Digiqole ad

‘ประพัทธ์’ ธุรกิจแว่นตา โตไม่หยุดในยุคดิจิทัล 

 ‘ประพัทธ์’ ธุรกิจแว่นตา โตไม่หยุดในยุคดิจิทัล 
Social sharing

Digiqole ad

อาจบอกได้ว่า เป็นหนึ่งในธุรกิจ ที่ไม่เพียงจะไม่ได้รับผลกระทบ จากภาวะเศรษฐกิจ อันเนื่องจากสถานการณ์โควิด เท่านั้น แต่ยังเรียกว่า มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มมากขึ้น ในช่วง่โลกทั้งใบก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล อีกด้วย สำหรับธุรกิจแว่นตา ที่เวลานี้ มีการเติบโตอย่างมาก 

ประพันธ์ ผดุงเกียรติสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อายลิ้งค์ วิชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายแว่นตาชั้นนำระดับโลกกว่า 20 แบรนด์ รวมถึงแบรนด์ “ic! berlin” กล่าวว่า บริษัท อายลิ้งค์ วิชั่น ยังคงมุ่งเน้นแว่นตาแนวฟังก์ชั่นนอลเป็นอันดับ 1 “เพราะเรามีความเชี่ยวชาญในการจัดจำหน่ายในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี และได้รับลิขสิทธิ์ในการจำหน่ายแว่นตาฟังก์ชั่นนอลมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศด้วย ฉะนั้นจากประสบการณ์ที่ยาวนานของบริษัทฯ และจำนวนแบรนด์ที่บริษัทฯ ได้นำเข้าและจัดจำหน่าย ทำให้สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดแว่นตาฟังก์ชั่นนอลในประเทศไทยเกิน 80% ของตลาดรวม โดยเมื่อสิ้นปี 2566 เรามียอดจำหน่ายของบริษัท อายลิ้งค์ วิชั่น เติบโต 10% จากปีก่อนหน้า สามารถที่ปิดยอดรายได้ 350 ล้านบาท และตั้งเป้าสิ้นปี 2567 เราจะสร้างยอดรายได้ทะลุ 500 ล้านบาท 

ตลาดแว่นตาพรีเมี่ยม ในประเทศไทยถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่คนไทย ก็เป็นคนชอบสินค้าที่มีความแปลกแหวกแนว และคนไทย ก็เป็นคนที่รับแก็ตเจ็ตใหม่ๆ ได้ง่ายที่ดสุดในอาเซียนนั่นจึงเป็นสิ่งที่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อายลิ้งค์ วิชั่น  ตอกย้ำว่า จึงทำให้แบรนด์แว่นตาดังๆ ที่เป็นระดับท็อปเท็นของโลก ให้ความสนใจกับตลาดธุรกิจแว่นตาในประเทศไทย

เทรนด์การใช้แว่นตาของคนไทย 

เมื่อพูดถึงตลาดแว่นตา ระดับพรีเมี่ยม กรรมการผู้จัดการฯ กล่าวว่า มีอยู่ 2 กลุ่มหลักๆ “ 2 กลุ่มหลักที่ว่าก็คือ ลูกค้าที่เป็น ผู้หญิง และ กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ชาย ซึ่งผู้หญิง ก็จะนิยมสินค้าแฟชั่น มีแบรนด์ มีโลโก้ และมีดีไซน์สวยงาม ขณะที่ ผู้ชาย ไม่ได้เป็นกลุ่มที่กังวลในเรื่องของแบรนด์มากนัก แต่เน้นเรื่องของการใช้งานเป็นหลักมากกว่า เช่น น้ำหนักของแว่นตา ต้องเบา แต่ต้องมีความแข็งแรง และมีความทนทาน รวมถึงต้องมีความคุ้มค่า และมีความโมเดิร์น และไลฟ์สไตล์ที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ซึ่ง ic! berlin ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์แว่นตา ที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความนิยม 

จากข้อมูลพบว่า การเปลี่ยนแว่นตาของคนไทยวันนี้ ถัวเฉลี่ยอยู่ที่ครั้งละ  2-3 ปี ส่วนกลุ่มแว่นตาประเภทแว่นกันแดด จะมีการเปลี่ยนเร็วขึ้นมาอยู่ที่ 2 ปีต่อครั้ง แต่หากเป็นการเปลี่ยนเฉพาะเล่นส์แว่นตา ก็จะอยู่ที่ ปีละ 1 ครั้ง ซึ่งสืบเนื่องมาจากค่าสายตาของแต่ละคน จะมีการเปลี่ยนแปลงในทุกปี 

ตลาดแว่นตายุคดิจิทัลบูม 

หากถามว่า ตลาดแว่นตา ในประเทศไทยวันนี้ มีแนวโน้มเป็นอย่างไร กรรมการผู้จัดการ ฯ กล่าวว่า ตลาดแว่นตาในประเทศไทยวันนี้ มีแนวโน้มโตขึ้นมาก โดยเฉพาะ ในตลาดล่าง หรือตลาดแว่นตา ที่มีราคาไม่สูงมากนักเหตุผลที่ทำให้ตลาดในส่วนนี้ เติบโตอย่างรวดเร็ว ก็เพราะ ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมีการใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ การใช้สมาร์ทโฟน หรือ คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะ กลุ่มเด็ก จนถึงวัยรุ่น ที่เริ่มมีปัญหาเรื่องสายตามากขึ้น จากพฤติกรรมการนอนดูโทรศัพท์มือถือ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับปัญหาที่เกิดจากการดูทีวีแล้ว ปัญหาสายตาที่เกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือ มีเยอะกว่า และมีโอกาสที่ทำให้เด็กสายตาสั้นเร็วกว่า การดูทีวี 

กรรมการผู้จัดการ ฯ ยังเล่าต่อด้วยว่า เมื่อผู้ปกครอง หรือ พ่อแม่ เห็นว่าลูกของตัวเองเริ่มมีปัญหาสายตา การเลือกตัดแว่น และซื้อกรอบแว่นตา จึงนิยมชนิดที่ไม่แพง เพราะมองว่า ค่าสายตาของเด็กน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในทุกปี เลยซื้อของถูกไว้ก่อน ในราคาพันกว่าบาท หรือ สองพันกว่าบาท ไม่เกินนี้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตลาดแว่นตาในระดับล่าง มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการในธุรกิจแว่นตาหลายราย ก็เริ่มหันไปเล่นในตลาดล่างมากขึ้น 

กลยุทธ์ แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ 

จากแนวโน้มของธุรกิจตลาดที่เติบโตขึ้นในปีที่ผ่านมา กรรมการผู้จัดการ อายลิ้งค์ ยังได้กล่าวถึงกลยุทธ์ การทำตลาดด้วยว่า แผนการทำตลาดในปี 2567 ทางบริษัท ยังคงใช้กลยุทธ์แบรนด์แอมบาสเดอร์ มาร์เก็ตติ้งแบบต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดแว่นตาของ ic! Berlin  แบรนด์แอมบาสเดอร์ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทของเราประสบความสำเร็จในการทำตลาด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สร้างยอดขาย และสร้างการรับรู้ของแบรนด์ในวงกว้างมากขึ้น ขณะที่ประเทศไทยของเราเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกของ ที่มีการใช้โลคอลแบรนด์แอมบาสเดอร์ และเรียกว่า ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด 

ผมเชื่อว่าการใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ ยังได้ผลดีในการทำตลาด และสร้างยอดขาย เพราะถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคมาก เช่น หมากปริญ สุภารัตน์ แว่นตาทุกแบบที่ใส่ จะถูกเรียกว่ารุ่น หมากปริญกรรมการผู้จัดการฯ กล่าว พร้อมกับบอกอีกด้วยว่าในปี 2567 นี้ ทางบริษัทคาดว่าจะใช้งบในการทำตลาดไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อ โดยกำลังมองหาแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ เพื่อผลักดันให้ยอดขาย และรายได้ของสิ้นปี 2567 ของบริษัทอายลิ้งค์ วิชั่น ให้มีมากกว่า 200 ล้านบาท รวมถึงมียอดจำหน่ายแว่นตาไม่น้อยกว่า 20,000 อัน ซึ่งจะทำให้เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่คาดว่าจะปิดยอดรายได้ของ ic! berlin ที่ 200 ล้านบาท มียอดขายแว่นตา 18,500 อัน 

กระนั้นก็ตาม กรรมการผู้จัดการฯ ยังตอกย้ำด้วยว่า วันนี้ บริษัท อายลิ้งค์ วิชั่น จำกัด ยังกล่าวด้วยว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นการทำตลาด แว่นตาแนวฟังก์ชั่นนอลให้คงอันดับ 1 ต่อไป เพราะทางบริษัท มีความเชี่ยวชาญในการจัดจำหน่ายแว่นตา ในประเทศไทย มานานกว่า 20 ปี ขณะที่ประเทศไทย ถือเป็นตลาดแว่นตาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย 

Facebook Comments


Social sharing

Related post