Digiqole ad

‘อโนชา’ปธ.ศาลฎีกาเปิดงานสัมมนาผู้พิพากษาสมทบศาลแรงงานทั่วประเทศ พัฒนาศักยภาพอำนวยความยุติธรรมตามนโยบาย “ที่พึ่ง เที่ยงธรรม เท่าเทียม ทันโลก”อินทิรา”อธ.ศาลแรงงาน ภ. 1 สนองนโยบาย สานสัมพันธ์ เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ ด้านกฎหมายแรงงานผู้พิพากษาสมทบกว่า600 คน

 ‘อโนชา’ปธ.ศาลฎีกาเปิดงานสัมมนาผู้พิพากษาสมทบศาลแรงงานทั่วประเทศ พัฒนาศักยภาพอำนวยความยุติธรรมตามนโยบาย “ที่พึ่ง เที่ยงธรรม เท่าเทียม ทันโลก”อินทิรา”อธ.ศาลแรงงาน ภ. 1 สนองนโยบาย สานสัมพันธ์ เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ ด้านกฎหมายแรงงานผู้พิพากษาสมทบกว่า600 คน
Social sharing
Digiqole ad

เมื่อวันที่ 20 พ.ย.66 ที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา เดินทางมาเป็นในประธานพิธีเปิดโครงการ การประชุมสัมมนาผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานทั่วประเทศครั้งที่ 9 ประจำปี ที่ศาลเเรงงานภาค1 โดย น.ส.อินทิรา ฉิวรัมย์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค 1 เเละคณะเป็นเจ้าภาพ มี นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ อดีตประธานศาลฎีกา พร้อมด้วยอธิบดีผู้พิพากษาศาลเเรงงานกลาง เเละอธิบดีผู้พิพากษาศาลเเรงงานภาค1-9 พร้อมด้วยคณะผู้พิพากษาสมทบศาลเเรงงานทั่วประเทศเข้าร่วมงาน เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา

นางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา กล่าวเปิดงานว่าศาลยุติธรรม เป็นองค์กรผู้ใช้อำนาจตุลาการด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรมการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษา ในการพิจารณาพิพากษาคดีตามกฎหมายต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม ไร้ซึ่งอคติ เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนที่ได้รับความ เดือดร้อน หรือมีข้อพิพาท
โดยที่ศาลแรงงานเป็นศาลชำนัญพิเศษ มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแรงงาน ซึ่งมีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากคดีแพ่งและคดีอาญาโดยทั่วไป เนื่องจากเป็นข้อพิพาทระหว่างนายจ้างและลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานหรือเกี่ยวกับสิทธิของนายจ้างและลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ โดยกระบวนการพิจารณาพิพากษาคดีเป็นระบบไตรภาคี ประกอบด้วย ผู้พิพากษา ผู้พิพากษาสมทบฝ่ายนายจ้างและผู้พิพากษาสมทบฝ่ายลูกจ้างฝ่ายละเท่าๆ กัน ซึ่งในการพิจารณาพิพากษาคดีแรงงานนั้น จำเป็นต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมายแรงงาน ดังนั้น บุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่จึงต้องได้รับการเพิ่มพูน ความรู้ด้านกฎหมายแรงงาน และพัฒนาศักยภาพเพื่อให้มีความเข้มแข็งทั้งในด้าน วิชาการ กฎหมายและการปฏิบัติงาน เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตามนโยบาย “ที่พึ่ง เที่ยงธรรม เท่าเทียมทันโลก”ในวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ ผู้พิพากษาสมทบจะได้รับความรู้ทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนางานของศาลแรงงาน และนำประโยชน์ที่ได้รับไปกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้มีมาตรฐานและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนต่อไป


น.ส.อินทิรา อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค 1 กล่าวรายงานต่อประธานศาลฎีกาว่า ตาม พรบ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 ได้บัญญัติให้ศาลแรงงานเป็นศาลชำนัญพิเศษ มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี แรงงาน ซึ่งมีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากคดีแพ่งและคดีอาญาโดยทั่วไป การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแรงงานจะต้องเป็นไปโดยประหยัด สะดวกและเที่ยงธรรม ดังนั้น เพื่อเป็นการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ศาลแรงงานภาค 1 จึงได้จัดโครงการ การประชุมสัมมนาผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานทั่วประเทศครั้งที่ 9ขึ้น อันเป็นการเพิ่มพูนความรู้ด้านกฎหมายแรงงาน และเปิดโอกาสให้ผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานทั่วประเทศได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ประสบการณ์ ทัศนคติ วิสัยทัศน์ ตลอดจนรับฟังปัญหา อุปสรรคของการดำเนินกระบวน พิจารณาคดีแรงงาน อีกทั้ง เป็นการส่งเสริมการสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานทั่วประเทศ อันจะเป็นประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนต่อไปในการจัดโครงการ การประชุมสัมมนาผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานทั่วประเทศ ครั้งที่ 9 นี้ ศาลแรงงานภาค 1 ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมสัมมนา โดยมีผู้บริหารศาลแรงงานกลาง ผู้บริหารศาลแรงงานภาค 1-9 ให้เกียรติมาเป็นผู้สังเกตการณ์ และมีผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานกลางผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานภาค 1-9 เป็นผู้เข้าร่วมสัมมนา รวมทั้งสิ้นประมาณ 600 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดสัมนาครั้งนี้มีผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานทั่วประเทศ ประมาณ 600คนมีการบรรยาย อภิปราย เสวนา มีรับชมการแสดงโขนรามเกียรติ์ รวมถึงการจัดกิจกรรมทัศนศึกษาเยี่ยมชมวัดเพื่อประสานความสามัคคีในหมู่คณะของผู้พิพากษาสมทบทุ่วประเทศมีระยะเวลาดำเนินการตั้งเเต่วันที่ 17-19พ.ย.66

Facebook Comments

Related post