Digiqole ad

เศรษฐา ทวีสนายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามปัญหาฝุ่น PM 2.5 พร้อมติดตามความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า และตรวจราชการ ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ

 เศรษฐา ทวีสนายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามปัญหาฝุ่น PM 2.5 พร้อมติดตามความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า และตรวจราชการ ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ
Social sharing

Digiqole ad
11 มกราคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า และตรวจราชการ ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายบูรณาการการทำงานร่วมกัน มีแผนการทั้งในระยะสั้นเพื่อบรรเทาปัญหาให้พี่น้องประชาชน รวมถึงแผนการในระยะกลางและยาว เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าอย่างยั่งยืน พร้อมเตรียมประสานเพื่อนบ้าน กัมพูชา-ลาว-เมียนมา ร่วมแก้ปัญหาฝุ่นและไฟป่า และฝากทุกหน่วยดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่
.
1. เวลา 09.45 ณ ห้องประชุมกองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการดําเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้หารือแนวทางแก้ไขปัญหาและวิธีการป้องกันร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือ ยึดตามแนวทาง ดังนี้
– ขอให้แบ่งพื้นที่รับผิดชอบ X-Ray พื้นที่ว่ามีปัญหาที่ใด เร่งแก้ปัญหาเร่งด่วน และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกวัน ถ้าไม่ดีกว่าเดิมต้องแจ้งด้วยว่าเพราะอะไร
– ต้องมีแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เจ้าหน้าที่ต้องมีข้อมูลชัดเจน ถูกต้อง แม่นยำ
– ขอให้จังหวัดและทุกส่วนราชการ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลประชาชนโดยเฉพาะด้านสุขภาพ อาทิ สุขภาพของเด็กและผู้สูงอายุ การรณรงค์ให้หน้ากากกรองฝุ่น การจัดศูนย์พักพิงสำหรับประชาชน
– การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าสำหรับประชาชน ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลให้ประชาชนมีหน้ากากกรองฝุ่นและเข้าถึงเครื่องฟอกอากาศในราคาที่เข้าถึงได้
– ให้ความสำคัญแก่การสร้างจิตสำนึกร่วมกันให้ประชาชนรับรู้ข่าวสาร ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ช่วยกันดูแลพื้นที่ป่า ลดการเผา โดยเฉพาะชุมชนต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
– ในระยะยาว ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายคืนอากาศบริสุทธิ์ให้ภาคเหนือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคมนาคม การดำรงชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการแก้ไขปัญหาสิทธิในที่ดินทำกินที่อยู่อาศัย
2. เวลา 11.55 นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา Hotspot ในพื้นที่ภาคเหนือ ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ เน้นย้ำว่าการแก้ไขต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐและประชาชน ซึ่งไม่อยากให้นำปัญหาที่เกิดจากเพื่อนบ้านมาเป็นข้ออ้าง เนื่องจากไทยเป็นพี่ใหญ่ที่มีเทคโนโลยีและทรัพยากรมากกว่า จึงต้องมีการเจรจากับเพื่อนบ้าน โดยภารกิจนี้จะหนักขึ้นมากในช่วง 4 เดือนนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทุกฝ่ายที่แก้ไขปัญหานี้แบบบูรณาการซึ่งต้องพยายามแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป โดยรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือ สามารถโยกย้ายยุทโธปกรณ์ เพื่อนำไปช่วยเสริมในบางหน่วยที่ขาดแคลนได้ อีกทั้งอยากฝากให้หน่วยงานดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ให้ดี ไม่ว่าจะเรื่องการพักผ่อน ชีวิต และจิตใจ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้ร่วมทำแนวกันไฟ และรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า
.
3. เวลา 13.15 นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ว่าเป็นที่น่ายินดีว่าจุดความร้อนลดลงจาก 50 กว่า เหลือ 10 กว่าจุดในช่วงเวลาเดียวกันที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และได้เน้นย้ำว่าต้องมีการพูดคุยกับเพื่อนบ้านซึ่งได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศดูแลเป็นพิเศษปัญหาจากเมียนมาและลาวน่าจะหนักขึ้นประมาณเดือนมีนาคมและเมษายน และในช่วงเดือนนี้และเดือนหน้าก็จะเป็นฤดูเผาป่าของกัมพูชาด้วย โดยช่วงบ่ายนี้จะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่วนเรื่องทรัพยากรในการดูแลไฟป่า งบประมาณที่ขาดแคลนของกรมฝนหลวงเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งทราบว่าจะต้องมีการจัดซื้อจัดจ้าง แต่ต้องใช้เวลา 1-2 ปี ตอนนี้ได้ให้แม่ทัพภาคที่ 3 พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารอากาศว่าหากมีเครื่องบินหรืออุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้หรือใช้น้อย ขอให้เราปรับปรุงแล้วนำมาใช้ในการปล่อยน้ำหรือทำฝนหลวง อีกทั้ง กอ.รมน. ก็สามารถช่วยได้อยู่แล้ว เพราะทำอยู่แล้วในแง่ของไฟป่า
.
Facebook Comments


Social sharing

Related post