Digiqole ad

“กิตติกร”หวั่น“บิ๊กตู่”กู้เพิ่มทิ้งหนี้เน่าให้ประชาชนใช้แทนในอนาคต เชื่อรัฐปรับขึ้นราคาเบนซินทะลุ40บาทต่อลิตร คนไทยอ่วมแน่

 “กิตติกร”หวั่น“บิ๊กตู่”กู้เพิ่มทิ้งหนี้เน่าให้ประชาชนใช้แทนในอนาคต เชื่อรัฐปรับขึ้นราคาเบนซินทะลุ40บาทต่อลิตร คนไทยอ่วมแน่
Social sharing
Digiqole ad

นายกิตติกร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพลังงานในสภา ผู้แทน ราษฎร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ระหว่างรัสเซียที่เปิดฉากรบกับยูเครน ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพราคาน้ำมันอย่างรุนแรง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ พุ่งสูงขึ้นเป็น 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถือว่าสูงมาก หากสถานการณ์ยังไม่ดี ขึ้นหรือไม่สามารถยุติความขัดแย้งได้เร็ววัน เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นสูงถึง 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างแน่นอน

สำหรับประเทศไทย การที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับราคาเพิ่มมาอยู่ที่ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นทันที 3 บาท ในขณะที่ กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเงินหมดไปแล้ว ดังนั้นรัฐบาลจำเป็น ที่จะต้องเร่งแกปัญหา รัฐบาลต้องหางบประมาณมาอุดหนุนราคาน้ำมัน จะใช้งบกลางหรืองบประมาณส่วนไหนต้องรีบดำเนินการ หากปล่อยไว้ อาจจะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

นายกิตติกร กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมารัฐบาลใช้เงินกู้ 1.5 ล้านล้านบาทหมด ไปกับโครงการต่างๆที่ไม่เกิดประโยชน์ เชื่อว่างบประมาณของรัฐ มีปัญหาอย่าง แน่นอน ดังนั้นหากไม่มีเงินงบประมาณมาอุดช่องว่างที่เกิดขึ้น เชื่อว่ารัฐบาล หมดทางเลือกจำเป็นที่จะต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันเพื่อไม่ให้รัฐหมดสูญเสีย เงินไปมากกว่าทีผ่านมา

“น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ราคาน้ำมันเบนซินหลังจากนี้จะมีการปรับตัวต่อเนื่อง เชื่อว่าไม่นานจะเห็นราคาน้ำมันเบนซินที่ 40 บาทต่อลิตรอย่างแน่นอน ในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลจำเป็นต้องปรับราคาตามไปด้วย ผลที่ตามมาคือจะกระทบกับบรรดาผู้ประกอบการ บรรดาผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้าง พนังงานส่งของหรือไรเดอร์ ส่งอาหาร ที่หาเช้ากินค่ำ ตลอดจนกลุ่มเกษตรกรที่เครื่องจักรบางส่วนต้องใช้น้ำมันเป็นส่วนประกอบต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน รัฐบาลอาจต้องออกพระราชกำหนดกู้เงินเพิ่มเพื่อนำมาอุดหนุนราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นทางเลือกที่จะส่งผลกระทบกับประชาชนที่ต้องแบกรับหนี้เน่าของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่สร้างภาระให้ประเทศและประชาชนในอนาคตอย่างแน่นอน” นายกิตติกร กล่าว

Facebook Comments

Related post