Digiqole ad

“เที่ยวและมูคู่กัน” EP:31 จิรัฏวัฒน์ ศิริบุตร เล่าเรื่อง “วัดโบสถ์” กราบเกจิหลวงปู่เทียน สักการะพระเจ้าตากสินมหาราช (อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 408 วันที่ 1-7 ธ.ค.66)

 “เที่ยวและมูคู่กัน” EP:31 จิรัฏวัฒน์ ศิริบุตร เล่าเรื่อง “วัดโบสถ์” กราบเกจิหลวงปู่เทียน สักการะพระเจ้าตากสินมหาราช (อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 408 วันที่ 1-7 ธ.ค.66)
Social sharing

Digiqole ad

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 408 วันที่ 1-7 ธันวาคม 2566

หน้า 31 คอลัมน์ : เที่ยวและมูคู่กัน/จิรัฏวัฒน์ ศิริบุตร

ตอนที่ 31 : “วัดโบสถ์” กราบเกจิหลวงปู่เทียน

สักการะพระเจ้าตากสินมหาราช

ในฉบับนี้ผมขอพาทุกท่านไปที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมากนัก และใกล้กับตลาดเมืองปทุมธานี ผมจะพาไปที่ “วัดโบสถ์” (หลวงปู่เทียน) ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ที่นี่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สายมูอย่างเราได้มาขอพร ขอบุญบารมีเรียกได้ว่ามาที่วัดแห่งนี้ อิ่มอกอิ่มใจกลับบ้านอย่างแน่นอน

 

ผมมาที่วัดโบสถ์เป็นครั้งที่ 2 สิ่งทำให้ผมได้เดินทางกับมามูที่นี่อีกครั้งก็คือพระบรมรูปหล่อ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”  องค์ใหญ่น่าเกรงขาม ผมขอเอ่ยถึงพระองค์ท่านก่อนนะครับ ตามที่ได้สอบถามจากพระลูกวัดที่ดูแลศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้เล่าความว่า วัดแห่งนี้เป็นวัดมอญ-รามัญ สร้างมาตั้งแต่ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อ 400 กว่าปีก่อน ล่วงมา โดยทางวัดและทางชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้ได้ลงความเห็นกันว่าควรที่จะมีรูปปั้นเสมือนของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเอาไว้ที่นี่ เพื่อในการระลึกถึงในช่วงเวลานั้น รัชสมัยของพระองค์ที่ได้ปกบ้านป้องเมืองในการดูแลชาวมอญ-รามัญ เป็นอย่างดีในช่วงเวลานั้นครับ

 

 

 

เมื่อเดินทางมาถึงก็มีธูปก้านสีแดงให้จุดบูชาโดยมัดเป็นกำไว้เรียบร้อย หลังจากนั้นผมได้เข้าไปด้านใน สักการะองค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หากใครจะถวายดาบกแด่พระองค์ท่านสามารถทำได้ ตามแต่จะศรัทธา ส่วนตัวของผมคิดว่า พระบรมรูปเหมือนองค์นี้มีญาณอะไรบางอย่างที่สัมผัสได้

 

 

แน่นอนครับว่า วัดโบสถ์ แห่งนี้ เป็นวัดที่เก่าแก่คู่เมืองปทุมธานี มีพระเกจิชื่อดังคือ “หลวงปู่เทียน” โดยในช่วงประมาณปี 2509 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จฯที่วัดแห่งนี้ด้วย ความศักดิ์สิทธิ์และบุญบารมียังไม่หมดแต่เพียงท่านี้ ผมได้กล่าวไปในช่วงต้นแล้วว่า วัดโบสถ์แห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย

 

หนึ่งในนั้นที่สายมูและประชาชนทั่วไปที่มาคือ การได้ไหว้ขอพร “หลวงพ่อสมปรารถนา” เป็นองค์ที่เก่าแก่มาก ๆ ซึ่งองค์จริงอยู่ในโบสถ์ที่มีอายุ 401 ปี และในตอนนี้ทางวัดได้ทำการดีดโบสถ์เพื่อปรับปรุงซ่อมแซม ไม่ให้น้ำมาท่วมโบสถ์เหมือนก่อน ซึ่งต้องบอกว่าความศักดิ์สิทธิ์มีไม่น้อยเช่นกัน เมื่อไหว้ขอพรเสร็จแล้วก็ให้ลั่นระฆัง 1 ครั้ง แล้วไปผูกผ้าใต้โบสถ์ หลังจากผูกผ้าแดงเสร็จแล้วให้ออกมาตีฆ้อง 3 ครั้ง เป็นอันเสร็จกิจในการขอพร

 

 

ต่อมาจึงเดินไปขอพลังกับรูปหล่อ “ท้าวเวสสุวรรณ” หรือ ท้าวกุเวร ท่านเป็นอธิบดีแห่งอสูร หรือเจ้าแห่งภูตผีปีศาจทั้งหลาย เป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ประทับทางทิศเหนือ มีอสูร รากษส และภูตผีปีศาจเป็นบริวาร ท้าวเวสสุวรรณมีอิทธิฤทธิ์มาก มีทรัพย์สมบัติมาก นอกจากช่วยปกป้องคุ้มครองแล้ว ยัง บันดาลโชคลาภและความร่ำรวย ให้แก่ผู้ที่บูชาอีกด้วย

จากนั้นเดินเข้าไปพักผ่อนภายในวัด ต้องบอกว่าสถานที่แห่งนี้ ร่มเย็นมาก เสียงดนตรีไทย เสียงสวดมนต์จากการเปิดเครื่องดนตรีดังมากระทบหูอยู่เป็นระยะๆ ทำให้จิตของเรานั้น สงบและมีพลัง  เอาเป็นว่า หากพูดไปอธิบายไปก็ไม่เท่ากับเดินทางไปพิสูจน์ด้วยด้วยเอง ผมเชื่อว่า ถ้ายังไม่ได้พิสูจน์ก็จะตัดสินอะไรไม่ได้ อนุโมทนา สาธุ!

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 408 วันที่ 1-7 ธันวาคม 2566หน้า 31

หน้า 31 คอลัมน์ : เที่ยวและมูคู่กัน/จิรัฏวัฒน์ ศิริบุตร

ตอนที่ 31 : “วัดโบสถ์” กราบเกจิหลวงปู่เทียน

สักการะพระเจ้าตากสินมหาราช

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ ๔๐๘ ระหว่างวันที่ ๑-๗ ธันวาคม ๒๕๖๖

https://book.bangkok-today.com/books/attq/index.html#p=1

(สามารถพลิกอ่านได้เหมือนหนังสือปกติ)

 

Facebook Comments


Social sharing

Related post