ธรณ์ ชัชวาลวงศ์ ธุรกิจแฟชั่น กับแสงสว่างปลายอุโมงค์
ธุรกิจแฟชั่น อาจเรียกว่า เป็นหนึ่งธุรกิจที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวขึ้น หลังต้องเผชิญกับสถานการณ์ความยากลำบากมานานมากกว่า 2 ปี และเชื่อว่า หลังจากนี้ต่อไป อุตสาหกรรมแฟชั่น จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะปรับตัวและเห็นช่องทางการทำตลาดในธุรกิจแฟชั่น ให้ยั่งยืนมากกว่ากัน
ธรณ์ ชัชวาลวงศ์ แฟชันดีไซเนอร์ชาวไทย เจ้าของแบรนด์ TAWN C. และเรียกว่า เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการแฟชั่นมานานนับสิบปี เปิดเผยถึงสถานการณ์ในอุตสาหกรรมแฟชั่นในวันนี้ว่า จากที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมแฟชั่นมาระยะหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงโควิดเมื่อ 2–3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก และทุกคนได้รับผลกระทบอย่างหนัก “มาวันนี้ ผมเชื่อว่า สถานการณ์ต่างๆ กำลังค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นนะครับ โดยเฉพาะ ในอุตสาหกรรมแฟชั่นกำลังค่อยๆ ชะโงกหน้าขึ้นมา” โดยมีเรื่องของเทรนด์ และ กระแสโลกเข้ามาเป็นตัวกำหนดทิศทาง
เทรนด์ และบทบาทในอุตสาหกรรมแฟชั่น
“แม้ว่า เราจะต้องอยู่กับโควิด แต่เทรนด์ที่เกี่ยวพันกับการอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืนของมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม กำลังเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมแฟชั่นอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้” อย่างเทรนด์เรื่องของความหลากหลาย และความเท่าเทียม ทั้งสองสิ่งนี้ คุณธรณ์ มองว่า กำลังมาแรงเลยทีเดียว “วันนี้เรื่องของความหลากหลาย ได้ถูกรับรู้ และพูดถึงในสังคมวงกว้างมากขึ้น ใครที่ไม่ได้หยิบเอาเรื่องเหล่านี้มาพูด ถือว่า เป็นคนที่เชยมาก และไม่ทันกับกระแสโลก แต่ในทางตรงกันข้ามหากใครหยิบเอาสิ่งนี้มาใช้ หรือ เอามาทำการตลาดก่อน ก็จะได้รับประโยชน์อย่างดีทีเดียว เช่น ในเดือนที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า มีการหยิบเอาสีรุ้ง หรือ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายมาใช้ในการตลาดของหลายๆ ธุรกิจ และหากใครไม่ได้หยิบเอามาใช้ ไม่ใช่แค่ตกกระแสเท่านั้น แต่ยังถือเป็นความพลาด ครั้งสำคัญเช่นกัน”
นักแฟชั่นดีไซเนอร์ บอกด้วยว่า ในแง่ของแบรนด์ธุรกิจ การตามกระแสเทรนด์ ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่เพียงจะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและจดจำมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดรายได้มาหล่อเลี้ยงธุรกิจอีกด้วย “เพราะฉะนั้น ในแง่ของความหลากหลาย นอกจากความเข้าใจในแง่ธุรกิจแล้ว เราจะต้องพยายามทำตัวเองให้อยู่ในกระแสที่กำลังมาแรงในช่วงเวลานั้น”
แฟชั่นไทยเข้าใกล้แสงสวางที่ปลายอุโมงค์
สำหรับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมแฟชั่นในประเทศไทย วันนี้คุณธรณ์ เชื่อว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี “เมื่อ 3 ปีที่แล้ว บรรดาแฟชั่นดีไซเนอร์ของไทย อาจจะมองว่ายังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่พอมาวันนี้ เชื่อว่า ทุกคนได้ก้าวมาสู่เส้นทางของแสงสว่างที่เข้าใกล้ปลายอุโมงค์แล้วทุกขณะ แม้จะแสงนั้น จะยังไม่สว่างเต็มร้อยก็ตาม แต่ก็น่าจะทำให้ทุกคนพอมองเห็นภาพรางๆได้บ้างแล้วว่า จะก้าวเดินต่อไปอย่างไร”
นอกจากนี้สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะทำให้คนในอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทยเดินหน้าต่อไปได้คือ การมีเงินทุน “ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา มีคนล้มก็เยอะ มีคนอยู่รอดก็แยะ แต่ในช่วงเวลาที่ว่านี้ หากใครสามารถเก็บหอมรอมริบได้มากกว่ากัน ก็จะสามารถมีเงินทุนมาใช้ลงทุนต่อเมื่อวันที่เห็นแสงสว่างชัดเจน และมีสิทธิ์ที่จะได้เดินต่อไป เพราะยังมีเงินทุน” คุณธรณ์ บอกอีกว่า ในทางตรงกันข้าม หากไม่มีเงินทุนมากเพียงพอ ก็เท่ากับว่า ความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า “ไม่มีเงิน ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะวันนี้ เราจะทำอะไรได้ ก็ต้องมีทุน มีเงินเอาไว้ก่อน เพราะแฟชั่น ก็คือธุรกิจอย่างหนึ่งที่ต้องการเงินลงทุน และจ่ายไปตามจังหวะที่เหมาะสม”
แนวทางการดีไซน์เสื้อผ้า
ส่วนเรื่องของแนวทางการออกแบบเสื้อผ้า หรือ ชุดแฟชั่นในวันนี้ คุณธรณ์ มองว่า ธุรกิจแฟชั่น เป็นเรื่องของการค้าขายผลงานที่เกี่ยวกับการออกแบบ และความคิดสร้างสรรค์ “ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน หรือ เทรนด์อะไรก็ตาม เราต้องให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ก่อนเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นในตอนนี้ไอเดียที่จะถูกหยิบเอามาใช้ในการออกแบบเสื้อผ้าคือ เรื่องของความสบาย” นักแฟชั่นดีไซเนอร์ อธิบายสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการในตอนนี้คือ อยากได้อะไรเก๋ๆ มาใช้ แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีเรื่องของความสบายด้วย “ใส่แล้วสบาย ขยับขยายได้ ไม่บีบรัด แต่ก็ต้องมีความเก๋ ซึ่งทั้งหมดถูกตกทอดมาจากช่วงโควิด ที่ทุกคนอยากใส่อะไรที่สบายๆ มีความแคชชวล (Casual) แต่ทั้งนี้ ทุกคนก็ยังต้องการในเรื่องของคุณภาพ และใส่ใจในรายละเอียดความปราณีตของเสื้อผ้าด้วยเหมือนกัน” ถือเป็นอีกหนึ่งไอเดีย สำหรับนักแฟชั่นดีไซเนอร์ เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างผลงานต่อไป
นอกจากนี้อีกสิ่งที่คุณธรณ์ ยอมรับว่า มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กันในการสร้างชื่อให้กับผลงานของดีไซเนอร์ นั่นคือ การสื่อสาร “นักแฟชั่นดีไซเนอร์ในบ้านเรา มีความโดดเด่นมาก รวมถึงมีช่างฝีมือที่ดี ในการรังสรรค์เสื้อผ้าแฟชั่นต่างๆ ออกมา แต่บรรดาดีไซเนอร์เอง ก็ต้องให้ความสำคัญเรื่องของการสื่อสาร (Communication) ด้วย เพราะแม้ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจะสวยแต่หากเราไม่สามารถสื่อสาร หรือบอกให้คนอื่นเข้าใจได้ ก็อาจไม่มีประโยชน์ ด้วยเหตุนี้ การจัดวางเรื่องราวต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบสื่อที่กระชับ และมีความเข้าใจในรูปแบบของการสื่อสาร ก็จะทำให้ผลงานของดีไซเนอร์ไทย ถูกผลักดันให้ออกไปสู่สายตาของคนข้างนอกได้อีกมากมาย”
สู่ความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
เช่นเดียวกับ ความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา ก็เป็นอีกสิ่งที่ นักแฟชั่นดีไซน์ อย่างคุณธรณ์ ไม่เคยมองข้าม “โดยส่วนตัวของผม ในฐานะแบรนด์ TAWN C. วันนี้ เราพยายามคืนกลับสิ่งดีๆ สู่สังคม ไม่ว่าการจะออกไปเลคเชอร์ให้กับมหาวิทยาลัยต่างๆ หรือ รับเด็กนักศึกษาเข้ามาฝึกงานในแต่ละปี ซึ่งนั่น ไม่เพียงจะเป็นสิ่งที่ช่วยร้างดีไซเนอร์รุ่นใหม่ขึ้นมา แต่ยังช่วยสร้างทักษะ และทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกันด้วย”
นอกจากนี้ การเข้าเป็นส่วนหนึ่งในรายการ โปรเจครันเวย์ โดยบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)ที่จับมือกับ มหาวิยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ (มทร.รัตนโกสินทร์) คุณธรณ์ อธิบายว่า เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน และเกิดความร่วมมือกันในหลายระดับ อันทำให้เกิดการพัฒนาหลักสูตรทางการศึกษาร่วมกัน “ทั้งนี้ ทั้งนั้น อาจเรียกว่าเป็นระบบนิเวศน์ของอุตสาหกรรมแฟชั่น ที่จะทำให้เราได้เลือดใหม่ และน้ำใหม่ๆ เข้ามา ไม่เช่นนั้น เราก็ยังคงอยู่แบบเดิม ๆ ในที่เดิม ๆ แต่พอเรามีน้ำใหม่เข้ามา ก็จะทำให้เราได้เจอสิ่งใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ รวมถึงเอนเนอร์จี้ใหม่ๆ ที่จะมาช่วยสร้างสรรค์งานออกแบบ และไอเดียแฟชั่นใหม่ๆ ขึ้นมาได้” คุณธรณ์ ย้ำด้วยว่า เวลาเดียวกัน เขายังได้นำประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ไปใช้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ นักศึกษา ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พวกเขาได้ก้าวออกไปเจออะไรใหม่ๆ ในโลกว้าง และช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กับคนรุ่นใหม่ด้วย
อย่างไรก็ดี คุณธรณ์ บอกถึงความคาดหวังของเขา กับสิ่งที่อยากเห็นภาพอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทยในอนาคตด้วยว่า “อยากให้ทุกคนก้าวไปถึงแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ และใช้แสงสว่างเหล่านั้น ผลักดันให้ทุกคนในอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทย ได้ก้าวไปได้ไกลกว่า ที่เราทุกคนเคยยืนอยู่ และเมื่อเราได้เจอแสงสว่าง ที่ส่องสว่างมากขึ้น ก็จะทำให้ทั้งผู้ประกอบการ นักแฟชั่นดีไซน์ รวมถึงคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทย ก้าวไปถึงเป้าหมาย อย่างที่พวกเขาตั้งใจไว้ด้วย”
…และเชื่อว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นของไทย จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มาช่วยผลักดันเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนด้วยเช่นกัน…ธรณ์ ชัชวาลวงศ์ นักแฟชั่นดีไซเนอร์คนไทยที่สร้างแบรนด์ TAWN C. ให้โด่งดังถึงในต่างประเทศ กล่าวทิ้งท้าย…