Digiqole ad

“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)

 “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
Social sharing
Digiqole ad
วันที่ 30 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) อย่างเป็นทางการ โดยได้พบปะหารือกับประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) , นายกรัฐมนตรี , ประธานสภาแห่งชาติ สปป.ลาว ทั้งสองประเทศต่างแสดงความยินดีที่ได้พบปะเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมืออย่างใกล้ชิด การเพิ่มปริมาณการค้าชายแดน การส่งเสริมความเชื่อมโยงระบบขนส่งโลจิสติกส์ทั้งระบบราง ระบบถนน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าขายของทั้งสองประเทศให้เติบโตถึงเป้าหมาย 11,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568
1.นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมคารวะ นายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิไตยประชาชนลาว โดยประธานประเทศฯ แสดงความยินดีต้อนรับการเยือนของนายกรัฐมนตรี ชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-ลาวแนบแน่น และมั่นใจว่าความร่วมมือของสองประเทศจะก้าวหน้าและพัฒนาเพื่อประโยชน์ของประชาชนของสองประเทศ
.
2. นายกรัฐมนตรี พบปะหารือนายนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้
.
2.1 ด้านการค้า
นายกรัฐมนตรีพร้อมสนับสนุนการเชื่อมโยงเศรษฐกิจของ สปป.ลาวและภาคอีสานของไทยให้เป็น Growth Area หาแนวทางลดอุปสรรคและเร่งอำนวยความสะดวกทางการค้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ 11,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 โดยไทยพร้อมเป็นฝ่ายจัดประชุมระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว เพื่อกำหนดแนวทางเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกัน
.
2.2 ด้านโครงสร้างพื้นฐานและความเชื่อมโยง
ซึ่งนายกรัฐมนตรีสนับสนุนนโยบาย สปป.ลาว เปลี่ยนประเทศจาก Land-locked เป็น Land-linked เชื่อมโยงคมนาคมขนส่งระหว่างสองประเทศ
2.3 ด้านระบบราง
นายกรัฐมนตรีเร่งรัดหารือสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง (หนองคาย-เวียงจันทน์) และเร่งรัดจัดทำกรอบความตกลง (Technical Arrangement) เพื่อเริ่มเดินรถไฟระหว่างสถานีท่านาแล้งมาถึงสถานีรถไฟเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ได้ในต้นปีหน้า เพื่อเพิ่มการขนส่ง การค้าและการท่องเที่ยว
.
2.4 ด้านระบบถนนและสะพาน
นายกรัฐมนตรียินดีที่โครงการสะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) คืบหน้าและเห็นชอบหลักการก่อสร้างโครงการสะพานมิตรภาพแห่งที่ 6 (อุบลราชธานี-สาละวัน) รวมถึงปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 12 เพื่อส่งเสริมการค้าขายเชื่อมไทย – ลาว – เวียดนาม – จีนได้สะดวกขึ้น
.
2.5 ด้านระบบราง
นายกรัฐมนตรีขอให้เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งกับต้นทุนและลดระยะเวลา ทั้งนี้ขอให้ สปป.ลาวพิจารณาจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่เวียงจันทน์ (Vientiane Logistic Park -VLP) ที่แน่นอนและอัตราค่าบริการที่ชัดเจน
.
2.6 ด้านขนส่งทางถนน
โดยไทยขอให้ สปป.ลาว พิจารณาเปิดด่านอนุญาตให้รถบรรทุกหัวลากตู้คอนเทนเนอร์ของไทย สามารถขนส่งสินค้าเข้า สปป.ลาวได้เหมือนก่อนสถานการณ์โควิด ส่วนพิธีการศุลกากร ขอให้เร่งรัดจัดตั้ง Common Control Area (CCA) ที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) เพื่อช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการทั้งสองฝ่าย
.
2.7 ด้านสิ่งแวดล้อม
ปัญหาหมอกควันข้ามแดน ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันจัดทำ แผนปฏิบัติการร่วม (Joint Action Plan) ระหว่าง 3 ประเทศ (ไทย สปป. ลาว และเมียนมา) ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
2.8 ด้านพลังงาน
นายกรัฐมนตรี ยังสนใจซื้อพลังงานสะอาดจาก สปป.ลาวเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่กำลังขยายตัวในอนาคตอีกด้วย
.
3. นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้หารือกับ นายไซสมพอน พมวิหาน ประธานสภาแห่งชาติ สปป.ลาว ซึ่งได้ชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-ลาวในทุกระดับ พร้อมเชิญนายกรัฐมนตรีไทย ไปร่วมเป็นประธานร่วมพิธีเปิดสถานีรถไฟเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ร่วมกับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ซึ่งสถานีรถไฟดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนสองฝ่าย และสนับสนุนการเชื่อมโยงการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ และกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศด้วย
.
ที่มา :
Facebook Comments

Related post