Digiqole ad

ธุรกิจประกันชีวิตไตรมาส 3 ปี 64 เบี้ยรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้น 2.28%

 ธุรกิจประกันชีวิตไตรมาส 3 ปี 64 เบี้ยรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้น 2.28%
Social sharing

Digiqole ad

นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ปี 2564 (มกราคม – กันยายน ) ธุรกิจประกันชีวิตมีผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 439,181 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 2.28% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา จำแนกเป็นเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ จำนวน 123,132 ล้านบาท ด้วยอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 7.42% และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไปจำนวน 316,049 ล้านบาทด้วยอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 0.41% และมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ประกันชีวิต 81%

สำหรับเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ ประกอบด้วย

(1) เบี้ยประกันภัยรับปีแรก จำนวน 67,401 บาท มีอัตราการเติบโตลดลง 9.61%

(2) เบี้ยประกันภัยรับชำระครั้งเดียว จำนวน 55,730 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 39.12%

โดยจำแนกเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวมตามช่องทางการจำหน่าย ดังนี้

อันดับ 1 การขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต จำนวน 217,489 ล้านบาท เติบโตลดลง 0.47% มีสัดส่วน 49.52% ยังคงถือเป็นช่องทางการขายหลักของธุรกิจประกันชีวิต

อันดับ 2 การขายผ่านธนาคาร จำนวน 183,117 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 5.68% มีสัดส่วน 41.70%

อันดับ 3 การขายผ่านช่องทางนายหน้า จำนวน 19,383 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 3.26% มีสัดส่วน 4.41%

อันดับ 4 การขายผ่านช่องทางโทรศัพท์ จำนวน 10,599 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 1.53% มีสัดส่วน 2.41%

อันดับ 5 การขายผ่านช่องทางอื่น ๆ จำนวน 8,015 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 3.38% มีสัดส่วน 1.83%

อันดับ 6 การขายผ่านช่องทางดิจิทัล จำนวน 550 ล้านบาท เติบโตลดลง 6.73% มีสัดส่วน 0.13%

อันดับ 7 การขายผ่านช่องทางไปรษณีย์ จำนวน 29 ล้านบาท เติบโตลดลง 16.43% มีสัดส่วน 0.01%

This image has an empty alt attribute; its file name is B263399A8E951F063210D36CD6C8EEC3-1024x579.png

ส่วนผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมและมีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Investment Link) ซึ่งมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 34,525 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่สูงถึง 88.86% และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพ (Health) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 58,960 บาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 9.28% และสัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง (CI) มีเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 11,428 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 6.53% และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Pension) ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 6,424 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 4.37%

ทั้งนี้จากการที่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Universal Life และ Unit Linked) เติบโตเพิ่มขึ้นสูงถึง 88.86% นั้น เนื่องจากแบบประกันดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้เอาประกันภัยได้ครบทุกช่วงวัยทั้งเรื่องผลตอบแทนจากการลงทุนและให้ความคุ้มครองประกันชีวิตอีกด้วย

ส่วนผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี รวมถึงสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ที่ยังคงเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องทุกวัน พร้อมกันนี้ยังมีสถานการณ์การเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงอื่นๆ ที่น่ากังวลอีกหลายโรค จึงทำให้ประชาชนต้องตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพเพิ่มมากขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์บำนาญที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น เป็นการสอดรับกับทิศทางการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยของประเทศไทย เนื่องจากแบบประกันดังกล่าว สามารถนำมาช่วยในการบริหารความมั่นคงของชีวิตในยามเกษียณได้เป็นอย่างดี ซึ่งธุรกิจประกันชีวิตได้พัฒนาและส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์ประกันบำนาญนี้สามารถตอบโจทย์ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างครอบคลุม

สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ภาคธุรกิจประกันชีวิตยังต้องเผชิญกับโอกาสและความท้าทายรอบด้าน แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้มีความหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกกลุ่มเป้าหมายและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ไปควบคู่กับพัฒนาช่องทางการขายในรูปแบบดิจิทัลและการบริการผ่านระบบออนไลน์ พัฒนาคุณภาพการบริการหลังการขาย รวมทั้งพัฒนาบุคลากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวแทนและนายหน้าประกันชีวิต โดยมุ่งพัฒนาทักษะเดิม (Up-skill) เพิ่มเติมทักษะใหม่ (Re-skill) ยกระดับความรู้ความสามารถ สร้างมาตรฐานการทำงานแบบชีวิตวิถีใหม่ พร้อมให้การบริการที่เป็นมืออาชีพ โดยยึดมั่นจรรยาบรรณและจริยธรรมในการประกอบอาชีพอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ธุรกิจประกันชีวิตให้เป็นที่น่าเชื่อถือ ไว้วางใจ

This image has an empty alt attribute; its file name is 30431877511D19D3E501F93B0E23C26A-1024x579.png

ส่วนผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี รวมถึงสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ที่ยังคงเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องทุกวัน พร้อมกันนี้ยังมีสถานการณ์การเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงอื่นๆ ที่น่ากังวลอีกหลายโรค จึงทำให้ประชาชนต้องตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพเพิ่มมากขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์บำนาญที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น เป็นการสอดรับกับทิศทางการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยของประเทศไทย เนื่องจากแบบประกันดังกล่าว สามารถนำมาช่วยในการบริหารความมั่นคงของชีวิตในยามเกษียณได้เป็นอย่างดี ซึ่งธุรกิจประกันชีวิตได้พัฒนาและส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์ประกันบำนาญนี้สามารถตอบโจทย์ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างครอบคลุม

สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ภาคธุรกิจประกันชีวิตยังต้องเผชิญกับโอกาสและความท้าทายรอบด้าน แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้มีความหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกกลุ่มเป้าหมายและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ไปควบคู่กับพัฒนาช่องทางการขายในรูปแบบดิจิทัลและการบริการผ่านระบบออนไลน์ พัฒนาคุณภาพการบริการหลังการขาย รวมทั้งพัฒนาบุคลากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวแทนและนายหน้าประกันชีวิต โดยมุ่งพัฒนาทักษะเดิม (Up-skill) เพิ่มเติมทักษะใหม่ (Re-skill) ยกระดับความรู้ความสามารถ สร้างมาตรฐานการทำงานแบบชีวิตวิถีใหม่ พร้อมให้การบริการที่เป็นมืออาชีพ โดยยึดมั่นจรรยาบรรณและจริยธรรมในการประกอบอาชีพอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ธุรกิจประกันชีวิตให้เป็นที่น่าเชื่อถือ ไว้วางใจ

Facebook Comments


Social sharing

Related post