
“เศรษฐา ทวีสิน” เข้าพิธีรับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30


วันนี้ วันที่ 23 สิงหาคม 2566 เวลา 18.00 น. มีพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี โดยนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อัญเชิญพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มายัง ณ ห้องโถงชั้น 7 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยนางพรพิศ อ่านพระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ความว่า
…พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้ลงมติเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เห็นชอบด้วย ในการแต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่ทั้งหมดมีอยู่ของทั้งสองสภา จึงแต่งตั้งให้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายวันมูหะมันอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร
ต่อมานายเศรษฐาได้กล่าวน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และได้เปิดการแถลงภายหลังจากเข้าพิธีรับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯโดยระบุว่า
“เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กระผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนับเป็นศุภศิริมงคลแก่ชีวิตและขวัญกำลังใจสูงสุดแก่กระผมและครอบครัวอย่างหาที่สุดไม่ได้ กระผมมีความปลื้มปิติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และขอเทอดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ทั้งจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตเพื่อประโยชนสูงสุดของประชาชน และความวัฒนาสถาพรของประเทศชาติ สนองตามพระราชปณิธานตามพระปฐมพระบรมราชโองการและตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทุกประการ
ในวาระที่ผมได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในวันนี้ ผมขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาที่ทำหน้าที่ที่ผ่านมา ขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทย ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานทุกภาคส่วน ขอขอบคุณพระร่วมรัฐบาลที่สนับสนุน ตลอดจนภาคประชาสังคม เอกชน สำหรับความเชื่อมั่นและความไว้วางให้ผมได้มีโอกาสในการบริหารราชการแผ่นดิน
พี่น้องประชาชนคนไทยที่เคารพ ผมขอยืนยันว่า ผมจะทุ่มเททำงานตามมาตรฐานจริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ผมมั่นใจว่า 4 ปีต่อจากนี้ จะเป็น 4 ปี แห่งความเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยวันนี้อยู่ท่ามกลางจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เรามีวิกฤตและปัญหาที่ต้องการทางออกอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ รายได้ รายจ่าย ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ความมั่นคง สังคม การต่างประเทศ สิ่งแวดล้อม กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม การทุจริตประพฤติมิชอบและอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ล้วนก่อให้เกิดความเลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียม และความยากลำบาก
ผมมีความประสงค์จะดำเนินนโยบายต่าง ๆ ที่ได้เตรียมไว้เพื่อแก้ไขวิกฤต บรรเทาปัญหา สร้างการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาคไปจนถึงภาคของครัวเรือน ขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า บริหารงบประมาณภาครัฐอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพเป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ สร้างความร่วมมือเชิงบวกกับภาคเอกชน ภาคต่างประเทศ ทำให้ภาคประชาชนและราชการเติบโตไปพร้อม ๆ กัน
ผมมีความตั้งใจที่จะประสานประชาชนคนไทยทุกภาคส่วน สร้างสังคมที่เคารพอัตลักษณ์ เคารพความแตกต่างทางความคิด และเคารพกติกาในกรอบระเบียบและกฎหมาย สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงและตรงไปตรงมา
ในฐานะของตัวแทนรัฐบาล ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนร่วมกันเป็นพลังที่จะคอยพลักดันร่วมแรงร่วมใจกับรัฐบาลเพื่อนำประเทศไทยของเราไปข้างหน้า
พี่น้องประชาชนที่เคารพ ผมขอให้คำมั่นว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยจะทำงานอย่างหนัก เพื่อบำบัดความทุกข์สร้างความสุข นำพาความเจริญให้กับประชาชนคนไทยและคนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งความหวังของคนรุ่นใหม่ เป็นดินแดนแห่งความสุขของคนทุกวัย เป็นประเทศที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีในเวทีนานาชาติอีกครั้ง
ผมนายเศรษฐา ทวีสิน จะขอทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย เป็นรัฐบาลที่จะทุ่มเท ทำงานหนัก รับฟังเสียงของประชาชน นำความสามัคคีกลับคืนสู่คนในชาติ นำพาประเทศไทยไปข้างหน้า และสร้างอนาคตที่ดีกว่า ให้กับลูกหลานของพวกเราทุกคน นับจากวันนี้เป็นต้นไป ขอบคุณครับ”
ภาพ : บีบีซีไทย