
“อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ” จับกระแสคนรุ่นใหม่เปิดเกมรุก ยุค “FOMO – FOTO” สร้าง “Experience and Content Platform”


อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เผยรายได้รวมปี 2564 ปิดที่ 580 ล้านบาทเพิ่มจากปีก่อน 33% ที่มีรายได้อยู่ที่ 460 ล้านบาท ส่งผลให้ 3 กลุ่มธุรกิจหลักของอินเด็กซ์ฯ คือ 1.กลุ่มครีเอทีฟ บิซซิเนส ดีเวลลอปเม้นท์ (Creative Business Development) เพิ่มขึ้น 158% 2.กลุ่มมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Service) ลดลง 26 % และ 3.กลุ่มโอน -โปรเจค (Own-Project)เพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในปี 2565 ลุยแพลทฟอร์ม“Experience and Content Platform” เพื่อจับกระแสของคนยุคใหม่ที่ชื่นชอบในการสร้างภาพลักษณ์ในโลกโซเชียล คาดปี 2565 ดันรายได้ 920 ล้านบาท
(กรุงเทพ: 12 ม.ค.65) นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน บริษัท ครีเอทีฟ อีเว้นท์ อันดับ 7 ของโลก (จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยล อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า “ อีเวนต์มาร์เก็ตติ้งคงได้รับผลกระทบหนักจากพิษโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ด้วยการมีข้อจำกัดของการเข้าร่วมอีเวนต์มากขึ้น ทำให้จำนวนของอีเวนต์ลดลง ไทป์ของอีเว้นต์ก็ถูกจำกัดเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และลูกค้าลดงบประมาณในการจัดงาน กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ทำให้มูลค่าตลาดอีเวนต์ราว 1.4 หมื่นล้านบาทสูญเม็ดเงินกว่า60% ส่งให้ผลประกอบการของบริษัทในปี 2564 อยู่ที่ 580 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับปีที่ก่อนที่เกิดการระบาดของโควิด-19 อินเด็กซ์ฯ เติบโตขึ้น 33%ด้วยการจับกระแสเทรนด์อีเวนต์ยุค “FOMO-FOTO” ที่มาจากพฤติกรรมของคนในปัจจุบันที่เวลาไปไหนแล้วต้องถ่ายรูปและต้องอยู่ในกระแสตลอดเวลา ปี 2565 จึงเดินหน้าลุยแพลตฟอร์ม “Experience and Content Platform”สร้างสรรค์ 20 อีเวนต์ตลอดทั้งปีให้อยู่ในกระแส
“ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมาอินเด็กซ์ฯ ได้สร้างสรรรค์ OWN CREATION ในรูปแบบของ ของน็อนอีเวนต์ (NON-EVENT) อย่างต่อเนื่องได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 100,000 คน เริ่มตั้งแต่ Village of illumination @SinghaPark Chiang Rai เทศกาลประดับไฟฤดูหนาว ,House of Illumination ศิลปะดิจิทัลทีใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 8 จัดถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2565, เมืองโบราณไลท์เฟส เทศกาลประดับไฟฤดูร้อนยามค่ำคืน, Forest of Illumination at Kirimaya เทศกาลประดับไฟ และการแสดงแสง สี เสียง ครั้งแรกของเขาใหญ่ที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับนวัตกรรมดิจิทัล ,เทศกาลโคมไฟและอาหารนานาชาติ ณ เมืองโบราณ สมุทรปราการและปิดท้ายด้วยงาน Tha Maharaj illumination โดยปีนี้ได้ต่อยอด“Experience and Content Platform” จากปีที่แล้ว และสร้างสรรค์งานใหม่ ตั้งเป้ามีผู้เข้าร่วมงาน 200,000 คน มากขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อน จาก 20 อีเวนต์ อาทิ งาน YOUNG SELF-MADE MILLIONAIRE AWARDS
งานประกาศรางวัลที่มอบให้สำหรับ ผู้ประกอบการและนักขาย ผู้เป็นนักสร้างตัวจริงในประเทศไทย จัดวันที่ 25 มกราคม 65 ,KINGDOM OF LIGHTS นำเสนอในรูปแบบเดอะมิวสิคัล ผ่านแสง สี เสียง และมัลติมีเดียสุดอลังการ จะถูกถ่ายทอดอย่างตระการตา ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จัดระหว่างวันที่ 16 มีนาคม – 16 พฤษภาคม, งานแข่งวิ่ง V Runner ที่ให้ทุกคนมาปลดปล่อยพลังเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเองในการวิ่ง 10 กิโลเมตร ภายในระยะเวลาจำกัดแค่ 1 ชั่วโมง พร้อมเต็มอิ่มกับบรรยากาศอันสวยงามในยามเช้า ,Wind Toy Fest ครั้งแรกของประเทศไทยที่จะได้พบกับความน่ารักของสนูปปี้และผองเพื่อนอย่างเต็มรูปแบบที่จะไปพบปะแฟนๆทั่วทั้ง 5 จังหวัดเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงเดือนมิถุนายน มาต่อทีช่วงปลายปีกับงาน “Thailand International Lantern & Food Festival” เทศกาลโคมไฟและอาหารนานาชาติ จัดระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม 2565 ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ปิดด้วยงาน DOUBLE FESTIVAL AT SINGHA PARK ครั้งแรกของโลกที่รวม 2 เทศกาลที่ใหญ่ที่สุดไว้ด้วยกันระหว่าง Wind Toy Fest และงานไลท์เฟส นอกจากนี้ยังมีในส่วนของงานเทรดแฟร์ในต่างประเทศ ได้แก่ งาน Cambodia Architect & Décor จัดร่วมกับงาน Cambodia Health and Beauty Expo และ Cambodia Food Plus Expo วันที่ 5 – 7 สิงหาคม ณ ประเทศกัมพูชา และงาน Virtual Exhibition Architect & Décor ,Virtual Exhibition FoodBev Retail, Health & Beauty จัดวันที่ 25-26 พฤศจิกายน และงานเทรดแฟร์ในประเทศ ได้แก่ Bangkok Beauty Show 2022 งานเดียวที่มีครบจบทุกเรื่องของความสวย จัดระหว่างวันที่ 14-16 กรกฎาคม ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา”
จากการรุกแพลทฟอร์ม “ Experience and Content Platform” ด้วยงานที่กล่าวมาเบื้องต้นจะส่งผลให้ธุรกิจในปี 2565 ของอินเด็กซ์ฯ มีสัดส่วนรายได้ที่เปลี่ยนแปลงไป โดย สัดส่วน Own Project เพิ่มขึ้นเป็น 30 % เติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว 78 % Creative Business Development มีสัดส่วนรายได้ไม่ต่ำกว่า 30% และสัดส่วนรายได้จาก Marketing service ลดลงเป็น 40% ” นายเกรียงไกร กล่าวทิ้งท้าย