
ไม่แคร์สายตาโลก

แม้ว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี จะมีออกมาประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้ประท้วงในเมียนมา
เพราะจากภาพคลิปข่าวที่ปรากฏออกไปทั่วโลก มีการใช้ความรุนแรงอย่างยิ่งจริงๆ ทั้งในการเข้าจับกุม การใช้อาวุธจริง และยุทธวิธีที่ใช้ในการปราบปรามผู้ชุมนุม
แต่หากมองถึงแถลงการณ์ของ ยูเอ็นเอสซีจริงๆ มีเพียงแค่การประณามที่ดูเหมือนจะดุเดือด แต่ในวิธีปฏิบัติยังคงใช้การเรียกร้องให้กองทัพเมียนมา ภายใต้การบัญชาการของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลาย ว่าควรจะต้องแสดงความอดทนอดกลั้นในการรับมือกับสถานการณ์การชุมนุม
เท่ากับว่าในโลกของความเป็นจริง สหประชาชาติยังคงทำได้แต่มาตรการเรียกร้องแค่นั้นเอง
ที่สำคัญเป็นการเรียกร้องต่อกองทัพเมียนมาที่ทำหน้าที่ปกป้องผู้นำทหารที่ทำการรัฐประหาร
จึงทำให้เกิดคำถามว่า ด้วยการขอให้กองทัพใช้ความอดทนอดกลั้น เท่ากับว่า ยูเอ็นเอสซียอมรับในการทำหน้าที่ของกองทัพหลังการทำรัฐประหารใช่หรือไม่
เนื่องจากนับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่เกิดกรณีรัฐประหารในเมียนมานั้น ทางยูเอ็นเอสซียังไม่เคยที่จะประกาศไม่ยอมรับการยึดอำนาจโดยกองทัพเมียนมาแต่อย่างใด
รวมทั้งไม่ได้มีการขู่ที่จะดำเนินมาตรการใดๆ เพิ่มเติม แม้ว่าจะมีภาพความรุนแรงในการจับกุมด้วยการรุมทำร้ายประชาชน หรือกรณีการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมเพราะถูกยิงในตำแหน่งศีรษะ หรือหน้าอก
ทำให้ประเด็นที่ ยูเอ็นเอสซี ไม่มีปฏิกริยาหรือมาตรการที่จริงจัง ถูกมองว่ามาจากประเด็นเสียงคัดค้านจากบางประเทศที่เป็นพันธมิตรของกองทัพเมียนมา
สอดคล้องกับข่าวที่ระบุว่าเนื้อหาในส่วนที่เป็นการประณามการยึดอำนาจ และขู่ที่จะมีการดำเนินมาตรการเพิ่มเติม ซึ่งมีอยู่ในร่างที่อังกฤษเป็นผู้ยกร่างขึ้นมานั้น ได้ถูกถอดออกไป เนื่องจากการคัดค้านของจีน รัสเซีย อินเดีย และเวียดนาม
ดังนั้นแม้ว่ากลุ่มผู้ประท้วงจะใช้วิธีสันติ และนอกจากประชาชนผู้ชายแล้ว ยังมีสตรี เยาวชน และเด็ก เข้าร่วมชุมนุมก็ตาม แต่ยูเอ็นเอสซี ยังคงทำได้เพียงขอให้กองทัพเมียนมาใช้ความอดทนอดกลั้นถึงที่สุด
รวมถึงได้แต่บอกเพียงว่า ยูเอ็นเอสซีได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมาอย่างใกล้ชิด
กรณีที่เกิดขึ้นในเมียนมาขณะนี้ จึงเป็นกระจกสำคัญที่พึงต้องตระหนักว่า ในวันที่โลกยุคปัจจุบัน ยืนอยู่บนผลประโยชน์ระหว่างประเทศ การคาดหวังที่จะเห็นการทำหน้าที่อย่างเฉียบขาดของสหประชาชาติ หรือของตำรวจโลก เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายดายเลยสักนิด
การสูญเสียชีวิต การหมดสิ้นอิสรภาพของประชาชนในเมียนมา จึงอาจจะเป็นเพียงฉากหนึ่งของความสลดใจสำหรับมนุษยชาติ
จึงไม่แปลกที่กองทัพในอีกหลายประเทศยังคงหมกมุ่นกับอำนาจและผลประโยชน์โดยไม่แคร์โลก
ภูวนารถ ณ สงขลา