
“อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ” ทุ่ม 40 ล้าน เนรมิต เฟสติวัล และกิจกรรมที่ตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ คาดสิ้นปีปิดรายได้ 700 ล้านบาท


อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เดินหน้าลุยงานกลุ่มธุรกิจโอน โปรเจค (Own Project) ภายใต้การสร้างสรรค์งานพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ และใส่ใจรายละเอียดด้วยความเข้าใจ เพื่อสร้างมูลค่า และเพิ่มโอกาสด้านการตลาด ให้เข้าถึงทุกกลุ่มเซกเม้นท์เชิงลึก ลงทุนทุ่มกว่า 40 ล้านบาทสร้างสรรค์งานเฟสติวัลและกิจกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังจากโควิด-19 คาดดันรายได้สิ้นปี 700 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้นจากปีที่แล้ว 64 %
(กรุงเทพ: 14 ก.ย.64) นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท
อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน บริษัท ครีเอทีฟ อีเว้นท์ อันดับ 7 ของโลก (จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยล อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า “จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาได้กระทบต่ออุตสาหกรรมอีเว้นท์และท่องเที่ยวมากที่สุด ซึ่งเวลานี้สถานการณ์เริ่มจะคลี่คลาย หลายประเทศเริ่มผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ รวมทั้งประเทศไทยเอง และมีแนวโน้มที่ธุรกิจอีเว้นท์และการท่องเที่ยวจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง แต่จากเหตุการณ์นี้ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยงานวิจัยบริษัท เอ็นไวโร (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทในเครืออินเด็กซ์ฯ พบว่า โควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคแบบทันทีทำให้พฤติกรรมของผู้คนโหยหา “ประสบการณ์” ที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์ หรือออนไลน์ ที่สร้างประสบการณ์รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสได้ อินเด็กซ์ฯจึงรุกธุรกิจในรูปแบบของ Own Project มากยิ่งขึ้นโดยทุ่มทุนไปกว่า 40 ล้านบาทสร้างเฟสติวัล หรือ เทศกาล ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอินเด็กซ์ฯ และสร้างสรรค์กิจกรรมที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการประสบการณ์ที่สดใหม่
“เริ่มที่เดือนพฤศจิกายนเราจะเปิดศูนย์รวมอีเว้นท์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมให้ทุกคนมาปลดปล่อยพลังไปกับประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดโดยปักหมุดที่แรก ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ที่อินเด็กซ์ฯเองได้เข้าไปบริหารจัดการพื้นที่ และได้มีการเติม creativity เข้าไปผสมผสานกับสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมของไทยโบราณ เป็นการเปิดมุมมองใหม่ในการเที่ยว ที่มีทั้งลานกิจกรรม (Activities) และอีเว้นท์ (event) ในส่วนของกิจกรรมมีทั้งลานกิจกรรมบนบกและในน้ำ อย่างการเปิดลานสเก็ตรูปแบบใหม่เอาใจเหล่านักไถ ที่ลานสเก็ตมาพร้อมกราฟฟิตี้ที่เป็นลวดลายของคลื่นซัด และ กิจกรรมพายเรือคายัค หรือซับบอร์ด เอาใจสายลุยที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ ชมความงดงาม และธรรมชาติสบายๆของเมืองโบราณ และนอกจากในส่วนของลานกิจกรรมแล้วยังมีอีเว้นท์อย่าง การแข่งวิ่งที่ให้ทุกคนมาปลดปล่อยพลังเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเองในการวิ่ง 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร ภายในระยะเวลาจำกัดแค่ 1 ชั่วโมง พร้อมเต็มอิ่มกับบรรยากาศอันสวยงามในยามเช้า และครั้งแรกของการแข่งขันความเร็ว เพียงแค่คุณมีอุปกรณ์ที่มีล้อไม่ว่าจะเป็น ROLLER SKATE, SKATEBOARD หรือ Scooter ,One wheel ก็สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้
ในส่วนของเฟสติวัล เริ่มต้นที่งาน “Forest of Illumination” ครั้งแรกกับประสบการณ์แสงสีบนผืนป่ายามค่ำคืน ณ คีรีมายา จังหวัดนครราชสีมา จัดระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 – 16 มกราคม 2565 สำหรับนักเดินทางที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบผจญภัยเหนือจินตนาการ โดยเราได้เนรมิตเส้นทางแห่งการเดินป่าสุดอัศจรรย์ ที่พร้อมจะสร้างประสบการณ์การเดินป่าครั้งใหม่ โดยผ่านแสงแห่งดวงดาวที่ถักทอเส้นทางให้ทอดผ่านป่าทั้งหมด 7 จุด เปิดขายบัตร Early Bird เร็วๆนี้ผ่าน www.villageofillumination.com ราคาบัตรปกติ 300 บาท ส่งท้ายปลายปีด้วยงาน “Thailand International Lantern & Food Festival” เทศกาลโคมไฟและอาหารนานาชาติ จัดระหว่างวันที่ 12 พฤศจิกายน – 6 ธันวาคม 2564 ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ครั้งแรกของเทศกาลประดับโคมและอาหารนานาชาติ โดยเป็นการสร้างสรรค์กิจกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และก่อให้เกิดรูปแบบการท่องเที่ยวที่หลากหลาย และปิดท้ายด้วย เมืองโบราณ ไลท์ เฟส 2565 “3 อาณาจักรแห่งความรุ่งโรจน์” ที่นำเสนอในรูปแบบเดอะมิวสิคัล ผ่านแสง สี เสียง และมัลติมีเดียสุดอลังการ จะถูกถ่ายทอดอย่างตระการตา ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 1 พฤษภาคม 2565 ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ
“ซึ่งการจัดงานมีการรักษามาตรฐานการดูแลความปลอดภัยโควิด-19 อย่างเข้มงวดด้วยมาตฐานระดับสากล โดยการจำกัดผู้เข้าร่วมงาน ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้างาน และทุกคนลงทะเบียนเข้างานล่วงหน้าก่อนเข้างาน เน้นสถานที่แบบเปิด ที่พร้อมได้ชมทิวทัศน์ สูดอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่าการจัดในที่ร่มและสถานที่ที่มีผู้คนแออัด และงานเหล่านี้จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กลับมาครึ้กครื้นอีกครั้ง” นายเกรียงไกร กล่าวทิ้งท้าย