
เนสท์เล่ เปิดตัว แบรนด์ระดับโลก ฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ (HARVEST GOURMET™) นำเสนอ Plant-based Food ผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช

ในปัจจุบันกระแสการดูแลสุขภาพถือเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคไทยหันมาให้ความสำคัญกันอย่างแพร่หลายมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน โดยหนึ่งในเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมคือการบริโภคโปรตีนจากพืชที่ให้คุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะอาหารจากพืช หรือ Plant-based Food โดยในปัจจุบันพบว่ากว่า 25 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยบริโภคอาหารที่ทำจากพืช ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคที่ทานมังสวิรัติ หรือ เจ แต่ยังรวมถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ ด้วยเหตุผลที่ใส่ใจด้านสุขภาพ ความเชื่อเรื่องการละเว้นหรือการบริโภคเนื้อสัตว์ให้น้อยลง และเหตุผลในการช่วยเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เล็งเห็นถึงพฤติกรรมการบริโภครูปแบบใหม่นี้ จึงเปิดตัวแบรนด์ระดับโลก ฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ (HARVEST GOURMET™) นำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช หรือ Plant-based Food เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพ และ ใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น คุณเครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร และ เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประจำภูมิภาคอินโดไชน่า กล่าวว่า “ผลสำรวจพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทั่วโลก และ ประเทศไทย แสดงให้เห็นเทรนด์ของการรักสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ซึ่งผู้บริโภคเชื่อว่าการลดการบริโภคเนื้อสัตว์และหันมาบริโภคอาหารจากพืช หรือ
“ฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ นำเสนอนวัตกรรมอาหารจากพืช (Plant-based Food) ซึ่งมีวัตถุดิบหลักมาจากพืช ผัก ผลไม้ เห็ดต่างๆ รวมไปถึงธัญพืช และถั่ว ที่มีโปรตีนสูง เป็นแหล่งของใยอาหาร ไม่ใส่วัตถุกันเสีย แต่งสีธรรมชาติ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งรสชาติอาหารที่อร่อยอย่างคาดไม่ถึง มาในรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย อาทิ เนื้อเบอร์เกอร์, เนื้อบดละเอียด, ไก่ย่างรมควัน, ไก่ชุบเกล็ดขนมปัง และ มีทบอล ซึ่งล้วนมีส่วนประกอบหลักที่ทำจากโปรตีนพืช ได้แก่ พืชตระกูลถั่วจากธรรมชาติ ปัจจุบัน เรามีฐานการผลิตสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ มาเลเซีย ซึ่งจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์จากฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ มีรสชาติที่ถูกปากคนเอเชีย รวมถึงคนไทยแน่นอน” คุณเครือวัลย์ วรุณไพจิตร กล่าวเพิ่มเติม
คุณกฤษฎา ผามั่ง เชฟผู้เชี่ยวชาญ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวถึงประสบการณ์ในการปรุงอาหารด้วยผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช (Plant-based Food) ของฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ ว่า “รสชาติและเนื้อสัมผัสของอาหารที่ปรุงจากผลิตภัณฑ์ฮาร์เวสต์ กูร์เมต์นั้น อร่อยใกล้เคียงเนื้อจริง ทั้งนี้เพราะใช้บีทรูทสกัดเข้มข้น หรือแครอทสกัดเข้มข้นในการแต่งสีธรรมชาติให้เนื้อดูมีสีแดงคล้ายเนื้อจริง และ ใช้น้ำมันมะพร้าวในการเพิ่มความชุ่มฉ่ำให้เนื้อสัมผัส และมีลักษณะคล้ายไขมันแทรก นอกจากนี้ ยังสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น อาหารตะวันตก, อาหารฟิวชั่น และ อาหารสไตล์โมเดิร์นไทย”
นอกจากเนื้อสัมผัสที่ชุ่มฉ่ำ และรสชาติแสนอร่อยแล้ว อาหารจากพืช (Plant-based Food) ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่รักสุขภาพ นอกจากมีโปรตีนสูงแล้ว ยังเป็นแหล่งของใยอาหาร โดยเฉพาะถั่วเหลือง ซึ่งจัดเป็นโปรตีนที่สมบูรณ์ มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน โดยผู้บริโภคควรเลือกทานอาหารจากพืช ให้หลากหลายเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ซึ่งตามหลักโภชนาการแล้ว ร่างกายควรได้รับปริมาณโปรตีน 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. เพราะร่างกายต้องใช้โปรตีนในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมร่างกาย และใช้เป็นพลังงานเมื่อถึงคราวจำเป็น
อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคเริ่มหันมาบริโภคอาหารจากพืช (Plant-based Food) และลดหรือหลีกเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์นั้นก็มีสาเหตุมาจากความต้องการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งการเปิดตัวแบรนด์ ฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ ถือเป็นการเดินหน้าตอบโจทย์พันธกิจสำคัญของเนสท์เล่ในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเหลือศูนย์ ภายในปี 2593 คุณทาธฤษ กุณาศล ผู้จัดการฝ่ายบริการการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวถึงประโยชน์ของการบริโภคอาหารจากพืชที่ช่วยส่งเสริมความอย่างยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมว่า “วัตถุดิบหลักของผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชจากฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ มาจากการเพาะปลูกพืชเป็นหลัก ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว การทำเกษตรกรรมจะผลิตก๊าซเรือนกระจก อาทิ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ มีเทน น้อยกว่าการทำฟาร์มปศุสัตว์ กล่าวคือ สัตว์จะเป็นผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศเมื่อหายใจ ในขณะที่พืชจะทำหน้าที่ดูดซับก๊าซดังกล่าว และช่วยทำให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น โดยการปล่อยอ๊อกซิเจนออกมาในกระบวนการสังเคราะห์แสง นอกจากนี้ ในการทำเกษตรกรรมยังใช้พื้นที่ดิน ทรัพยากรน้ำ และพลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าการทำฟาร์มปศุสัตว์อีกด้วย ตัวอย่างเช่น การผลิตเนื้อวัว 1 กิโลกรัม จะต้องใช้ทรัพยากรน้ำตลอดกระบวนการผลิตถึง 15,000 ลิตร ในขณะที่ ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม ใช้ทรัพยากรน้ำเพียง 1,800 ลิตร ดังนั้น การที่เรารับประทานอาหารจากพืชมากขึ้น ก็จะช่วยให้เราใช้ทรัพยากรธรรมชาติลดลง และลดการสร้างก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศโลกอีกด้วย”
เตรียมสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยที่คาดไม่ถึง และตกหลุมรักสิ่งดี ๆ ของ Plant-based Food จากแบรนด์ ฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ ผ่านพันธมิตรทางธุรกิจร้านอาหาร ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 เป็นต้นไป ผู้บริโภคสามารถติดตามข่าวสารและเมนูจาก ฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ ได้ที่ https://www.nestleprofessional.co.th/harvest-gourmet