Digiqole ad

ผู้ป่วยมะเร็งตับวอนภาครัฐขยายสิทธิประโยชน์ด้านยา

 ผู้ป่วยมะเร็งตับวอนภาครัฐขยายสิทธิประโยชน์ด้านยา
Social sharing

Digiqole ad

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมพิทักษ์สิทธิข้าราชการ (ORWA) ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านมะเร็ง โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี, มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง (TCS), มูลนิธิมิตรภาพบำบัด และมูลนิธิรักษ์ตับ ร่วมกันจัดงานเสวนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่อง “การรักษาโรคมะเร็งตับด้วยยานวัตกรรม” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือ แลกเปลี่ยนข้อเท็จจริง และรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อแสวงหาแนวทางปรับปรุงสิทธิเบิกจ่ายยารักษามะเร็งตับให้เป็นปัจจุบันและเทียบเท่ามาตรฐานระดับสากล ซึ่งจะช่วยขยายโอกาสการเข้าถึงการรักษาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น

มะเร็งตับ ถือได้ว่าเป็นความท้าทายด้านสุขภาพอันดับ 1 ของประเทศ ด้วยอุบัติการณ์และอัตราการเสียชีวิตที่สูงและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีอีกด้วย เฉพาะปี พ.ศ. 2563 เพียงปีเดียว สถิติจากองค์การอนามัยโลก (WHO)เผยว่าพบผู้ป่วยโรคมะเร็งตับรายใหม่จำนวนมากถึง 27,394 ราย และโรคนี้คร่าชีวิตคนไทยไปถึง 26,704 ราย โดยผู้ป่วยมะเร็งตับส่วนใหญ่เป็นเพศชาย และมักตรวจพบในช่วงอายุระหว่าง 41-50 ปี[2] ดังนั้น ความเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากมะเร็งตับจึงก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อทรัพยากรบุคคล อันเป็นกำลังสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาซึ่งมีมูลค่าค่อนข้างสูงยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างความกังวลให้แก่ผู้ป่วยและครอบครัว จนทำให้ผู้ป่วยบางรายไม่อาจเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้

ภายในงานเสวนายังมีผู้ป่วยมะเร็งตับชนิด Hepatocellular Carcinoma ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในไทย มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การรักษา โดย ดาบตำรวจรักชาติ เรือนคำ ผู้ป่วยมะเร็งตับ ระยะลุกลามซึ่งไม่สามารถผ่าตัดได้ เล่าว่า “ตอนแรกแพทย์พิจารณาจ่ายยามุ่งเป้าภายใต้โครงการเบิกจ่ายตรง (OCPA) ให้ แต่ทว่าเมื่อติดตามผลการรักษาไปสักระยะหนึ่ง กลับพบว่าเซลล์มะเร็งลุกลามเพิ่มขึ้น ผมได้รับคำแนะนำว่าให้ใช้นวัตกรรมการรักษาด้วยยากลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัดร่วมกับยาต้านการสร้างหลอดเลือด แต่การที่ยากลุ่มดังกล่าวไม่สามารถเบิกจ่ายได้ตามสิทธิข้าราชการ ทำให้ผมและครอบครัวแบกรับภาระค่าใช้จ่ายซึ่งมีราคาแพงไม่ไหว ในที่สุดจึงตัดสินใจรับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดแทน และต้องเผชิญกับผลข้างเคียงค่อนข้างมาก เช่น อาการชาตามร่างกาย และอาการมีนจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในชีวิตประจำวัน ส่วนในช่วงพักการให้ยาเคมีบำบัด ก็รู้สึกจุกแน่นบริเวณหน้าอก ดังนั้น ผมอยากขอร้องให้ทางกรมบัญชีกลางขยายตัวยาบางอย่างให้สามารถเบิกจ่ายได้”

ขณะที่ นายอิทธิเชษฐ์ วงศ์เพ็ชร ผู้ป่วยมะเร็งตับอีกท่านหนึ่ง ที่มีโอกาสร่วมงานเสวนาเพื่อสะท้อนถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมของการเข้าถึงยาที่จำเป็น เนื่องจากต้องยอมจ่ายค่ายานวัตกรรมซึ่งไม่อยู่ในสิทธิบัตรทองด้วยตนเอง กล่าวว่า “เมื่อรักษาไปตามขั้นตอน ประมาณเข็ม 2 เข็ม 3 อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่แทบลุกไม่ไหว ก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป ผมอยากเห็นกองทุนบัตรทองช่วยเหลือประชาชนได้มากกว่านี้ ประเทศไทยยังผู้ป่วยที่ไม่แบกรับภาระค่ารักษาไม่ไหวอยู่อีกมาก”

Facebook Comments


Social sharing

Related post