Digiqole ad

‘ณัฏฐ์’หัวใจการบริหารธุรกิจของคนรุ่นใหม่ “เอี่ยวไถ่” 

 ‘ณัฏฐ์’หัวใจการบริหารธุรกิจของคนรุ่นใหม่ “เอี่ยวไถ่” 
Social sharing

Digiqole ad

หากใครที่เกิดในช่วงยุค 60-90 คงจะทราบกันดีว่าสุกี้เป็นหนึ่งในอาหารที่เรียกว่า ได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยนั้น และมักจะเห็นหลายๆ ครอบครัว พากันไปรับประทานกันอย่างคึกคัก และมีความสนุกสนาน ซึ่งหนึ่งในร้านอาหาร หรือ ภัตตาคารที่ได้รับความนิยม มากที่สุดในช่วงเวลานั้น ก็จะมีชื่อเอี่ยวไถ่ติดอยู่ในอันดับต้นๆ ก็ว่าได้ 

มาจนถึงปัจจุบัน ชื่อของเอี่ยวไถ่ยังคงได้รับความนิยมไม่ต่างจากอดีต โดยเฉพาะการเข้ามาสานต่อการบริหารงาน ของคนรุ่นใหม่ ที่เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 อย่างณัฏฐ์ กีรติเก้าทรัพย์กรรมการผู้บริหาร บริษัท เอี่ยวไถ่ 1960 จำกัด ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ และความเป็นเอี่ยวไถ่ สุกี้โบราณไว้ได้อย่างดีลูกค้าส่วนใหญ่ของเราในวันนี้ มักจเป็นกลุ่มครอบครัว แต่หากถามว่า คนที่รู้จักชื่อของเอี่ยวไถ่ จริงๆ ก็คงจะเป็นกลุ่มคนี่มีอายุ ที่พอๆ กับแบรนด์เอี่ยวไถ่ของเรา 

ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 60 ปี

กรรมการผู้บริหาร บอกด้วยว่า เอี่ยวไถ่ ดำเนินธุรกิจมาแล้วมากกว่า 60 ปี ซึ่งสาขาแรกอยู่ที่ เชิงสะพานปิ่นเกล้าเรียกว่า เป็นสแตนอโลน แห่งแรกที่เกิดขึ้น จากนั้น เราก็ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเข้าไปอยู่ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมแล้วมากกว่า 15 สาขาหากถามว่า มีเรื่องของปัญหาและอุปสรรค หรือไม่ ผู้บริหาร เอี่ยวไถ่ 1960 ยอมรับว่า มีบ้างเหมือนกันโดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เรามีประสบปัญหาบ้างเหมือนกัน ยิ่งต้องเจอกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 เราแทบไม่ได้เตรียมแผน หรือ เตรียมตัวอะไรเลย 

เรื่องเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งที่กรรมการบริหารของเอี่ยวไถ่ ยอมรับว่า ไม่ได้เตรียมตัวเลยจริงๆทำให้เราไม่สามารถตอบรับความต้องการของลูกค้า หรือ ผู้บริโภคได้ในช่วงเวลานั้น แต่เราเองก็พยายามที่ดูแลพนักงานของเราทุกคนเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ทำให้เราต้องยอมขาดทุนในช่วงเวลาหนึ่ง และยอมลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลง เพื่อประคับประคองบริษัทให้คงอยู่ต่อไปจนผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตที่สุดมาได้ ซึ่งมาถึงวันนี้ ก็เรียกว่า เราได้กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว 

ขยายธุรกิจเพิ่ม

กรรมการผู้บริหาร บอกด้วยว่า หลังจากที่สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย ทางบริษัท ก็เริ่มที่จะมีการขยายสาขา และเริ่มมีโปรโมชั่น เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้ามากขึ้นขณะเดียวกัน เราก็ยังมีแผน ที่จะทำร้านแบบ สแตนอโลน เพิ่มขึ้น จนถึงวันนี้ เราก็ได้จังหวะที่เหมาะสมในการเปิดสาขาสแตนอโลน ที่ถนนประเสริฐมนูกิจ (เส้นเกษตรนวมินทร์) เป็นอีกหนึ่งสาขาแล้วโดยสาขาแห่งนี้ สามารถรองรับลูกค้าได้มากถึง 400 ที่นั่ง มีห้องรับรองส่วนตัวขนาดใหญ่ถึง 3 ห้อง มีที่จอดรถกว้างขวางได้มากกว่า 100 คัน ไม่เพียงเท่านั้น สาขาแห่งนี้ ยังเปิดให้บริการรับจัดเลี้ยง รวมถึง การให้บริการ Catering แบบเต็มรูปแบบอีกด้วย 

วันนี้ ธุรกิจของเราโตขึ้นมาเกือบ 60% ซึ่งอาจบอกได้ว่า เป็นตัวเลขแบบก้าวกระโดดขึ้นมา เมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากผู้คนเริ่มที่จะออกมาใช้ชีวิตในแบบปกติ ไปกิน ไปเที่ยว ได้เหมือนเดิม ขณะที่เรื่องของเดลิเวอรี่ ก็ค่อยๆ ปรับลดลงไป 

เน้นรักษาคุณภาพ และมาตรฐาน

กรรมการผู้บริหารยังบอกถึง จุดเด่นของ เอี่ยวไถ่ สุกี้โบราณ จากวันแรก มาจนถึงวันนี้ด้วยว่าอันดับแรกเลย เราพยายามเน้นไปที่การรักษาคุณภาพ และรสชาติของอาหารในแต่ละเมนู เอาไว้ให้เป็นมาตรฐานอย่างดีที่สุด ขณะเดียกวัน เรื่องของวัตถุดิบที่เรานำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก หรือ ส่วนประกอบของอาหาร เราก็มีการคัดสรรวัตถุดิบทุกอย่างที่ดีที่สุด ซึ่งก็ทำให้ รสชาติอาหารของเราไม่เปลี่ยนแปลง เรียกว่า กินเมื่อ 60 ปีที่แล้วเป็นอย่างไร พอมากินที่ภัตตาคารของเราในวันนี้ รสชาติก็ยังคงเหมือนเดิม มีเอกลักษณ์ความเป็น เอี่ยวไถ่ ไม่เปลี่ยนแปลง 

นอกจากนี้ เรายังเพิ่มเมนูใหม่ๆ มาให้ลูกค้า ได้เลือกรับประทานอีกมากมายหลายเมนู อาทิ เนื้อเป็ดผัดเปรี้ยวหวาน ที่คงความโดดเด่นของเนื้อเป็ดที่มีความนุ่ม และรับประทานง่าย เราพยายามที่จะพัฒนาเมนูอาหารแต่ละจาน ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของ สุกี้โบราณของเรา เราก็ยังคงรสชาติความเป็นสุกี้โบราณในแบบเอี่ยวไถ่ อย่างดีที่สุด แต่เพิ่มตัวเลือก อย่างเนื้อสัตว์ และเมนูอื่นๆ เพิ่มขึ้นมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็น เอี่ยวไถ่ สุกี้โบราณ ให้มีความชัดเจน และโดดเด่นมากขึ้น 

เจน 3 ที่ยังคงความดั้งเดิม 

สำหรับวันนี้ ธุรกิจ เอี่ยวไถ่ ได้รับการบริหารงานโดยกลุ่มเจเนอเรขั่นที่ 3 ซึ่งทางคุณณัฏฐ์ กีรติเก้าทรัพย์ มองว่า การรักษามาตรฐานของอาหาร เป็นสิ่งที่พวกเขายังคงยึดถือต่อไปผมมองว่า เรื่องของการรักษามาตรฐาน และการคัดสรรวัตถุดิบอาหารของเราเอาไว้ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะลูกค้าทั้งที่เป็นลูกค้าเก่า รวมไปถึงคนสูงอายุ หรือแม้แต่ ลูกหลานที่พาคุณพ่อ คุณแม่ มารับประทานอาหารที่เอี่ยวไถ่ จะยังคงได้สัมผัสกับรสชาติของอาหารในแบบดั้งเดิม ตรงนี้ เราถือว่า เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรายังคงรักษา และดำเนินธุรกิจของเรามาไว้ได้มากกว่า 60 ปี 

ส่วนภาพอนาคต ของธุรกิจ เอี่ยวไถ่ กรรมการผู้บริหาร ย้ำว่าวันนี้ เราอาจจะไมได้ทำธุรกิจของเราให้เป็นลักษณ์ของแฟรนไชส์ เหมือนกับหลายๆ แบรนด์ ที่ทำกัน แต่เราพยายามที่จะขยายสาขาธุรกิจอาหารของเราไปในรูปแบบของเอ็กซ์เพลส ให้มากขึ้น เพราะเราต้องการให้ เอี่ยวไถ่ เป็นร้านอาหารที่ทุกคนสามารถเข้ามาสัมผัส และจับต้องได้ รวมถึง สามารถเลือกที่จะรับประทานได้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งรับประทานแบบครอบครัว หรือ จะเป็นรับประทานแบบสองคน ก็สามารถทำได้ ซึ่งเราเองมองว่า จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจของเรา เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มมากขึ้นนอนาคต 

Facebook Comments


Social sharing

Related post