Digiqole ad

“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2566

 “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2566
Social sharing
Digiqole ad
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2566 จัดโดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โดยนายกรัฐมนตรีมีนโยบายสำคัญเรื่องการปราบปรามการทุจริต โดยใช้หลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง รวมถึงผลักดันกระบวนการต่างๆ ของภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล เพื่อสร้างความโปร่งใสและให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
.
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาพูดคุยกับทุกท่านในงานวันต่อต้าน คอร์รัปชัน 2566 การปราบปรามการทุจริตและเรื่องความโปร่งใสของรัฐบาล เป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งของรัฐบาล และเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐที่จะต้องสนับสนุน และปฏิบัติตาม อย่างไม่มีข้อยกเว้น
.
ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) เป็นอันดับที่ 101 ของโลก ในด้านของดัชนีการรับรู้การทุจริต เป็นอันดับ 4 ของอาเซียน (ต่ำกว่าสิงคโปร์ มาเลเซีย และ เวียดนาม) ซึ่งหมายความว่าเรามีสิ่งที่จะต้องพัฒนากันอีกมากนะครับ เพราะประเทศที่กล่าวไปเบื้องต้นนี้ เป็นประเทศที่เป็นคู่แข่งทางด้านการของเรา เราจำเป็นต้องถีบตัวให้ขีดความแข่งขันสูงขึ้นมาอีก
.
ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันนั้น นอกจากที่จะทำให้เกิดความเสียหายโดยตรงต่อภาครัฐแล้ว ยังทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่ทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอย และมีผลต่อเนื่องไปสู่ปัญหาการขับเคลื่อน GDP ของประเทศอีกด้วย
.
เพื่อที่จะขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันให้หมดไป ทางรัฐบาลของประชาชน ที่มีกระผมเป็นหัวเรือใหญ่ มีนโยบาย ทั้งด้านการใช้หลักนิติธรรม หรือ Rule of Law ที่เข้มแข็ง และนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ในกระบวนการต่างๆ ของภาครัฐ ทำให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล ซึ่งจะช่วยพี่น้องประชาชนได้ทั้งความโปร่งใส และการให้บริการภาครัฐที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
.
หลักนิติธรรมที่มั่นคงแข็งแรงมาจากระบบการเขียนกฎหมายและการออกกฎหมายที่ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ และประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเพื่อช่วยกันกำหนดทิศทางและอนาคตของตัวเองและของประเทศชาติ
.
เรามีแผนที่จะปรับปรุงกฎหมายเพื่อลดกระบวนการและเงื่อนไขต่างๆ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เปลี่ยน “รัฐอุปสรรค” ให้เป็น “รัฐสนับสนุน” และป้องกันการใช้อำนาจของเจ้าหน้ารัฐที่เรียกรับสินบนจากประชาชน
.
นอกจากกฎหมายที่เข้มแข็งแล้ว รัฐบาลจะให้ความสำคัญ กับการบังคับใช้กฎหมายและการลงโทษที่เฉียบขาดและครอบคลุม เจ้าหน้าที่รัฐในหลายๆ ตำแหน่งจะต้องยื่นยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และในระดับสูงจะต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อแสดงความโปร่งใส และเปิดให้ประชาชนร่วมตรวจสอบได้
.
การมีกฎหมายที่เข้มแข็ง เน้นประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และการบังคับใช้กฎหมายที่ยุติธรรม มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้นี้ จะส่งเสริมความแข็งแกร่งและสร้างรากฐานของสังคมที่เคารพในกฎหมายร่วมกัน และขจัดการคอร์รัปชันให้หมดไปจากประเทศไทย
.
นอกจากหลักนิติธรรมที่มั่นคงแข็งแรงแล้ว เราจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เราสามารถเกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้ ตัวอย่างนโยบายที่เราจะนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้คือ
.
1) ใช้ระบบการจ่ายเงินภาครัฐผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์แทนการใช้เงินสด
.
2) เปิดให้ขอใบอนุญาตและการติดต่อราชการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และทำให้ขอได้ง่ายเป็น One-stop service
.
3) ปรับปรุงระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้ทันสมัยและโปร่งใส เพื่อป้องกันการทุจริต และเปิดข้อมูลให้ตรวจสอบได้ตามแนวทาง Open Government
.
4) ปรับเปลี่ยนการบริหารประเทศของรัฐบาลให้เป็น Digital Government และปรับใช้เทคโนโลยีสำหรับระบบการอนุมัติ การอนุญาต การควบคุมการตรวจสอบ เพื่อให้มีความโปร่งใส และลดการต้องใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นผู้ติดต่อกับประชาชน
.
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมต่อว่า เมื่อช่วงเช้าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) ก็ได้กล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนภาคราชการด้วยว่า ภาคราชการเป็นภาคที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และเป็นผู้ปฏิบัติผลักดันขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้ประสบความสำเร็จ ดังนั้น ต้องไม่มีการซื้อขายตำแหน่งหรือการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ต้องให้เกียรติข้าราชการ ซึ่งภารกิจหนึ่งที่ผมอยากนำเข้ามาในรัฐบาลนี้คือต้องแน่ใจว่าข้าราชการจะได้รับความเป็นธรรม ได้รับการสนับสนุนเมื่อเขามีผลงานที่ดี การซื้อขายตำแหน่งต้องหมดไป ถ้าทำได้ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้เราขับเคลื่อนนโยบายดีๆ ของรัฐบาลนี้ต่อไป
.
“ผมเชื่อมั่นว่าภายใต้รัฐบาลเพื่อไทยนี้ ปัญหาการคอร์รัปชันจะลดลง
ความโปร่งใสและเป็นธรรมจะเพิ่มมากขึ้น และตามมาด้วยความน่าเชื่อถือและการยอมรับจากประชาชนและนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งก็จะส่งผลกระทบในทางที่ดีต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน” นายกรัฐมนตรีกล่าวในที่สุด
.
Facebook Comments

Related post