![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/06/แก้ปัญหาคอม.jpg)
ไต้หวัน…หลังวันเลือกตั้ง
![ไต้หวัน…หลังวันเลือกตั้ง](https://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/01/ปลายซอย17-1.jpg)
![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/01/Nishikawa_Banner728x90px.gif)
ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกสภานิติบัญญัติของไต้หวันเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2024 คณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของไต้หวัน (Central Election Commission: CEC) รายงานว่า มีผู้ใช้สิทธิ์ประมาณ 69.8% จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 19.54 ล้านคน ปรากฏว่านายไล่ ชิงเต๋อ หรือ “วิลเลียม ไล” วัย 64 ปี ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) กำชัยชนะด้วยคะแนนนำอยู่ที่ 5.58 ล้าน คะแนน หรือประมาณ 40.05% ของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง
ส่วนนายโหว โหย่วอี๋ จากพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ได้รับเสียงสนับสนุน 4.67 ล้านคะแนน หรือ 33.49% และนายโก เหวินเจ๋อ จากพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) ได้ 3.69 ล้านคะแนน หรือเพียง 26.46%
แม้จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้ DPP ได้ครองอำนาจต่อเนื่องสมัยที่ 3 แต่ 5.58 ล้านเสียงยังถือว่าห่างไกลจาก 8 ล้านเสียงที่ ไช่ อิงเหวิน เคยกวาดคะแนนเสียงมาได้อย่างถล่มทลายในปี 2020 ด้วยกระแสเรียกร้องเอกราช อธิปไตย พร้อมโหนกระแสม็อบฮ่องกงที่กำลังขัดแย้งกับจีนแผ่นดินใหญ่ จนสามารถครองเก้าอี้ประธานาธิบดีต่อได้ในสมัยที่ 2
การหาเสียงของ ไช่ อิงเหวิน เมื่อ 4 ปีก่อนค่อนข้างร้อนแรงด้วยการประกาศสนับสนุนม็อบฮ่องกงที่ออกมาต่อต้านกฎหมายความมั่นคงฮ่องกง โดยบอกว่าไต้หวันจะจัดตั้งองค์กรเฉพาะขึ้นมาช่วยเหลือชาวฮ่องกง ทั้งด้านที่อยู่ ที่กิน และอาชีพการงาน
แต่หลังจากม็อบฮ่องกงถูกปราบลงอย่างราบคาบ แกนนำถูกจับดำเนินคดี บางส่วนลี้ภัยไปผจญความยากลำบากนอกประเทศ ไม่เคยปรากฏว่ารัฐบาลไทเปได้ให้การช่วยเหลือม็อบฮ่องกงตามที่เอ่ยปากหรือไม่
เสียงสนับสนุนที่ลดลงไปเกือบ 3 ล้านเสียงของ DPP อาจเนื่องมาจากเดิมนั้นไล่ ชิงเต๋อ มีจุดยืนในการประกาศเอกราชของไต้หวันเช่นเดียวกับไช่ อิงเหวิน แต่ในการหาเสียงครั้งนี้ไล่ไม่พูดเรื่องการแยกตัวเพราะรู้ดีว่าชาวไต้หวันส่วนหนึ่งก็กลัวจะเกิดสงคราม เขาจึงเน้นเรื่องการรักษาความเป็นประชาธิปไตยของไต้หวันที่มีอยู่ เขาพูดเรื่องการพร้อมเจรจาเพื่อลดความขัดแย้ง
หลังได้รับชัยชนะไล่กล่าวปราศรัยกับผู้ให้การสนับสนุนว่า “ การเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าชาวไต้หวันยืนหยัดต่อระบอบประชาธิปไตย เราต้องแทนที่การปิดล้อมด้วยการแลกเปลี่ยน และแทนที่การเผชิญหน้าด้วยการเจรจา เพื่อบรรลุสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน โดยการเจรจาต้องตั้งอยู่บนหลักความเสมอภาค และประชาธิปไตย”
โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของรัฐบาลจีนได้ออกแถลงการณ์ทันทีว่า ผลการเลือกตั้งของไต้หวันไม่สามารถเป็นสิ่งชี้วัดทัศนคติของประชาชนส่วนใหญ่ได้ ไต้หวันคือ “ไต้หวันของจีน” โดยการเลือกตั้งนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์พื้นฐานและทิศทางการพัฒนาของความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ จะไม่เปลี่ยนแปลงความปรารถนาร่วมของเพื่อนร่วมชาติทั่วช่องแคบไต้หวันในการกระชับสายสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น และจะไม่ขัดขวางทิศทางการรวมชาติของจีน
มีข้อสงสัยว่าเมื่อพรรค DPP ได้เป็นรัฐบาลต่อ ความขัดแข้งระหว่างจีนกับไต้หวันโดยมีสหรัฐอเมริกาคอยแทรกแซงจะกลับมาคุกรุ่นรุนแรงให้เกิดการซ้อมรบใหญ่ ยิงจรวดข้ามเกาะไต้หวันและพัฒนาเป็นสงครามสนามที่ 3 เหมือน รัสเซีย–ยูเครน และอิสราเอล–ปาเลสไตน์ หรือไม่
เพราะแค่ไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งไต้หวัน รัฐบาลวอชิงตันที่รับรองนโยบายจีนเดียวและพูดมาตลอดว่าไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน ได้ผ่านกฎหมาย “US National Defense Authorization Act” เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการขายอาวุธและการฝึกอบรมทางทหารให้กับกองทัพไต้หวัน ทั้งๆที่จีนคัดค้านและระบุว่าเป็นการแทรกแซงทางการเมืองของจีน
วันนี้บริษัทผลิตอาวุธที่หนุนรัฐบาลวอชิงตันคงเปิดแชมเปญฉลองกันไปแล้วที่จะได้ขายอาวุธให้รัฐบาลไต้หวันได้อีกอย่างน้อย 4 ปี แม้จะมีโอกาสเปิดศึกจริงน้อยมาก
นักวิจัยยุทธศาสตร์จีนท่านหนึ่งเชื่อว่า ตราบใดที่ไต้หวันไม่ประกาศเอกราช จีนก็จะไม่บุกไปทำสงคราม เพราะถ้าจีนตั้งใจจะยกทัพบุกไต้หวันเพื่อควบรวมเป็นชาติเดียวกันโดยสมบูรณ์ จีนก็คงทำมานานแล้วโดยไม่รอมาถึง 75 ปีนับจากวันที่เจียง ไคเชก นำพรรคก๊กมินตั๋งหนีพรรคคอมมิวนิสต์จีนไปตั้งรัฐบาลใหม่ที่เกาะไต้หวัน
แม้ในรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนบัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน การดำเนินการอันยิ่งใหญ่เพื่อให้ปิตุภูมิเป็นเอกภาพ เป็นภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของประชาชนชาวจีนทั้งหมด รวมถึงพี่น้องชาติชาวไต้หวันด้วย” แต่ผู้นำจีนที่ผ่านมาก็ไม่เคยคิดจะใช้ความรุนแรงในการควบรวมจีน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็พูดในวันรำลึก 130 ปี ชาตกาลเหมา เจ๋อตุง ว่า “จะรวมชาติกับไต้หวันโดยสันติ”
ในอดีตสหประชาชาติโดยการหนุนหลังของสหรัฐอเมริกาเคยรับรองรัฐบาลไต้หวัน แต่กว่า 50 ปีมาแล้วที่สหประชาชาติเปลี่ยนมารับรองสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าคือ “จีนเดียว” ส่วนไต้หวันนั้นวันนี้เพียง 12 ประเทศเล็กๆที่ให้การรับรองว่าเป็นเอกราช
เพราะหลังวันเลือกตั้งที่ไต้หวัน สาธารณรัฐนาอูรูได้ประกาศรับรองหลักการจีนเดียว และยุติ ความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน โดยอ้างมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 2758 ซึ่งรับรองว่าสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นรัฐบาลผู้แทนจีนทั้งหมดโดยชอบด้วยกฎหมายเพียงหนึ่งเดียว
ต้องยอมรับความจริงที่ว่า คนจีนที่เกิดในไต้หวันอายุต่ำกว่า 75 ปีอาจจะปฏิเสธแผ่นดินใหญ่และเรียกตนเองว่าเป็น “คนไต้หวัน”ไม่ใช่ “คนจีน” เช่นเดียวกับคนฮ่องกงส่วนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาชุมนุมต่อต้านจีนกฎระเบียบอันเข้มงวดของจีนแล้วเรียกตนเองว่า “คนฮ่องกง” ไม่ใช่ “คนจีน”
ในกรณีฮ่องกงรัฐบาลจีนก็ตอบผู้ที่เคยประท้วงต่อต้านอย่างนุ่มนวลว่าหากไม่ต้องการเป็น “คนจีน” ก็ยินดีให้ออกไปเป็นคนของชาติอื่น
ในกรณีไต้หวัน รัฐบาลจีนพยายามเอาใจคนที่เกิดบนเกาะไต้หวันด้วยการเสนอให้บัตรประชาชนคนจีน ให้ไปทำงานบนแผ่นดินใหญ่ ส่งเสริมผู้ประกอบการเอกชนให้ทำการค้าการลงทุนกับเอกชนหรือวิสหกิจจีน
8ปีภายใต้พรรค DPP เศรษฐกิจไต้หวันอ่อนแอลง รายได้คนไต้หวันที่เคยดีกว่าคนจีนบนแผ่นดินใหญ่ จนเคยเป็นพื้นที่ที่คนจากอผ่นดินใหญ่อยากอพยบมาอยู่ด้วย เหมือนกับที่เคยรู้สึกกับฮ่องกง วันนี้กลายเป็นคนไต้หวันจำนวนไม่น้อยได้ย้ายไปทำงานที่แผ่นดินใหญ่ เพราะรายได้ดีกว่า ทันสมัยกว่า
ว่ากันว่ารัฐบาลปักกิ่งดำเนินนโยบายใช้ทั้งไม่อ่อนและไม่แข็งทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ไต้หวันรู้ว่า
ประชาธิปไตยแบบอเมริกันนั้นอดอยาก เป็นคนไร้บ้าน กับประชาธิปไตยแบบไต้หวันที่หวั่นสงคราม และประชาธิปไตยแบบจีนที่เติบโตและมุ่งหน้าหาความทันสมัย สมควรจะเลือกอะไร