Digiqole ad

ทีเส็บร่วมมือ OTOP จัดกิจกรรม GTEC ROADSHOW 2023 เชิญผู้ประกอบการ E-commerce จีน เชื่อมสินค้าชุมชน

 ทีเส็บร่วมมือ OTOP จัดกิจกรรม GTEC ROADSHOW 2023 เชิญผู้ประกอบการ E-commerce จีน เชื่อมสินค้าชุมชน
Social sharing

Digiqole ad

ทีเส็ร่วมมือ OTOP จัดกิจกรรม GTEC ROADSHOW 2023 เชิญผู้ประกอบการ Ecommerce จีน เชื่อมสินค้าชุมชน

ปัจจุบันลาด ECommerce ของจีนเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีจำนวนผู้บริโภคเป็นจำนวนมหาศาล จึงมีการแข่งขันที่สูงมาก ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาความต้องการสินค้าไทยในตลาด ECommerce ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก และคนจีนรุ่นใหม่ก็มีกำลังซื้อ ยิ่งสร้างโอกาสทองให้สินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าจากชุมชนที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป

ล่าสุด ทีเส็บ จึงได้ร่วมกับภาครัฐภาคเอกชน ประกอบด้วย กรมการพัฒนาชุมชน OTOP TRADER ประเทศไทย สมาคมการค้าอาเซียนอีคอมเมิร์ซ แอนด์ โลจิสติกส์  และ LEVEL UP THAILAND จัดกิจกรรม GTEC ROADSHOW 2023 ขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสและช่องทางทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการชุมชนผ่านกลไกลไมซ์ ด้วยการยกระดับงานแสดงสินค้า OTOP โดยการเพิ่มองค์ประกอบของกิจกรรมสัมมนาและเจรจาจับคู่ทางธุรกิจภายงาน OTOP ศิลปาชีพประทีปไทย ซึ่งถือเป็นงานแสดงสินค้าที่มีศักยภาพและเป็นศูนย์รวมสินค้าบริการทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของท้องถิ่นไทยที่เป็นอัตลักษณ์จากทั่วประเทศ โดยการเชิญ Potential Buyer จากจีนที่มีกำลังซื้อสูงที่สนใจนำสินค้าชุมชนของไทยไปทำตลาดในช่องทาง Online หรือ ECommerce ร่วมกิจกรรม Business Matching กับผู้ผลิตจากชุมชนที่มีศักยภาพ

ด้าน ดร. ศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ สสปน. หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า สำหรับการจัดกิจกรรม GTEC ROADSHOW 2023 ในครั้งนี้ ทีเส็บได้เรียนเชิญ Potential Buyer จากตลาด Online และ ECommerce ของจีน จำนวนกว่า 20 รายร่วมกิจกรรมสร้างเครือข่ายและเจรจาจับคู่ทางธุรกิจกับผู้ประกอบการชุมชน ภายในงาน OTOP ศิลชีพประทีปไทย ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพของงาน OTOP ที่สามารถยกระดับสู่การมีองค์ประกอบของงานเจรจาธุรกิจ เนื่องจากมีการรวบรวมสินค้าชุมชนจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะสินค้าที่ตลาดจีนต้องการ อาทิ เครื่องประดับแนวแฟนซี ผลไม้อบแห้งและอาหารสำเร็จรูปจากชุมชน รวมถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพจากชุมชน เพื่อให้งาน OTOP เป็นงานแสดงสินค้าที่เป็นเป้าหมายของผู้ซื้อชาวจีนมากยิ่งขึ้นในอนาคต โดยคาดว่าการเชิญกลุ่ม Potential Buyer เข้าร่วมในครั้งนี้ จะเกิดมูลค่าการจับคู่ทางการค้าหลังงานไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท

ด้าน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชนซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักงาน OTOP ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสร้างความเจริญเติบโตและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในชุมชนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์จำนวนมาก ส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อให้ตรงและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งกรมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยกรมฯ ดำเนินการพัฒนาสินค้า และบริการชุมชนในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย การพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา (Quadrant D) การส่งเสริมกระบวนการเครือข่ายองค์ความรู้ (Knowledge Based OTOP : KBO) โดยเฉพาะโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Premium สู่สากล เพื่อเพิ่มโอกาสแก่ผู้ประกอบการชุมชนได้เข้าถึงตลาดกำลังซื้อสูง ซึ่งการจัดกิจกรรม GTEC ร่วมกันในครั้งนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญในการเปิดโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการชุมชนได้เข้าถึงผู้ซื้อที่มีศักยภาพได้เป็นอย่างดี

ด้าน นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ประธาน OTOP TRADER ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือ ของ OTOP TRADER นั้น เราทำหน้าที่เป็นคนกลาง รวบรวมสินค้า มองตลาด บริหารจัดการ แล้วขายสินค้าให้กับผู้ผลิตสินค้าโอทอปอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตที่ไม่ถนัดเรื่องการตลาด สามารถเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น และยังสามารถพัฒนาคุณภาพสินค้าได้ดีขึ้นอีกด้วย โดยจะเป็นตัวเชื่อมระบบการขายทั่วประเทศนำสินค้าจากพี่น้องประชาชนเข้าไปขายในโมเดิร์นเทรด หรือห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ โดยจะถูกคัดเลือกมาจากผู้ผลิตสินค้าโอทอป หรือผู้ประกอบการศูนย์ขายสินค้าโอทอป หรือของฝากที่มีประสบการณ์สูง มีความกระตือรือร้น มองตลาดเก่ง วิเคราะห์เชิงธุรกิจเป็น มีความรู้ด้านการบริหารจัดการ ซึ่งความร่วมมือกันของกิจกรรม GTEC ในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับไปอีกก้าวที่สำคัญของเรา ในการเพิ่มช่องทางไปยังตลาด ECommerce ที่มีกำลังซื้อสูงจากจีน ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการชุมชนภายในงาน OTOP เป็นอย่างมาเลยทีเดียว

ด้าน คุณพัฒนา สิทธิสมบัติ ที่ปรึกษาสมาคมการค้าอาเซียนอีคอมเมิร์ซ แอนด์ โลจิสติกส์  กล่าวว่า ปัจจุบันโควิดส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเข้าสู่การค้าในโลกยุคดิจิทัล การค้าออนไลน์จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้ประกอบการทั่วโลกรวมถึงผู้ประกอบการชุมชน ต้องหันมาใช้ในการดำเนินธุรกิจทั้งในลักษณะช่องทางเสริม ช่องทางหลัก หรือแบบผสมผสาน ผ่านช่องทางตลาด Online หรือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (ECommerce) ทั้งนี้ จากผลการสำรวจพบว่าในปัจจุบันในประเทศไทย มีผู้ใช้มากถึง เกือบ 60 ล้านคนแล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ECommerce มีบทบาทต่อการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น รวมถึงการค้าระหว่างประเทศผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดน หรือที่เรียกว่า Crossborder ECommerce (CBEC) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คาดว่า CBEC ทั่วโลกในปี 2568 จะมีมูลค่าราว 3 ล้านล้านดอลลาร์

ปัจจุบัน ผู้ประกอบการ SME ชุมชน สามารถเข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้อย่างประสบความสำเร็จได้นั้น นอกจากจะต้องใช้การใช้แพลตฟอร์มที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลกแล้ว ผู้ประกอบการ SME จำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ อาทิ การวางกลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสมกับแต่ละตลาดเป้าหมาย ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งในมิติเชิงพื้นที่ และประชากรศาสตร์ (demographic) เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน มีการบูรณาการกลยุทธ์หรือเทคนิคต่าง ๆ เช่น มีการเปิด online store เคียงคู่ไปกับหน้าร้าน หรือที่เรียกว่า OmniChannel Marketing ซึ่งการจัดกิจกรรม GTEC ในครั้งนี้ จะเป็นเวทีที่จะช่วยตอบโจทย์ข้อจำกัดข้างต้นได้เป็นอย่างดี ผ่านกิจกรรมเจรจาทางธุรกิจและกิจกรรมสัมมนาในครั้งนี้

ด้าน คุณบรรณ ภุชงค์เจริญ CEO LEVEL UP THAILANDเอกชนผู้ให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดจีนออนไลน์อันดับต้น ของประเทศไทย กล่าวว่า สินค้าไทยโดยเฉพาะสินค้าชุมชนกำลังเป็นที่เริ่มรู้จักของคนจีนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากผู้ประกอบการชุมชนยังขาดความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อให้ตอบโจทย์พฤติกรรมความต้องการบริโภคของตลาดผู้ซื้อ Online และECommerce จากจีน รวมถึงความรู้ความเข้าใจวิธีการทำการตลาด Online ดังนั้น การให้คำแนะนำเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจจึงมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง ในส่วนของเทรนด์วามต้องการบริโภคสินค้าไทยนั้น ปัจจุบันสินค้าประเภทพรีเมียมของไทย ถือเป็นสินค้าที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นชนชั้นกลางระดับสูงในจีน (Uppermiddleclass และ Affluentclass) มีความต้องการเป็นอย่างยิ่ง และเป็นโอกาสสำคัญของสินค้าไทย ซึ่งคาดว่าในปี 2567 จะมีกลุ่มชนชั้นกลางระดับสูงขึ้นไป ในจีนเพิ่มขึ้นแตะ 200 ล้านคน ซึ่งการจัดกิจกรรม GTEC ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสของสินค้าไทยเกรดพรีเมี่ยมในการจับคู่ทางการค้ากับผู้ประกอบการ Online จากจีนได้เป็นอย่างดี

 

 

Facebook Comments


Social sharing

Related post