิตรแล้ว ทางสนามกอล์ฟ ยังได้ทำงานร่วมกับ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สภาอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจน สมาคม และชมรม ต่างๆ เข้ามาช่วยดึงนักท่าองเที่ยว และนักกอล์ฟ ให้เข้ามาจัดกิจกรรมการแข่งขันในสนามกอล์ฟแห่งนี้อีกด้วย “ต้องบอกเลยว่า ตั้งแต่การจัดงานแถลงข่าว ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นโครงการ ทำให้วันนี้ มีพาร์ทเนอร์ และพันธมิตรทางธุรกิจเข้าร่วมโครงการแล้วหลายธุรกิจ ซึ่งโครงการนี้ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นระยะเวลาถึง 2 ปีเต็ม ซึ่งไม่เพียงกระตุ้นกีฬากอล์ฟระดับจังหวัด เท่านั้น แต่ยังจะทำให้จังหวัดเชียงใหม่ กลายเป็นจุดมุ่งหมายหลัก ในการเดินทางของนักกอล์ฟ ทั่วประเทศไทย และนานาชาติ ที่เราจะเรียกว่า SGV Golf Course Destination อีกด้วย” 

สร้างรายได้ให้ชุมชน

ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ซัมมิท กรีน วัลเลย์ เชียงใหม่ คันทรีย์ คลับ ยังตอกย้ำอีกด้วยว่า วันนี้ ธุรกิจสนามกอล์ฟ ได้มีการปรับตัวอีกหลายอย่าง เพื่อให้เกิดประโยชน์ และสร้างรายได้ให้มากที่สุด ทั้งการใช้สถานที่จัดงานเลี้ยง งานแต่งงาน รวมไปถึงการจัดประชุมสัมมนา “เพราะสนามกอล์ฟ ของเรา มีศักยภาพสูง และมีความพร้อม ทั้งในเรื่องของ บุคลากร และความพร้อมของอาหาร สำหรับการจัดเลี้ยง และทั้งหมดนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์กับชุมชน ทั้งที่อยู่โดยรอบสนามกอล์ฟ และชุมชนต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้ ไปพร้อมๆ กับการสร้างอาชีพ ให้กับทุกคน ได้มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี และเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างมีความสุขต่อไป” ถือเป็นอีกหนึ่งสนามกอล์ฟ ที่ไม่เพียงผลักดัน ให้การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ทว่า ยังช่วยสร้างการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจระดับชุมชน ที่จะก่อให้เกิดความแข็งแกร่งในชุมชน พร้อมๆ กับรายได้ ที่มั่นคงตลอดไป