Digiqole ad

จากคนติดเกมส์ พลิกชีวิต รวยด้วยธุรกิจออนไลน์ สร้างรายได้กว่า 20 ล้านบาทต่อปี จากการขาย “Jessie Mum”

 จากคนติดเกมส์ พลิกชีวิต รวยด้วยธุรกิจออนไลน์ สร้างรายได้กว่า 20 ล้านบาทต่อปี จากการขาย “Jessie Mum”
Social sharing

Digiqole ad

ถ้าพูดถึงคนติดเกมส์ ภาพก็จะออกมาในทางติดลบเสมอ แต่ไม่ใช่สำหรับผู้ชายคนนี้ “คุณธี ธีรชัย เรืองชัยนิคม” ที่ครั้งหนึ่ง เริ่มต้นชีวิตมาจากคนติดเกมส์ทั่วไป ที่ในแต่ละวันก็จะอยู่กับเกมส์บนโลกออนไลน์ และด้วยความที่อยู่บนโลกออนไลน์ วันหนึ่งหลายชั่วโมง พอวันหนึ่งต้องมีอาชีพสร้างรายได้ ก็คงจะหนีไม่พ้นธุรกิจ บนโลกออนไลน์ที่ถนัดและมีความรู้ความเข้าใจมากที่สุด

คุณธี เปิดเผยว่า การเริ่มต้นธุรกิจขายของออนไลน์ เริ่มขึ้นมาจากส่วนตัวเป็นคนชอบเล่นเกมส์ ขนาดเรียกว่าติดเกมส์เลยทีเดียว การหาเงินสร้างอาชีพก็อยู่กับเล่นเกมส์ ขายของแลกเปลี่ยนในเกมส์ จนกระทั่งเมื่อ 6 ปี ที่ผ่านมา ได้เปิดหน้าเพจเฟสบุ๊ก ขายของออนไลน์ อย่างจริงจังครั้งแรก มีสินค้ามาขายหลายอย่าง แต่หลัก คือ อุปกรณ์แต่งรถ ซึ่งที่เลือกขายอุปกรณ์แต่งรถ โดยส่วนตัวตอนนั้นไม่ได้มีรถ แต่เป็นความชอบส่วนตัว ในช่วงแรกที่เริ่มขายซื้อแอดโฆษณาเพื่อกระตุ้นยอดขาย ในตอนนั้นเงินไม่เยอะก็ซื้อได้แค่เท่าที่พอจะซื้อได้ ยอดขายอยู่ในระดับที่น่าพอใจ มีกำไรต่อเดือนประมาณ 30,000 บาท

อย่างไรก็ดี พอผ่านมาระยะหนึ่ง คนก็หันมาขายแข่งเป็นจำนวนมาก เหมือนกับสินค้าอื่นๆ ที่พอขายได้ก็จะมีคนขายตามเป็นจำนวนมาก แต่ปัญหาอยู่ที่การตัดราคากันเอง ทำให้ต้องหาสินค้าตัวอื่นๆ มาขายแทน และได้ลองขายสินค้าอื่นๆต่อมาหลายตัว จนวันนี้ ได้มาเจอกับผลิตภัณฑ์เพิ่มน้ำนม Jessie Mum เปิดรับตัวแทนจำหน่าย ตอนนั้นเห็นว่า คนขายยังน้อย คู่แข่งน่าจะน้อย และเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับคุณแม่ ที่ต้องให้นมลูก

ทั้งนี้ ในส่วนของคำถามที่ว่าแล้วผู้ชายขายสินค้าของคุณแม่จะขายหรือตอบคำถามลูกค้าได้เหรอ ต้องบอกว่าขายได้สบายๆ คนซื้อทักมาเราเขียนตอบไป ซึ่งเป็นแบบนี้มาตลอดเราก็เลยไม่ได้มองว่าเป็นผลิตภัณฑ์อะไร และที่ผ่านมา คนซื้อเองไม่ได้สนใจว่าคนขายจะต้องเป็นผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ผู้ชายอย่างเราก็ขายได้ โดยมีความรู้เบื้องต้นจากทางบริษัทเท่านั้น สามารถตอบลูกค้าหรือ พูดคุยกับลูกค้าได้ ที่สำคัญ คือ มีตัวช่วยแซทบอท ที่สามารถตอบคำถามลูกค้าแทนเราได้ และแซทบ็อทที่เราใช้ ตอบได้มากกว่า แซทบ็อทที่มีอยู่ทั่วๆไป สามารถตอบคำถามแทนคนได้เกือบทุกคำถาม เรียกว่าปิดการขายให้เลยด้วยในบางเคส

คุณธีบอกว่า ตนเองได้เริ่มขาย Jessie Mum ตั้งแต่เมื่อปี 2563 ช่วงนั้นเป็นช่วงสถานการณ์โควิดพอดี โดยขายอยู่แค่ในเพจเฟสบุ๊ก ซึ่งผลตอบรับออกมาดีมากตั้งแต่ปีแรก ยอดขายในปีแรกอยู่ที่ 2 ล้านบาท หลังจากที่ประสบความสำเร็จได้มีการขยายงาน จากที่ทำกัน 2 คน กับแฟน ก็เริ่มมาเปิดบริษัท มีพนักงานมาช่วยแพคสินค้า และ แอดมินมาช่วยตอบลูกค้า และการยิงแอดโฆษณาอย่างต่อเนื่อง และวันหนึ่งทางผู้บริหารของ Jessie Mum ได้ชักชวนให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้กับตัวแทน และในปีที่สองเป็นจุดเปลี่ยน

จากยอดขาย 2 ล้าน กระโดดขึ้นมาเป็น 18 ล้านบาท ซึ่งรายได้ทั้งหมดสามารถเช็คได้จากเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ครับ โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ส่วนหนึ่งมาจากคนรู้จัก Jessie Mum มากขึ้น จากตัวแทนจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น ทำให้ขายได้ง่ายมากขึ้นด้วย และในปีที่ 3 ปี 2565 ยอดขายอยู่ที่ 20 ล้านบาท แล้ว อยากให้ตัวแทนคนอื่นๆ สามารถขายได้ด้วย ในฐานะที่ปรึกษาด้วย

สำหรับยอดขาย 20 ล้านบาท นี้ ส่วนหนึ่งมาจากลูกค้าที่ซื้อหมุนเวียนประมาณ 3,000 ราย มีการซื้อซ้ำต้นทุนโฆษณานั้นก็จะไม่แพง คือ ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดีตัวแทนสามารถลดต้นทุน เพราะการซื้อโฆษณาได้เปิดลูกค้าใหม่ๆ ได้ ในส่วนอื่นๆ ทาง Jessie Mum มีตัวช่วยทำให้เราไปสู่ ความสำเร็จได้

ไม่ว่าจะเป็นสื่อที่ใช้ขาย การโปรโมทตามช่องทางต่างๆที่แบรนด์ทำไว้ และกลุ่มที่ปรึกษาปัญหาน้ำนมสำหรับให้แม่ๆ พร้อมระบบฝากส่ง ที่ผมไม่ต้องส่งของเอง ทางแบรนด์ช่วยส่งของให้ ซึ่งประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายไปมากๆ เพราะวันๆนึงผมต้องส่งเยอะพอสมควร ซึ่งถ้าไม่มีระบบฝากส่ง ผมต้องเสียค่าโกดัง และ เสียค่าจ้างพนักงานแพ็คของ ซึ่งผมประหยัดไปได้เยอะเลยทีเดียวครับ และที่ดีสุดๆเลยคือ ทางแบรนด์มีเทเลเซลล์ช่วยโทรขายให้ครับ ทำให้ยอดขายผมเพิ่มขึ้นโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรในส่วนนี้เลย ถือว่า เป็นการขายสินค้าที่ครบเครื่องสุดตั้งแต่ขายมาเลยครับ

Facebook Comments


Social sharing

Related post