Digiqole ad

บลจ.ลีฟแคปปิตอล ร่วมกับ บ.ดีพสโคป สร้างนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนแบบ Auto Pilot “No man is better than a machine, and No machine is better than a man with a machine.”

 บลจ.ลีฟแคปปิตอล ร่วมกับ บ.ดีพสโคป สร้างนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนแบบ Auto Pilot “No man is better than a machine, and No machine is better than a man with a machine.”
Social sharing
Digiqole ad

ปัจจุบันในยุคข่าวสาร และสภาวะการลงทุน ส่งผลกระทบถึงกันทั่วโลกในเสี้ยววินาที ผันผวน เคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงตลอดทุกชั่วโมง แม้ยามหลับ การบริหารการลงทุน ติดตามสถานการณ์ งบการเงิน และปรับตัวให้ทันสมัย ทันเหตุการณ์ พร้อมรับมือสภาวะต่าง ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญ เครื่องมือลงทุนที่ดีจะช่วยทุ่นแรง ลดระยะเวลา ขยายขอบเขตการค้นหา ซึ่งล้วนส่งผลต่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนอย่างมาก เทคโนโลยีของ บ.ดีพสโคป (Deepscope) นี้เองได้ถูกนำมาใช้สนับสนุนทีมงานบริหารการลงทุนมืออาชีพ ให้สามารถปรับวิธีการวิเคราะห์ คัดเลือกให้เข้ากับทุกสภาวะของตลาดแบบอัตโนมัติ

บลจ.ลีฟแคปปิตอล (Lief Capital) ผู้ให้บริการกองทุนส่วนบุคคล ออกแบบบริการ ภายใต้แนวคิด “At Lief, we talk

about life” เน้นให้ลูกค้าเพียงกำหนดเป้าหมายผ่านการวางแผนการเงิน (Goal Based Investing) บลจ. ลีฟแคปปิตอลจะจัดการในส่วนที่เหลือให้แบบ One Stop Service ด้วยทีมงานมืออาชีพ โดย คุณ พงษ์ธร ถาวรธนากุล, CFA ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง บลจ.ลีฟแคปปิตอล หลังจากผ่านประสบการณ์ในอุตสาหกรรมจัดการการลงทุนกว่า 10 ปี ตกตะกอนเป็นแนวทางการลงทุนโดยเสนอแนวคิดว่า

“ผมกับคุณธานินทร์ มีโอกาสร่วมงานกันมาในหลายวาระตลอดช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมา เราเห็นตรงกันว่า การวิเคราะห์การลงทุนนั้นมี 2 ส่วนสำคัญ คือ 1.การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ (Qualitative Analysis) การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน งบการเงิน ข่าวสาร มองไปในสภาวะการลงทุน คาดการณ์ ปัจจัยแนวโน้มข้างหน้า และ 2. ส่วนการวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) การคำนวณข้อมูลเชิง สถิติ ความน่าจะเป็น แนวโน้มการเปลี่ยนแปลง ซึ่งในส่วนแรก “คน” หรือผู้จัดการกองทุนมีบทบาทค่อนข้างมากเนื่องจากการ “มองไปข้างหน้า” ต้องสังเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดเพื่อออกแบบพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับการเติบโตในอนาคต ในขณะที่ส่วนที่ 2 ผมมองว่านวัตกรรมเริ่มเข้ามามีบทบาทและทำหน้าที่ในบางส่วนได้ดี ละเอียดแม่นยำและรวดเร็วกว่าคน โดยเฉพาะการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล เช่น งบการเงินของบริษัททั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งหากมีเครื่องมือที่ดี เข้ามาช่วยเสริม เชื่อว่าจะทำให้การตัดสินใจ คัดเลือกหุ้น ของผู้จัดการกองทุน ทำได้ดี สมบูรณ์ยิ่งขึ้น”

และ บ.ดีพสโคป ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการลงทุนภายใต้แนวคิด “New era of wealth, driven by AI” ที่เน้นการนำเทคโนโลยี AI & Machine Learning เข้ามาเป็นตัวช่วยในการลงทุน โดยมองว่าเทคโนโลยี AI นี้จะช่วยทุ่นแรงในการวิเคราะห์ ลดความผิดพลาดในส่วนที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ และขยายโอกาสในการพบเจอผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆที่หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยรู้จัก

โดย คุณ ธานินทร์ แซมมณี ผู้บริหารของ บ.ดีพสโคป ได้กล่าวว่า “เราพบว่า ปัญหาสำคัญของนักลงทุนรวมไปถึงทีมงานบริหารจัดการการลงทุนในประเทศต่างๆ คือ ข้อมูลการวิเคราะห์มหาศาลที่มีมากขึ้นเรื่อยๆทุกวัน ซ้ำยังต้องดูย้อนหลังไปอีกหลายปีเพื่อประกอบการตัดสินใจ เราได้พบว่า เราไม่อาจจะกล่าวโทษมนุษย์ในเรื่องของความไม่มีเวลา หรือไม่มีวินัยในการติดตามข้อมูลเหล่านี้ได้ทั้งหมด เนื่องจากจริงๆแล้วแม้แต่กับผู้เชี่ยวชาญบางส่วน ก็ยังไม่สามารถบริหารโอกาสการลงทุนที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ได้อย่างทั่วถึง ทำได้เพียง โฟกัสเน้นเป็นบางกลุ่มของหุ้นหรืออุตสาหกรรมที่ถนัด ทีมงาน Deepscope จึงพัฒนาเครื่องมือ AI ช่วยประมวลผลชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ขึ้นมา โดยทุก Algorithm จะผ่านการทดสอบด้วยความระมัดระวัง (Conservative) ตามมาตรฐานของการบริหารและจัดการกองทุนร่วมกับทีมผู้จัดการกองทุน และเราจะพยายามทำให้ solution ของเราและพาร์ทเนอร์มีประโยชน์กับทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็น first jobbers, นักลงทุนรายใหญ่ หรือ ผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้ทุกคนได้เริ่มมีความสุขกับชีวิต หรืออย่างน้อยก็กังวลน้อยลง ตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ต้องรอไปจนหลังเกษียณ”

คุณ ธานินทร์ เสริมด้วยว่า “ฟีเจอร์สำคัญของเทคโนโลยี AI ที่เราใช้เรียกว่า Genetic Algorithm ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งในการสร้าง Machine Learning มาทำให้ตัวสมองของเครื่องมือสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้เองจากข้อมูลใหม่ๆที่เข้ามาทุกวัน และพัฒนา อัพเกรดตัวเองได้เมื่อสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจหรือการลงทุนในตลาดนั้นๆเปลี่ยนแปลงไป เปรียบดังเช่นทฤษฎีการเอาตัวรอดของชาร์ล ดาร์วิน ถ้าในทางการเงินก็ให้ลองจินตนาการว่า เมื่อ 10 ปีก่อน เรามองว่าหุ้นที่มีหนี้สูงค่อนข้างจะเสี่ยงมาก แต่พอมาตอนนี้บางบริษัทที่มีหนี้สูงกลับมีความสามารถในการนำหนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์และสร้างกำไรให้บริษัทได้ดียิ่งกว่าเดิม ซึ่งการใช้ AI เข้ามาจะช่วยให้มีความคล่องตัว สามารถปรับกระบวนการคิดได้อย่างสอดคล้อง เหมาะสม จากการทดสอบกับข้อมูลมากมายที่เปลี่ยนไปวันต่อวัน ซึ่งอาจจะทั่วถึง ถูกต้องแม่นยำและรวดเร็วกว่ามนุษย์ทำเองอย่างมีนัยสำคัญ”

ดังวลีที่มีความหมายลึกซึ้ง ของ Paul Tudor Jones มหาเศรษฐีและผู้จัดการกองทุนชื่อดัง ชาวสหรัฐ กล่าวไว้ว่า “No man is better than a machine, and No machine is better than a man with a machine.”

ซึ่งความเชื่อนี้ได้กลายมาเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสองบริษัท ผ่านการออกแบบและพัฒนากลยุทธ์การลงทุนกองทุนส่วนบุคคลรูปแบบใหม่ที่ชื่อว่า Lief Selective Fund ที่นำเทคโนโลยีจากดีพสโคป มาเป็นเครื่องมือสนับสนุน ประมวลผลงบการเงินของทุกบริษัทในตลาด ฯ คัดกรองหากลุ่มบริษัทที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ “พื้นฐานดี” ที่กำหนดโดยฝ่ายจัดการลงทุนของ บลจ.ลีฟแคปปิตอล ก่อนที่จะผ่านไปสู่การคัดเลือกเชิงคุณภาพขั้นสุดท้าย โดยผู้จัดการกองทุนผู้มีประสบการณ์ เรียกได้ว่า ต้องผ่านการคัดแล้ว คัดอีก จนแน่ใจในคุณภาพ ก่อนลงทุนทุกตัว

ซึ่งหลังจากเริ่มลงทุนในแต่ละไตรมาส ทางทีมผู้จัดการกองทุนจะเฝ้าติดตามสถานการณ์ที่อาจเข้ามากระทบต่อพื้นฐานของหลักทรัพย์ รวมถึงมีขั้นตอนการบริหารความเสี่ยงให้กับลูกค้านักลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน Lief Selective Fund ลงทุนในหุ้นไทย 100% ในลักษณะซื้อและถือลงทุน (Buy & Hold) กระจายความเสี่ยงแบบสัดส่วนเท่ากัน (Equal Weighting) โดยมีให้เลือกทั้งแบบ เสี่ยงกลาง (Balance -กระจายลงทุน 25 บริษัท) และ เสี่ยงสูง (Growth – กระจายลงทุน 10 บริษัท) ปรับพอร์ตทุกรอบการประกาศงบการเงิน (ประมาณ 3 เดือน) เริ่มต้นลงทุนที่ 3 ล้านบาท

เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง รับการขาดทุนได้ ต้องการลงทุนระยะยาวในหุ้นไทย (3 – 5 ปี) และต้องการให้ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ จัดการให้แบบ Auto Pilot เพื่อผลตอบแทน เติบโตได้ในอนาคต

คุณ พงษ์ธร กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือนี้เป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาลกลยุทธ์การลงทุนที่ บลจ.ลีฟแคปปิตอล จะพัฒนาและทยอยนำเสนอต่อไป โดยปัจจุบันบริษัทได้จัดตั้ง Lief Investment Lab ที่รวมผู้เชี่ยวชาญและพาร์ทเนอร์ด้านการลงทุน ในสาขาต่าง ๆ เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์สภาวะการลงทุนในอนาคตให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยยังยึดหลัก ผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นสำคัญ”

“เห็นเครื่องมือไหนดี หรือสินทรัพย์ไหนน่าลงทุน เราจะคัดสรร พัฒนา ประยุกต์ใช้ ตามความเหมาะสม เราเป็นคนทำของ ก็อยากทำให้ดีสุด เพราะฉะนั้นวางใจได้ครับ”

ติดตามความเคลื่อนไหวของ Lief Capital Asset Management ได้ที่ Line : @Liefcapital  หรือดูข้อมูลกองทุนของเราเพิ่มเติมได้ที่ https://liefcapital.com/lief-fund/

หากท่านสนใจสามารถพูดคุยกับเราได้ที่ : https://liefcapital.com/lief-capital-x-deep-scope-form/

*ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน*

Cr. ขอขอบคุณ The pattern cafe ที่อนุญาตให้ใช้สถานที่สวยงาม และบรรยากาศดีสำหรับถ่ายทำภาพหัวข่าวนี้

 

Facebook Comments

Related post