Digiqole ad

แรงแค้น…แค้นแร๊ง! เลิก-หน่าย-ม้าย-หย่า รักเมืองมายาไทยแลนด์ยุค 4.0 สกู๊ปปกอีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 386 (30 มิ.ย.-6 ก.ค.66)

 แรงแค้น…แค้นแร๊ง! เลิก-หน่าย-ม้าย-หย่า รักเมืองมายาไทยแลนด์ยุค 4.0 สกู๊ปปกอีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 386 (30 มิ.ย.-6 ก.ค.66)
Social sharing

Digiqole ad

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ฉบับที่ 386 ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2566

แรงแค้น

แค้นแร๊ง!

เลิก-หน่าย-ม้าย-หย่า

รักเมืองมายาไทยแลนด์ยุค 4.0

หากวิเคราะห์กันให้ดี ๆ “ละครไทย” ในทุกยุคทุกสมัยที่ได้รับความนิยมคือ เรื่องราวเกี่ยวกับความอื้อฉาวคาวโลกีย์ประเภท  “ชิงรักหักสวาท” “เมียหลวง-เมียน้อย” “ผัวเมียละเหี่ยใจ” ละครบางเรื่องอย่างเช่น “แรงเงา” เวอร์ชั่น ปี 2555 (เจนี่-เคน ภูภูมิ-รวิชญ์-ธัญญาเรศ) ผลิตโดย ค่ายบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น ได้กลายละครที่มีเรตติ้งสูงมาก แล้วยังเรียกวันที่ละครเรื่องนี้ออนแอร์ว่า “วันแรงเงาแห่งชาติ” ถึงแม้ว่าจะมีการเหมารวมเรียกละครแนวนี้ว่า “ละครน้ำเน่า” แต่ก็ครองใจคนดู แม้แต่คนที่ว่าน้ำเน่านั้นก็ไม่วายจะกลายเป็นแฟนละครติดติดหนึบในภายหลัง ล้วนแล้วแต่เป็นกระจกสะท้อนครอบครัวในสังคมไทยได้เป็นอย่างดี

ซึ่งต้นเหตุใหญ่หรือพล็อตเรื่องมาจาก “ผู้ชาย” แทบทั้งนั้น มักมากในกามเผลอใจไปมี “เมียน้อย” หรือเรียกให้ไพเราะหน่อยคือ “อนุภรรยา” บางคนไม่ได้มีเมียน้อยเพียงคนเดียว มีมากกระทั่งตบตีกันเพื่อแย่งชิงความเป็นที่หนึ่ง รวมทั้งบรรดาลูกเมียหลวง เมียน้อยแต่ละคนก็ออกจะวุ่นวายไม่แพ้รุ่นแม่ ๆ แต่ทว่าเส้นเรื่องละครไทยย่อมต้องมี “พระเอก” หรือ “นางเอก” ที่เป็นลูกเมียหลวงหือเมียน้อย คอยแก้แค้นแก้ปัญหาแม่ที่ถูกรังแก ไม่ได้รับความยุติธรรม

 

สังคมไทยสู่สังคมบันเทิง

ดังที่กล่าวมาเบื้องต้นว่า เป็นการสะท้อนมาครอบครัวในสังคมไทย ซึ่งหากโฟกัสลงไป ถือว่าเป็นการสะท้อน “ครอบครัวคนบันเทิง” ในยุคนี้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงปีที่แล้วเรื่อยมาถึงวันนี้ จะเห็นจากข่าวที่คนบันเทิง ไม่ว่า อาทิ นักแสดง นักร้อง รุ่นใหญ่ รุ่นกลาง รุ่นเล็ก เลิกกันเป็นพัลวัน ทั้งที่ยังคบกันแต่ไม่ได้แต่งงานกัน ทั้งที่แต่งงานกันมา ทำเอาแฟน ๆ ช็อกไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะคู่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง บางคู่ที่คบกันมานานหลายปี และบางคู่ที่มีลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาว  เมื่อตัดสินใจเลิกกันแล้ว ก็คอนเวิร์สใส่กัน บางคู่ถึงขั้น “ตายไม่เผา เงาไม่เหยีบบ” แล้วถึงขั้นมีการฟ้องร้องกันอีกด้วย ซึ่งน่าเสียดายระยะเวลาที่คบกันมา

เลิกแต่ยังไม่ได้แต่ง

จากการเก็บข้อมูลคู่รักคนบันเทิงที่เลิกกันแต่ยังไม่ได้ถึงขั้นตกลงปลงใจจะแต่งงานกันพบว่า คู่รักแนวนี้มี 3 ประเภทด้วยกันคือ 1.ชายคนบันเทิงกับหญิงคนบันเทิง 2.ชายคนบันเทิงกับหญิงนอกวงการ 3.ชายนอกวงการกับหญิงคนบันเทิง

ในประเภทแรกดูเหมือนว่าจะคบกันไปได้นาน เพราะทำงานอาชีพเดียวกัน บางคู่อยู่กองถ่ายเดียวกัน จึงมีความใกล้ชิดผูกพันกัน แต่ในท้ายที่สุดความสนิทสนมกันมากจนเกินไปหารบริหารและมีการจัดการไม่ดีก็กลายเป็น “ความน่าเบื่อหน่าย” นำไปสู่การ “ตัดความสัมพันธ์” แล้ว “เลิกกัน” ในท้ายที่สุด ซึ่งถ้าทั้ง 2 ฝ่ายตกลงและทำใจกันได้ก็จบ แต่ถ้าในกรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชิงบอกเลิกกันก่อน งานนี้คงจบกันไม่ได้ง่าย ๆ หรอก “ดราม่า” เข้าเต็ม ๆ เกิดอาการร่มห่มร้องไห้ในขณะให้สัมภาษณ์ออกสื่อ ที่มีคนมองว่า ถือวิกฤตเป็นโอกาสเรียกคะแนนสงสาร ที่ใจแข็งหน่อยก็บอกสื่อว่า “ทำใจได้เร็วพลัน…พร้อมมูฟออนต่อ”

ส่วนในประเภทที่ 2 และ 3 อยู่สถานะอาชีพที่แตกต่างกัน จึงทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างจูนเข้ากันไม่ได้ แล้วฝ่ายชายหญิงคนที่อยู่นอกวงการปักใจเชื่อว่า รักนั้นอาจไม่ยืดยาว เพราะนอกจากไม่มีเวลาให้กันแล้ว ชายหญิงในวงการมีโอกาสได้พบใคร ๆ ที่อาจถูกใจได้ทุกขณะ

โฟกัสไปที่ประเภทที่ 3 ในช่วงหนึ่งดูเหมือนจะเป็นแฟชั่นที่นักแสดงสาว ๆ ระดับตัวท็อป ทั้งนางเอก นางรอง นางร้าย มักจะโชว์หวานใจที่เป็นหนุ่มไฮโซนักธุรกิจ ทายาทพันล้านหมื่นล้าน สุดท้ายก็ไปไม่รอด เพราะฝ่ายหญิงอาจเจอฝ่ายชายเพลย์บอย คบซ้อน รวมทั้งมีรสนิยมที่ไม่ตรงกัน  (ที่คบกันได้ก็น่ารักเป็นแบบอย่างการครองคู่ที่ดีให้กับคนบันเทิงด้วยกันและชาวโลกทั้งหลาย) แต่ก็มีข่าวเล็ดลอดออกมาบ้างว่า นักแสดงสาวบางคนคบเพื่อหวังผลประโยชน์จากฝ่ายชายมากกว่าที่จะรักจริงหวังแต่ง

เลิกแต่อยู่กินไม่จดทะเบียนหรือแต่งงานแล้ว

ขณะนี้กำลังเป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่องว่า คู่บันเทิง หลาย ๆคู่ประกาศเลิกหรือหย่ากันทั้งเป็นทางการและทางกู อาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงมหกรรม “เลิกรายวัน” วิเคราะห์จากข่าวในระยะนี้ขอโฟกัสไปที่ตัวต้นเหตุที่เป็น “ฝ่ายชาย” เกือบร้อยละร้อย โดยไม่นับสาเหตุขั้นพื้นฐานคือ ไม่เข้าใจกัน ทัศนคิตไม่ตรงหัน หรือ เธอดีเกินไป

ขอแยกเป็น “ฝ่ายนักร้องชาย” กับ “ฝ่ายนักแสดงชาย”  ซึ่งฝ่ายแรกนั้นส่วนใหญ่จะมีงานคอนเสิร์ตทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ก็ทำให้เจอ “ผีเสื้อกลางคืน” ที่มาในรูปแบบแฟนเพลง พริตตี้ เอ็มซี อย่างมากหน้าหลายตา ยิ่งยุคนี้ศัลยกรรมความงามสามารถช่วยให้คุณอึ๋มคุณสวยได้ดั่งใจปรารถนา ขอเพียงแค่มีเงินถุงเงินถุงเท่านั้น จะสวยถึงขั้นนางฟ้านางสวรรค์มีดหมอก็เนรมิตให้ได้ดั่งใจหวังและตังค์หนาพอ มีหรือที่หนุ่มนักร้องของเราจะไม่สะดุดตา โดยฝ่ายหญิงบางคนบอกตรง ๆ เลยว่า “มีเจตนาจ้องจะฟัน” (เผื่อฟลุ้ก) และพร้อมเปย์นักร้องชายอีกต่างหาก เคยมีข่าวซุบซิบว่า ถึงขั้นมีผู้หญิงใจกล้าไปเคาะห้องพักนักร้องชายในขณะที่ไปทัวร์หรือออกคอนเสิร์ต/มินิคอนเสิร์ตต่างจังหวัด หากนักร้องชาย่รวมตบมือด้วย เพราะตบมือข้างเดียวไม่ดัง ก็จบเห่ นักร้องชายบางคนติดกับฝ่ายหญิงชนิดที่หลงหัวปักหัวปำ พร้อมเลิกกับฝ่ายหญิงที่คบกันอยู่ หรือไม่ก็คบซ้อน มีโลกสองใบกันไปเลย

ฝ่ายนักแสดงชายที่มีคู่รักเป็นนักแสดงหญิงก็คงไม่กล้าที่จะไปกิ๊กกับคนในวงการเดียวกัน เวลาไปออกอีเว้นท์ประเภทงานโชว์ตัวตอนกลางคืน นักแสดงฝ่ายชายบางคนออกลายแสดงความเจ้าชู้ทันที ไปขอไอดีไลน์บ้าง เบอร์โทรศัพท์มือถือจากสาวสวยพริตตี้ เอ็มซี บางทีก็มี นางงาม เข้ามาแทรกด้วย ที่มียางอายหน่อยก็จะให้คนไปขอให้

ว้าย! ที่แท้ก็เพื่อนสาว

เคสที่คงไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ของสังคมไทยในสมัยนี้อีกต่อไป นักร้อง นักแสดงชาย กล้าที่จะแกรนด์โอเพ่นนิ่งว่าตัวเองเป็น LGBTQIAN+ ที่ไม่กล้าเปิดตัวเป็นพวก “แอบจิต” ก็มี เพราะกลัวจะเสียงคะแนนแฟนคลับไป จึงต้องคบผู้หญิงบังหน้าไว้

สุดท้าย “ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด” ฝ่ายหญิง (อาจเป็นยอดหญิงสิงนับสืบ) จับได้จากพฤติกรรม โดยเฉพาะจากการใช้โซเชี่ยลมีเดีย มีการแชตคุยกันหวานแหววกับผู้ชายด้วยกัน หรือเวลาเจอผู้ชายหน้าตาจะมองไม่ละสายตา แต่ฝ่ายชายบางคนก็กล้าที่คบกับผู้ชายในขณะที่คบกับฝ่ายหญิง โดยฝ่ายหญิงรู้อยู่เต็มอกซึ้งอยู่เต็มใจ

บทสรุปคือ หากจบแบบสวย ๆ คือฝ่ายชายร้องขอให้ฝ่ายหญิงช่วยคบบังหน้าให้หน่อย ซึ่งอาจมีผลประโชน์อะไรบางอย่างที่ตกลงกันได้ หรือฝ่ายหญิงนึกเสียว่าเป็นการสร้างโบสถ์สร้างิหารเอาบุญ กลายเป็น “เพื่อนสาว” กันในท้ายที่สุด

ถ้าจบไม่สวยคือ อย่างไรฉัน (ฝ่ายหญิง) ก็ไม่ยอม ต้องเลิกให้ได้ ทนไม่ได้ที่จะเห็น “สามีของเราไปเป็นภรรยาของคนอื่น” โดยฝ่ายหญิงออกมาแฉในวงในทันทีว่า “ฝ่ายชายเป็นเกย์” หากพูดออกสื่อคือ “ฝ่ายชายไม่แมน” ให้ไปตีความตามท้องเรื่อง่วาอะไรคือไม่แมน

เมียยุคนี้พึ่งศาลจัดการกิ๊กใหม่

ในหัวข้อนี้ขอหยิบเอา 2 เคสที่เป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ของ “คุณหนิง ปณิตา” ผู้จัดละครและนักแสดงคุณแม่ลูกหนึ่ง ภรรยา “จิน-จรินทร์ ธรรมวัฒนะ” นักธุรกิจ กับ “คุณจูน เพ็ญชุลี” ภรรยานักร้องหนุ่ม  “หนุ่ม กะลา” (ณพสิน แสงสุวรรณ)

สำหรับกรณีของ คุณหนิง ปณิตา ซึ่งช่วงที่เขียนสกู๊ปเรื่องนี้ยังไม่ถึงวันที่  4 กรกฎาคม 2566 เวลา 13.00 น. วันและเวลาที่คุณหนิงพร้อมทนายจะเดินทางไปที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง อีกครั้งเพื่อไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 หลังจากที่อีกฝ่ายไม่ได้มาตามนัด

โดยคุณหนิงกล่าวกับสื่อมวลชนว่า ในส่วนของเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ตนขอใช้กระบวนการยุติธรรมให้เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ตนมั่นใจในตัวทนาย และหลักฐานที่มีมากๆ สำหรับปัญหาแบบนี้เกิดในสังคมไทยเยอะมาก คนที่เจ็บปวดคือภรรยาหลวงที่ถูกกระทำ ตนอยากให้ทุกคนรู้จักกฏหมายข้อนี้ และใช้ให้เป็นประโยชน์ ใช้วิธีนี้ดีกว่า ไม่อยากให้จบด้วยความรุนแรง

“ตอนนี้ยังบอกอะไรมากไม่ได้ ก็ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม วันนี้ยังไม่ได้เจรจากัน จึงอยากรอให้ได้พูดคุยกันก่อน ถึงจะบอกได้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เบื้องต้นยังไม่ได้รับการติดต่อขอเจรจานอกรอบแต่อย่างใด ส่วนในเรื่องของสภาพจิตใจ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล ตนต้องมุ่งมั่นในเรื่องของการทำงาน แล้วก็มูฟออน ทำทุกอย่างให้มันดีที่สุดสำหรับชีวิตของตัวเอง และลูกสาว ในอนาคต ขอบคุณทุกกำลังใจ มันคือสิ่งที่ดีที่สุด” (ที่มา : อีจันบันเทิง)

 

ฝ่าย คุณจูน เพ็ญชุลี ก็ไม่ยอมน้อยหน้า พิทักษ์ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงในภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายขอเดินหน้าใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ประกาศยื่นฟ้องบุคคลที่สาม กรณีเข้ามาพัวพันทำให้ชีวิตคู่เกิดปัญหา โดยคุณจูนได้มอบหมาย ทนายพัฒน์-อนุสรณ์ อะสุระพงษ์  ทนายความส่วนตัวฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 10 ล้านบาท

ซึ่งล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก ทนายพัฒน์-อนุสรณ์ อะสุระพงษ์ ทนายความของจูน ได้โพสต์ภาพเอกสารการยื่นฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นคดีหมายเลขดำ เรียกค่าทดแทน 10 ล้านบาท พร้อมทั้งเขียนข้อความว่า “ฟ้องคดีแล้ววันนี้ และศาลมีคำสั่งรับฟ้องไว้พิจารณาแล้วครับ รอเจอกันที่ศาลตามนัด #ทนายชายพัฒน์ #ทนายเมียหลวง”

ทั้งนี้บนภาพเอกสารการยื่นฟ้อง ทนายพัฒน์ ยังได้แปะรายละเอียดแจ้งเพิ่มเติมด้วยว่า “ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดลพบุรี นัดไกล่เกลี่ยวันที่ 16 ส.ค. 2566 เวลา 09.00 น. นัดชี้สองสถานวันที่ 28 ส.ค. 2566 เวลา 09.00 น.” (ที่มา : sanook)

ให้ความยุติธรรมฝ่ายชาย

มีการกล่าวว่าถ้าหากผู้ชาย “เจ้าชู้” ถึงว่าเป็น “ขุนแผนแสนสะท้าน” สมชายชาตรี คือดูดีมากกว่าเลว แต่ทว่าเป็นผู้หญิง “เจ้าชู้” ก็คือ “นางวันทองสองใจ” หรือ “นางกากีมีชู้” ดี ๆนี่เอง มองไม่ออกเลยจะดูฝ่ายหญิงให้ดีอย่างไร

สำหรับข้อเสียของฝ่ายหญิงที่เป็นชนวนให้เลิกรากับฝ่ายชาย จากข้อมูลโดยรวมพบว่า นอกจากการแอบคบซ้อน มีทั้งที่ชายอีกฝ่ายรู้กับไม่รู้ (ถูกหลอก) แต่ก็ชอบกันไปแล้วทำอย่างไรได้ก็ “อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน”

ส่วนสาเหตุต่อ ๆ มาคือ หึงแรง หึงโหด ตรวจสอบฝ่ายชายชนิดเป็นเหมือนตำรวจสืบสวนสอบสวนมีนิสัยเสียส่วนตัว อาทิ เรื่องเยอะ ไม่ให้เกียรติฝ่ายชาย จู้จี้ขี้บ่น ขี้เหวี่ยงขี้วีน ขี้น้อยใจ อุ้ย! สารพัดจะขี้ แล้วก็มีเล่นและขอบคุยโทรศัพท์ กลายเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง

ชอบเที่ยวกลางคืนเป็นปาร์ตี้เกิร์ล ส่งเสียงมึงมาพาโวย ไม่เมา ไม่เลิก ไม่กลับ นำไปสู่กับอัพยาเล่นยา แล้วก็มั่วผู้ชาย สาเหตุที่น่ากลัวนี้คือ ติดเล่นการพนันจนหมดตัว จนต้อง “ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ” ขอหยิบยืมเงินชาวบ้าน และก็กลายเป็น “หนี้นอกระบบ” ดอกทบต้น ต้นทบดอก ไม่มีที่สิ้นสุด แบบนี้ใครจะไปอยู่ด้วยไหว สุดท้ายจะพากันไม่เหลืออะไรเลย ตามคำกล่าวที่ว่า “โจรปล้นยังเหลือบ้าน ไฟไหม้บ้านยังเหลือที่ แต่การพนันไม่เหลืออะไรเลย”

ละคร “แค้น” บทสรุปที่ไม่ใช่บทสรุป

สำหรับละครเรื่อง “แค้น” (Nobody’s Happy If I’m Not) ถูกระบุแนวละครว่าเป็น “โรแมนติก-ดราม่า-จิตวิทยา” ของผู้จัด “แอน ทองประสม” ที่กำลังออนแอร์ทางช่อง 3 ทุกวันพุธและวันพฤหัสบดี เวลา 203.0 น. ที่นำแสดงโดย “คุณแอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” ที่พลิกบทบาทมารับบทตัวร้ายชนิดสุดขั้วครั้งแรก ร่วมด้วยนักแสดงชั้นนำอย่าง “คุณแต้ว-ณฐพร เตมีย์รักษ์” และ “คุณนาย-ณภัทร เสียงสมบุญ” กำลังเรียกเรตติ้งในกลุ่มกรุงเทพฯ สูงถึง 4.79  และในกลุ่มผู้ชมอายุ 15 ปีขึ้นไป หรือ กลุ่ม 15 BU+ (Bangkok and Urban) ไต่สูงสุดถึง 4.09  เรียกยอดดูสดออนไลน์ไปถึง 2.3 แสนคน และเรียกยอดดูย้อนหลังผ่าน 3Plus ทะลุ 10.1 ล้านวิว! นอกจากเป็นถูกใจโดนใจแฟนละครและดูเหมือนว่าจะตอบโจทย์ครอบครัวคนบันเทิงและสังคมไทยในสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี

“แค้น” เป็นเรื่องราวของ เหมือนแพร เด็กสาวที่ถูกทำลายจากคนที่เธอรักและไว้ใจที่สุด เธอต้องสูญเสียทั้งบ้าน ธุรกิจของครอบครัว และความรัก จากเด็กสาวที่มองโลกสวยงามเปลี่ยนเป็นหญิงสาวที่พร้อมแลกชีวิตเพื่อแก้แค้นและเอาคืน ปรางทอง น้าสาวที่เคยทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น การฟาดฟันในสงครามประสาทที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกคนที่อยู่รอบข้าง มีเพียง พิธาน ผู้ชายที่พยายามใช้ความรัก ความเข้าใจ ดับไฟแห่งความแค้นของทั้งสองคน แต่มันไม่ใช่เรื่องง่า และเขาอาจเป็นอีกคนที่จะต้องมอดไหม้

ถึงแม้ว่าละครส่วนใหญ่จะมีบทสรุปส่งท้ายว่า “ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว” และ “ธรรมย่อมชนะอธรรม” แต่สำหรับสังคมบางสังคมในปัจจุบัน ไม่อาจสรุปได้เหมือนในละคร จึงทำให้ผู้คนต้องทนทุกข์ทรมานกันต่อไป โดยเฉพาะในเรื่องการผิดศีลข้อที่ 3 กาเมสุมิสฉาจาราเวรมณี การละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม การประพฤติผิดลูกผิดเมียคนอื่น (มีกิ๊ก มีชู้ก็ไม่ควร) จึงต้องดิ้นรนหาทางออกที่ดีกันไป ตราบใดที่คนเรายังมีเรื่อง “กามตัณหา” ตราบนั้นปัญหาเรื่องตามที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็ไม่มีที่สิ้นสุด

ภาพบางส่วน : อินเทอร์เน็ต/BBC

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ฉบับที่ 386 ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2566

แรงแค้น

แค้นแร๊ง!

เลิก-หน่าย-ม้าย-หย่า

รักเมืองมายาไทยแลนด์ยุค 4.0

https://book.bangkok-today.com/books/rbom/
สามารถพลิกอ่านได้เหมือนหนังสือปกติ

Facebook Comments


Social sharing

Related post