Digiqole ad

     นับถอยหลังวันเลือกตั้ง “ดร.ปรีชา ไข่แก้ว” หัวหน้าพรรคมิติใหม่ ลุยหาเสียง หวัง 33 ปี ในเพศบรรพชิตแห่งโลกธรรรมจะช่วยเยียวยาสังคมไทยให้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ

      นับถอยหลังวันเลือกตั้ง “ดร.ปรีชา ไข่แก้ว” หัวหน้าพรรคมิติใหม่ ลุยหาเสียง หวัง 33 ปี ในเพศบรรพชิตแห่งโลกธรรรมจะช่วยเยียวยาสังคมไทยให้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ
Social sharing
Digiqole ad

             เริ่มนับถอยหลังกันแล้วสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 หนึ่งในผู้สมัครที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวนั่นคือ “ดร.ปรีชา ไข่ไก่” หัวหน้าพรรคมิติใหม่

33 ปี แห่งโลกธรรม

        ดร.ปรีชา ในวัย 61 ปี ซึ่งเป็นชาวพิจิตรโดยกำเนิด ที่บ้านเป็นคนรากหญ้า ทำให้ในวัยเด็กได้เห็นพ่อแม่ทำไร่ทำนามาโดยตลอด ซึ่งได้มีโอกาสเรียนที่โรงเรียนราษฎร์บำรุง จังหวัดพิจิตร กระทั่งสำเร็จในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีที่ 6 หลังจากนั้นได้สำเร็จการศึกษาปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) สาขาพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐมและปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พธ.ม.) สาขาการจัดการเชิงพุทธ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เช่นกัน ซึ่งขณะศึกษาในระดับปริยญาตรีและปริญญาโท ได้อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ และใช้ชีวิตในโลกธรรมมานานถึง 33 พรรษา กระทั่งได้ดำรงตำแหน่ง “เจ้าอาวาสวัดเขาอิติสุคโต” จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ระหว่างนั้นได้มีโอกาสอบรมด้านคุณธรรมและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนด้านการศึกษา เพราะมองเห็นว่า หนึ่งในการให้ที่ดีที่สุดคือ “การศึกษา” เป็นการให้ความรู้ ที่จะติดตัวเราไปจนกระทั่งวันตาย อีกทั้งความรู้เป็นประตูสู่ปัญญา ที่นำไปใช้สร้างสรรค์สังคมและประเทศชาติให้น่าอยู่ให้เจริญก้าวหน้า พร้อมกับปลูกฝังให้บรรดาเหล่าอนาคตของชาติได้เข้ารับราชการทั้งหมด ซึ่งเปี่ยมด้วยคุณธรรม จริยธรรม

ดร.ปรีชา กล่าวว่า การเป็นคนดีนั้น ควรจะต้องนำความรู้ความสามารถที่นอกจากพัฒนาตนเองแล้ว ความจะต้องนำไปพัฒนาชาติบ้านเมืองอีกด้วย ยิ่งการได้เป็นข้าราชการถือว่าเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจของชีวิตและคือสุดยอดของการได้เกิดเป็นมนุษย์ ไม่เสียชาติเกิด ข้าราชการคือ การได้เป็นข้ารับใช้แผ่นดิน ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานแก่ข้าราชการพลเรือน เนื่องในโอกาสวันข้าราชการพลเรือน ปีพุทธศักราช 2550 ความว่า

           “…งานของแผ่นดินนั้น เป็นงานส่วนรวม มีผลเกี่ยวเนื่องถึงความเจริญขึ้น หรือเสื่อมลงของบ้านเมืองและสุขทุกข์ของประชาชนทุกคน ข้าราชการผู้ปฏิบัติบริหารงานของแผ่นดิน จึงต้องสำนึกตระหนักในความรับผิดชอบที่มีอยู่ และตั้งใจพยายามปฏิบัติหน้าที่โดยเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความเข้มแข็งสุจริต และด้วยปัญญารู้คิดพิจารณา ว่าสิ่งใดเป็นความเจริญ สิ่งใดเป็นความเสื่อม อะไรเป็นสิ่งที่ต้องทำ อะไรเป็นสิ่งที่ต้องละเว้นและกำจัด อย่างชัดเจน ถูก ตรง…”

นอกจากนี้ ดร.ปรีชา ยังได้ช่วยเหลือทางด้านต่าง ๆ อีกมากมาย อาทิ ให้การอุปถัมภ์การศึกษาแก่พระภิกษุสงฆ์จนจบการศึกษา ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดประจำสาขาวัดเขาอิติสุคโต จำนวน 10 สาขา อุปถัมภ์การศึกษาเด็กนักเรียนจนจบการศึกษา สร้างบ้านให้กับผู้ยากไร้ และผู้ประสบอัคคีภัย ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และจ.พิจิตร จำนวน 6 หลัง สร้างและพัฒนาวัดเขาอิติสุคโตเรื่อยมา ใน พ.ศ.2553 วัดเขาอิติสุคโตได้รับการแต่งตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แห่งที่ 23 เป็นต้น

ด้วยความดีที่สั่งสมมาจากการทำงานอุทิศตนเพื่อศาสนาและสังคม  ทำให้ ดร.ปรีชา ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติมากมายจากองค์กรต่าง  ๆ อาทิ รางวัล “คนดีศรีพิจิตร” จากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี รางวัล “ลูกกตัญญู” จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย พระราชทานโดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้รับใบประกาศเกียรติคุณ “ในการอุทิศตนและให้การสนับสนุนช่วยเหลือบริจาคอาหารและสิ่งของแก่ผู้ประสบอุทกภัย” จากรัฐสภา ได้รับรางวัล “เสาเสมาธรรมจักร” ประเภทการส่งเสริมการปฏิบัติธรรม จากกระทรวงวัฒนธรรม รางวัล Thai Award รางวัลแห่งชาติ สาขานักพัฒนาและทำคุณประโยชน์ต่อศาสนาและสังคมดีเด่น /และรางวัลบุคคลแห่งชาติ ปี 2565 สาขาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมดีเด่น ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้ ดร.ปรีชา ได้ฝึกจิตในการเป็นผู้ให้ พร้อมช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการช่วยเหลือ

            สละเพศบรรพชิตสู่ฆราวาสรับใช้ประเทศชาติ

แม้จะเปลี่ยนสถานะจากพระ มาเป็นฆราวาสแล้ว แต่ความมุ่งมั่นทำความดีของท่านอาจารย์ปรีชา ไข่แก้ว ก็ยังไม่เสื่อมคลาย ชีวิตจากการสลัดผ้าเหลือง ก็ยังคงทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการได้รับเชิญให้บรรยายธรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนา การช่วยเหลือผู้ประสบทุกข์ภัยต่างๆ และวันคล้ายวันเกิดวันที่ 28 มกราคม ของท่านทุกปี จะแจกถุงทาน ให้กับผู้ยากไร้ นอกจากนี้ยังอุปถัมภ์เลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เด็กขาดการศึกษา ส่งเสียเรื่องการศึกษาเด็ก มากกว่า 100 คนฯลฯ ขณะเดียวกันได้แบ่งเวลาเข้าศึกษาในระดับปริญญาเอกศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการพัฒนา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กระทั่งสำเร็จการศึกษา

ส่วนสาเหตุที่สละเพศบรรพชิตและได้อาสารับใช้ประชาชนคนรากหญ้า ด้วยการลงสนามการเมืองระกดับประเทศ สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นั้นดร.ปรีชา เปิดใจว่า เมื่อได้ช่วยเหลือไปสักระยะหนึ่งผมคิดว่า การทำที่วัดไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะเราต้องการช่วยเหลือคนรากหญ้าคนยากคนจนให้มากขึ้น จึงคิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้วและเราได้ฝึกเมตตาสร้างความรัก การให้ การไม่อิจฉาริษยา ไม่ชอบความขัดแย้ง ได้สอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดีอย่างมากมาย เราสมควรที่จะไม่ยึดแต่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่แล้ว ซึ่งในอดีตตัวผมถือเป็นเกจิอาจารย์ดัง แต่ก็ลาสิกขาออกมาแล้วก็มาทำงานการเมือง

“ปัญหาการเมืองปัจจุบันคือความขัดแย้ง ซึ่งหากไม่สามารถหลุดพ้นจากความขัดแย้งได้ ก็ยากที่ประเทศจะพัฒนาประเทศ ขณะที่คนข้างบ้านเขาไปไกลกว่าแล้ว ส่วนหนึ่งเนื่องจากผู้ขาดคุณธรรม สิ้นจริยธรรม ไร้ศีลธรรม จึงขาดการช่วยเหลือและเน้นการเอาชนะกันอย่างเดียว ซึ่งเรามองว่าถ้าหากลดความขัดแย้งลงได้ บ้านเมืองก็พัฒนาได้

            เดินหน้าเปิดตัวพรรคมิติใหม่

ภายหลังตัวสินใจลงเล่นการเมืองระดับประเทศแล้ว เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2565 ทดร.ปรีชา ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค โดยใช้ชื่อว่า “พรรคมิติใหม่” โดยกล่าวถึงแรงบันดาลใจในดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมิติใหม่ด้วยว่า ปัญหาของการเมืองประเทศไทย คือการช่วยเหลือแบบเดิม ๆ เวลาหาเสียงก็หาสิ่งต่าง ๆ มาเสนอให้ เพื่อให้ประชาชน คิดว่าเขาจะช่วยเหลือได้ ซึ่งตนที่อายุมากกว่า 60 ปี ยังไม่เห็นความช่วยเหลือไปถึงบ้านผมเลยนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ตนเองมาตั้ง พรรคมิติใหม่ขึ้นมา โดยความหมายของมิติใหม่คือสิ่งใหม่ ๆ จะต้องเกิดกับประชาชนคนรากหญ้า

“ด้วยเหตุนี้จึงได้มีโอกาสไปเปิดตัวพรรคมิติใหม่ที่ภาคเหนือ ตำบลอมก๋อย อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากมีกลุ่มเกษตรกรที่ถูกกดขี่ ซึ่งหลังจากที่ตนเข้าไปก็ถูกต่อว่าทันทีว่า เป็นนักการเมืองจะมาหลอกหรือทำอะไรอย่างไร ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่เคยเป็นนักการเมืองมาก่อนเลย รวมถึงคนในพรรคก็ไม่มีใครเป็นนักการเมืองซักคน แต่พวกเราคือนักการเมืองใหม่ที่มีใจต้องการจะช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง และจากประสบการณ์ตรงที่ครอบครัวเป็นคนรากหญ้าเคยเป็นคนยากคนจนมาก่อน ทำให้ได้เห็นถึงความยากลำบากของพ่อแม่ ปัญหาของชาวไร่ชาวนาที่ถูกกดขี่ ถูกเอารัดเอาปรียบมาอยู่เสมอเลยมีเป้าหมายสำคัญที่อยากจะช่วยเหลือคนจน เกิดเป็นสโลแกนขึ้นมาว่า…ต่อไปนี้คนจนไม่ต้องทำงานเลี้ยงคนรวยอีกต่อไปแล้ว…เป็นมิติใหม่ที่ทำให้เกิดความเสมอภาคกับคนทุกกลุ่ม”

ดร.ปรีชา กล่าวด้วยว่า การบริหารจัดการบ้านเราได้นั้นคนเก่งของบ้านเราเยอะ แต่คนที่มีศีลธรรม คุณธรรม ผมว่าหาได้ยาก เราจะต้องมีความเมตตาต่อมวลหมู่มนุษย์ด้วยกัน ให้เขามีโอกาส ชาวไร่ชาวนาเองเขาก็ไม่ได้ต้องการรวยล้นฟ้าเขาไม่ได้ต้องการมั่งมีศรีสุขอย่างคนรวย เขาต้องการพอกินพอใช้เท่านั้น”ดร.ปรีชาพูดอย่างเข้าใจหัวอกคนรากหญ้าอย่างแท้จริง

นโยบายหลักช่วยเหลือเกษตรกรและหนุนการศึกษา

สำหรับนโยบายของพรรคมิติใหม่นั้น ดร.ปรีชา เผยว่า พรรคมิติใหม่มุ่งเน้นการให้ความสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกร เนื่องจากปัจจุบันโลกกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลง ทั้งในแง่พฤติกรรมของมนุษย์และภูมิอากาศผันผวนไม่อยู่นิ่ง ทำให้ในอนาคตประเทศอาจจะเกิดปัญหาขาดอาหารได้ รวมถึงยังไม่มีใครมาช่วยกำกับ ส่งผลให้เกิดปัญหาเรื้อรั้ง เช่นต้นทุนการผลิตแพง ปุ๋ยแพง ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่แก้ไขได้

ซึ่งหากมีโอกาสได้บริหารประเทศ จะช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดโซนนิ่งการเกษตร เป็นเกษตรนอกฤดู กล่าวคือ ฤดูที่หยุดการทำข้าว จะมีการทำข้าวในส่วนหนึ่งที่จัดสรรไว้ให้โดยเป็นรูปแบบที่ไร้สารพิษ ซึ่งวิธีการจัดโซนนิ่งทำเกษตรนอกฤดู จะสามารถช่วยสร้างมูลค่าสูงให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงหาตลาดที่จะนำผลผลิตจากเกษตรนอกฤดูของเกษตรกรมาจำหน่าย สร้างการรับรู้ให้เกษตรกรรู้จักผลิตและเก็บผลผลิต เพื่อนำไปขายหรือแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าโดยไม่ต้องมุ่งส่งขายในเมืองเพียงอย่างเดียวและเพื่อให้ชาวเกษตรกรไม่ถูกกดขี่อีก ทางพรรคมิติใหม่มีนโยบายปราบปรามการทุจริต โดยเฉพาะการคดโกงต่อแผ่นดิน รวมถึงเรื่องยาเสพติด ซึ่งขจัดความเลวร้ายเหล่านี้ภายใน 1 ปี

“จะจัดตั้งกองทุนของเกษตรกรให้มี เงินออม ด้านแหล่งน้ำ เพื่อการเกษตร กักเก็บน้ำโครงการก้างปลา และ จัดโซนนิ่งเกษตรไม่กดราคาการผลิต ด้านแรงงาน ส่งเสริมให้ได้รับสวัสดิการกองทุนสมทบส่งเสริมสิทธิความเท่าเทียมกันด้านการสุขภาพ ส่งเสริมสนับสนุนทั้งทางกีฬาและอนุรักษ์การเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจให้เป็นที่ยอมรับทั้งภายในและต่างประเทศ สนับสนุนสิทธิขั้นพื้นฐานสาธารณูปโภคของผู้ถือครองที่ดินที่รัฐยินยอมให้ถือครอง”

ส่วนนโยบายการศึกษา หัวหน้าพรรคมิติใหม่ กล่าวว่า เรามีแนวคิดในการปลูกสร้างประสบการณ์ให้กับเยาวชนตั้งแต่วัยเรียน โดยปรับให้มีการเรียนพียง 3 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น ส่วนที่เหลือจะให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับเกษตรกรรม เรื่องของการค้าขายและการตลาด เพื่อให้เยาวชนได้ตระหนักถึงการหาเงินนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และยังเป็นการสร้างโอกาสให้เด็กไทยได้ทำการค้าขายในต่างประเทศ พร้อมกันนี้ ยังมุ่งให้เด็กมีโอกาสเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ขณะที่ช่วงมหาวิทยาลัยเองก็จะมีการจัดทำแพ็คเกจในการซื้อขายผักนอกฤดู ทำให้เด็กก็มีรายได้เพิ่มเติมอีกด้วย

มุ่งเน้นการพัฒนาสายพันธุ์ไก่ชน

จากกรณีท่านปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด อนุญาตให้มีการเล่นพนันประเภทสัตว์ต่อสู้กันได้ เพื่อเป็นการส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น สร้างรายได้ให้ชุมชน และสร้างอาชีพสุจริต ซึ่งรวมไปถึงการชนไก่ ทำให้มีนโยบายที่อยากจะส่งเสริมและสร้างมูลค่าไก่ชนในประเทศ เพื่อเป็นการการอนุรักษ์ไก่สายพันธุ์ดี ให้อยู่คู่ไทยต่อไป ซึ่งเรื่องนี่ ดร.ปรีชา ได้นำมาเป็นนโยบายของพรรคมิติใหม่ ซึ่งได้อย่างภาคภูมิใจว่า

โครงการนี้ไม่ได้มีเป้าหมายในการสอนให้ประชาชนตีไก่ชน แต่มุ่งเน้นที่การพัฒนาสายพันธุ์ไก่ให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีไก่ชนอยู่หลายสายพันธุ์ทั้ง ไก่ชนพม่า เวียดนาม ลาว จีน และ ญี่ปุ่น ดังนั้นจึงต้องการพัฒนาสายพันธุ์ไก่ชนของไทยให้ดียิ่งขึ้น โดยการสนับสนุนให้ประชาชนเลี้ยงไก่ชน พร้อมบอกวิธีการดูแลรักษา รวมกลุ่มกันเพื่อนำไปขายเพื่อเอาเงินเข้าประเทศพร้อมสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

วิสัยทัศน์การเป็นผู้นำที่ดี

จากการที่ ดร.ปรีชา ได้นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคมิติใหม่จึงได้แสดงวิสัยทัศน์ที่เป็นแนวคิดการเป็นผู้นำอย่างน่าสนใจเอาไว้ว่า ผู้นำที่ดีจะต้องรู้จักเข้าวัดปฏิบัติรักษาศีล พร้อมกับฟื้นฟูวัด เพื่อให้เป็นที่พึ่งพาให้กับหมู่มนุษย์ เช่นเดียวกันกับวิธีรับมือกับปัญหาในรูปแบบของที่การฝึกธรรมะ ทำให้ ดร.ปรีชา รู้จักครองสติ เพราะถ้าไม่มีสติอาจจะพลั้งเผลอไปตามอารมณ์ นอกจากนี้ต้องรู้จักอุเบกขาหรือวางใจเป็นกลาง เมื่อเจอสิ่งที่ทำให้ตัวเองโกรธ เพราะตนครองเมตตาคือการช่วยเหลืออยู่แล้ว ถ้าไม่มีการให้หรือช่วยเหลือ เมตตาย่อมไม่เกิด สุดท้ายจะมีแต่ความโกรธหลง จนถึงทำลายชีวิตซึ่งกันและกัน ดังนั้นการรู้แก้ปัญหาอย่างมีสติ การครองจริยธรรมและคุณธรรมอยู่ในใจเสมอ คือหนึ่งในวิธีรับมือกับปัญหาที่ตนใช้มาโดยตลอด

 

“ขึ้นชื่อว่า..มนุษย์…แล้วจะอยู่ในสถานะ ตำแหน่ง ยศถาบรรดาศักดิ์ อะไร ก็สามารถทำความดีได้ทั้งนั้น ซึ่งบุคคลที่เสียสละตน เพื่อทำความดี นับวันจะเหลือน้อยลง ถ้าไม่มีต้นแบบตัวอย่าง อนาคตคงเหลือแต่คนรักตัวเองมากเกินไป ที่พูดกันว่า “ความดี ไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง” แต่ถ้าจะให้ดีอย่างสมบูรณ่แบบ ต้องไม่แฝงผลประโยชน์ จึงจะเรียกว่าเป็นความดีที่แท้จริง ดังที่ผมได้ลงมือทำเสมอมา”

            นับว่า ดร.ปรีชา เป็นบุคคลที่มีต้นทุนทางโลกธรรมสูงมาก เพราะมนุษย์ทุกคนหากมีต้นทุนทางธรรมมากย่อมมีคุณค่าเป็นที่ต้องการของสังคม เพราะในยุคนี้สังคมมีปัญหา เนื่องจากคนเราขาด “คุณธรรม” ที่คิดดี ทำดี พูดดี หวัง 14 พฤษภาคม 2566 นี้ “ดร.ปรีชา ไข่แก้ว” และ ทีมงานพรรคมิติใหม่ จะเป็นทางเลือกใหม่ของพี่น้องประชาชน

สำหรับรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคมิติใหม่ (พรรคหมายเลข 39) ประกอบด้วย ดร.คงศักดิ์ มีแก้ว พังงา เขต 2 เบอร์ 9 ดร.นราญา รุ่งเรือง ชลบุรี เขต 7 เบอร์ 4 น.ส.ชื่นประภา ขันธมาลี นนทบุรี เขต 2 เบอร์ 1 นายวรวุฒิ ทองจิตติ กำแพงเพชร เขต 3 เบอร์ 8 และ น.ส.สุพัฒตา สาริมาตย์ นครสวรรค์ เขต 3 เบอร์ 1

            ติดตามความเคลื่อนไหว และเป็นกำลังใจให้คณะคนทำความดี ดร.ปรีชา ไข่แก้ว และทีมงาน ได้ที่ เพจ : พรรคมิติใหม่

 

Facebook Comments

Related post