
“เที่ยวและมูคู่กัน” จิรัฏฐวัฒน์ ศิริบุตร ตอนที่ 26 : วัดกระทุ่มเสือปลา แวะที่เดียว “มู” ขอพรได้ครบจบก่อนบินที่สุวรรณภูมิ (อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 403 วันที่ 27 ต.ค.-3 พ.ย.66)


อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ ๔๐๓ วันที่ 27 ต.ค.-3 พ.ย.66
หน้า 31 คอลัมน์ : เที่ยวและมูคู่กัน
เรื่อง/ภาพ : จิรัฏฐวัฒน์ ศิริบุตร
ตอนที่ 26 : วัดกระทุ่มเสือปลา แวะที่เดียว
“มู” ขอพรได้ครบจบก่อนบินที่สุวรรณภูมิ
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ “มู” ซึ่งอยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยฉบับนี้เอาใจคนที่อยาก “มู” แต่มีเวลาน้อย เพียงแค่มีโอกาสได้ไปที่ “วัดกระทุ่มเสือปลา” ซ.อ่อนนุช 67 แขวง-เขตประเวศ ซึ่งที่นี่อยู่ไม่ไกลจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก็ถือได้ว่าสะดวกที่สำคัญ ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ขอพรอย่างครบถ้วน ทั้ง พุทธ ฮินดู ศาลเจ้า เทพเจ้า ต่าง ๆ
“วัดกระทุ่ม” หรือชื่อเต็มๆ คือ “วัดกระทุ่มเสือปลา” เป็นวัดสวยแห่งย่านอ่อนนุช เขตประเวศ ที่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ 2315 หรือในช่วงสมัยปลายกรุงศรีอยุธยานั่นเอง แต่ไม่ปรากฎว่าใครเป็นผู้สร้างขึ้นมา มีเพียงหลักฐานว่า “ขุนประเวศชนารักษ์” หรือ “เถ้าแก่เอี๋ยว” ชาวจีนที่อพยพเข้ามาและได้เข้ารับราชการในราชสำนัก และ “นางซ้อน กิตติโกวิท” ภรรยา นั้น ร่วมกันบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ เมื่อ พ.ศ. 2467 ครับ แต่สาเหตุที่เรียกกันว่า “วัดกระทุ่มเสือปลา” นั้น เนื่องมาจากเมื่อก่อนพื้นที่ในบริเวณรอบวัด มีต้นกระทุ่มขึ้นอยู่รอบ ๆ นั่นเอง และมีเสือปลาอาศัยอยู่เยอะแยะมากมาย ทำให้ชาวบ้านพากันเรียกชื่อวัดแบบนี้กันนั่นเอง และวัดเก่าอย่างนี้ ก็ต้องมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงามอย่างแน่นอน สำคัญที่สุดในปัจจุบัน วัดกระทุ่มเสือปลาแห่งนี้ได้รวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ด้วยกัน
ในช่วงเวลาที่ผมเดินทางไปนั้นเป็นช่วงของการไหว้พระราหู มีประชาชนที่ศรัทธาในพระราหูเดินทางไปที่นี่เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้ต่อแถวยาวเพื่อรอร่วมบุญเครื่องสักการะบูชาพระราหู ถัด ๆ มาไม่ไกลกันมากนัก จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลายคนมาที่นี่จะต้องมาขอพร นั่นคือ “ศาลเจ้าพ่อเสือ” ซึ่งเป็นการสันนิษฐานจากคำบอกเล่าสืบต่อกันมาว่า มีมาประมาณ 90 กว่าปี หรือก่อน พ.ศ. 2460 โดยแต่เดิมเป็นเพียงศาลไม้ขนาดเล็กปลูกอยู่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ ภายในมีภาพวาดเสือโคร่งเป็นตัวแทนให้สักการะบูชา ต่อมาได้มีผู้ศรัทธาสร้างศาล รวมทั้งได้สร้างองค์เจ้าพ่อเสือถวาย ทำให้ศาลเจ้าพ่อเสือจึงมีสภาพที่เห็นในปัจจุบัน ถัดไปไม่ไกลกันมากนัก มีศาลเจ้าจีนให้สำหรับผู้ที่ศรัทธาในเทพเจ้าจีนได้ขอพรกันอีกด้วย อาคารข้าง ๆ กันเป็นอาคารที่ประดิษฐานองค์พระพิฆเนศวรเทพแห่งความสำเร็จองค์ใหญ่สีชมพูงดงามยิ่งนัก
เดินถัดออกไปอีกนิดที่เป็นอาคารริมน้ำ เมื่อเดินไปถึงต้องบอกว่าสวยงามเป็นอย่างมาก เราจะได้พบกับ “พระพุทธรูปหลวงพ่อโต” สีทองเงาสวยสะท้อนความงามสู่สายตาของพุทธศาสนิกชน ข้างๆกันก็มีรูปปั้นพญานาค 2 ตน ยิ่งใหญ่เพื่อให้เราได้ขอพรพร้อมกับรูปปั้นเกจิอาจารย์ และพระพุทธรูปปางนาคปรก หลังจากนั้นก็สามารถทำบุญให้ทาน ให้อาหารปลา ปล่อยปลากันที่ริมน้ำได้อีก ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ ที่นี่ยังมีรูปปั้นบูรพกษัตริย์คือ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” และ “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ประดิษฐานอยู่ด้วย และพลาดไม่ได้ก่อนจะกลับ ในการไหว้ขอพรบูชา “องค์ท้าวเวสสุวรรณ” เป็นอันครบถ้วนในการเดินทางมา “วัดกระทุ่มเสือปลา” เรียกได้ว่าอิ่มบุญ อิ่มใจ อิ่มตา กลับบ้านไปอย่างมีความสุขกันอย่างแน่นอนครับ!