Digiqole ad

นายก ฯ พบ 5 เอกชนญี่ปุ่น หารือโอกาสลงทุนในไทยรอบด้าน ทั้งด้านเกษตรกรรม พลังงาน เทคโนโลยี และสถาบันการเงิน

 นายก ฯ พบ 5 เอกชนญี่ปุ่น หารือโอกาสลงทุนในไทยรอบด้าน ทั้งด้านเกษตรกรรม พลังงาน เทคโนโลยี และสถาบันการเงิน
Social sharing

Digiqole ad
วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ณ ห้อง Sky Room ชั้น 24 โรงแรม The Peninsula Tokyo ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าพบและหารือ 5 บริษัทเอกชนในญี่ปุ่น ได้แก่ บริษัท Mitsui บริษัท Ajinomoto บริษัท Sony Group Corporation บริษัท Nidec Corporation และบริษัท MUFG & Softbank เพื่อหาแนวทางส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย
.
เวลา 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว) นายกรัฐมนตรี พบหารือกับผู้บริหารบริษัท Mitsui & Co., Ltd. บริษัทการค้าระดับโลก ดำเนินธุรกิจหลักในด้านพลังงาน ทรัพยากรแร่และโลหะ เหล็ก เป็นต้น ติดอันดับ 1 ใน 5 ของญี่ปุ่น มีสำนักงาน 125 แห่งใน 61 ประเทศทั่วโลก ในโอกาสนี้ บริษัทได้รายงานความคืบหน้าการศึกษาโอกาสการลงทุนของบริษัท ภายหลังพบนายกรัฐมนตรีในงาน Roadshow to Japan เมื่อเดือนธันวาคม 2566 รวมถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนต่อไปในอนาคต
.
โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่าพลังงานสะอาดมีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วน ทั้งยังเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ โดยรัฐบาลกำลังดำเนินการปรับปรุงแผนพลังงานแห่งชาติให้สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้พลังงานของโลก อำนวยความสะดวกให้บริษัทฯ ที่สนใจลงทุนในไทย และรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสนับสนุนให้บริษัทเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ทั้งในเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์การเกษตรในการทำน้ำมันเพื่อการประกอบอาหาร และพลังงานเชื้อเพลิง
.
เวลา 14.25 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว) นายกรัฐมนตรี พบหารือกับผู้บริหารบริษัท Ajinomoto Co., Inc. บริษัทผู้ผลิตเครื่องปรุงรสและอาหาร อาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอื่น ๆ โดยมีบริษัทในเครือ 135 แห่ง ตั้งอยู่ใน 36 ประเทศทั่วโลก และมีโรงงานผลิต 117 แห่งใน 24 ประเทศทั่วโลก โดยบริษัทมีการดำเนินธุรกิจผงชูรส โรงงานผงปรุงรสอาหารในจังหวัดกำแพงเพชร สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ ปทุมธานี และมีสํานักงานภูมิภาคในกรุงเทพฯ
.
นายกรัฐมนตรียินดีที่บริษัทมีการดำเนินธุรกิจและจัดตั้งโรงงานในไทยเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการผลักดันโครงการดี ๆ ชื่อ Thai Farmer Better Life Partner Project ซึ่งการดำเนินการของบริษัทฯ ทำให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จนผลประกอบในไทยถือว่าสูงที่สุด ซึ่งเป็นหนึ่งโครงการที่สนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าจะเป็นพื้นฐานสนับสนุนไทยไปสู่การเป็น Agriculture and Food Hub อย่างยั่งยืน
.
เวลา 15.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว) นายกรัฐมนตรี พบหารือกับผู้บริหารบริษัท Sony Group Corporation บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลก โดยบริษัทมีฐานการผลิตในต่างประเทศ ได้แก่ ไทย เกาหลีใต้ มาเลเซีย จีน และ สหราชอาณาจักร โดยได้พูดคุยหารือเกี่ยวกับการเปิดโรงงานที่ 4 ภายใต้บริษัท Sony Device Technology (Thailand) ที่สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จังหวัดปทุมธานี
.
บริษัทเชื่อมั่นในศักยภาพของไทย และมีแนวโน้มการขยายการลงทุนในอนาคต เนื่องจากบทบาทของ AI Technology ที่ทำให้ความต้องการใช้งาน Data Center เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณที่เลือกไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้า high-tech พร้อมหวังว่า บริษัทจะพิจารณาไทยเป็นลำดับต้น ๆ ในการขยายการลงทุนเพื่อรองรับความต้องการ AI Technology และการเติบโตของ EV อย่างต่อเนื่อง
.
15.50 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว) นายกรัฐมนตรี พบหารือกับผู้บริหารบริษัท Nidec Corporation บริษัทพัฒนา ผลิต และจำหน่ายอุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ในครัวเรือน มีประสบการณ์ในการพัฒนามอเตอร์มา 50 ปี มีบริษัทในเครือ 300 แห่ง มีการดำเนินธุรกิจในอาเซียน ทั้งในไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา และสิงคโปร์ ซึ่งมีการดำเนินธุรกิจในไทยมายาวนานกว่า 35 ปี รวมถึงมีแผนการขยายการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต โดยจะเน้นการลงทุนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการใช้งาน AI Technology
.
โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลสนับสนุนการขยายการลงทุนผลิตสินค้าที่ใช้ในเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งจะมีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสินค้าส่งออกของไทยให้เป็นสินค้า high-tech ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนั้น ขอให้บริษัทพิจารณาขยายการลงทุนชิ้นส่วนสำหรับ EV ในไทย ซึ่งแนวโน้มตลาดในประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังหารือถึงแผนการด้านการพัฒนาบุคลากรของบริษัทฯ โดยบริษัทแจ้งว่าให้ความสำคัญในการจ้างงานคนไทย หัวหน้าโรงงาน และผู้บริหารที่ทำงานในโรงงานที่เมืองไทยจำนวนมากเป็นคนไทย อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในไทยที่ประสงค์มีความร่วมมือด้านโครงการรับนักศึกษาเข้ามาฝึกงาน (Internship)
.
เวลา 15.25 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว) นายกรัฐมนตรี พบหารือกับผู้บริหารบริษัท MUFG & Softbank สถาบันทางการเงินชั้นนำและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
.
MUFG Bank, Ltd. เป็นธนาคารใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีสินค้าและบริการทางการเงินที่ครอบคลุมทั้งในด้านธุรกิจและการลงทุนให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ภาครัฐ และลูกค้ารายย่อยทั่วโลก มีสาขาในประเทศ 421 สาขา และสาขาต่างประเทศ 105 สาขา ครอบคลุม 40 ประเทศทั่วโลก
.
SoftBank Group Corp. เป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีและโทรคมนาคมของญี่ปุ่น โดยมีการลงทุนในระดับโลก ทั้ง Mobile/Fixed-line communications, Social media, Cashless payment/Finance, Online media, E-commerce ในหลากหลายตลาดทั้งในและต่างประเทศ บริษัทและบริษัทในเครือมีการลงทุนทั่วโลกจำนวน 38 โครงการ ใน 10 ประเทศ
.
บริษัท MUFG & Softbank พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ผ่านการทำงานร่วมกับทีมนายกรัฐมนตรี และ BOI เพื่อดึงดูดนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่กำลังพิจารณาย้ายฐานการผลิต เพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยจะมีการจัดสัมมนา Thailand-Japan Investment Forum เพื่ออัปเดตกลไกที่ภาครัฐได้มีการปรับปรุงเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ จะมีการจัด Roundtable Meeting และการตั้งบูธของ BOI เพื่อให้บริการคำปรึกษา โดยกิจกรรมดังกล่าวจะจัดในวันที่ 20 – 21 มิถุนายน 2567 ณ โอซาก้าและโตเกียว คาดว่าจะมีนักลงทุนญี่ปุ่นเข้าร่วมงานประมาณ 600 คน
.
นายกรัฐมนตรีสอบถามเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และย้ำสถานะความเป็นกลางของไทย ซึ่งเป็นพื้นที่การลงทุนที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาศูนย์การผลิตเพื่อส่งออกไปทั่วโลก รวมทั้งไทยมี Free Visa รองรับนักลงทุนญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Start up และ SMEs
ที่มา : เพจพรรคเพื่อไทย
Facebook Comments


Social sharing

Related post